ภายในห้องทำงาน หลี่เจ๋อกำลังอ่านโองการเกี่ยวกับปราบปรามฏตระกูลฉู่ที่เสด็จพ่อหรือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นได้ทำการปราบปรามไปเมื่อหลายปีก่อน ในสมัยที่เขายังเป็เพียงองค์ชายลำดับที่สาม
ในราชโองการของเสด็จพ่อได้บอกกล่าวไว้ว่าเหล่าฏนั้นได้ถูกราชสำนักกวาดล้างไปเป็จำนวนมาก แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังเล็ดลอดหนีไปได้ ว่ากันว่าพวกมันหลบอยู่ตามแนวป่าเขาแถวเป่ยโจว เขาที่ได้รับตำแหน่งอ๋องนั่งเมืองคนปัจจุบันจึง้ารับราชโองการกวาดล้างต่อเพื่อไม่เหลือขวากหนามในการครองบัลลังก์ขององค์ไท่จื่อคนต่อไป ซึ่งอาจจะเป็พระอนุชาสักพระองค์ของเขา
ภาพวาดของเขาไป๋หูอันเลื่องชื่อวางอยู่บนโต๊ะทำงานของหลี่เจ๋อ ลายเส้นและการลงสีที่ประณีตชวนให้รู้สึกคุ้นเคยเป็อย่างดี แต่ภายในใจของเขากลับร่ำร้องว่าไม่อยากให้เป็ฝีมือของนางเลย เพราะภาพหุบเขานี้มันไม่ใช่ภาพวาดที่ธรรมดา แต่มันเพิ่งได้รับการยืนยันจากราชสำนักว่าเป็หนึ่งในอาณาเขตที่พวกฏตระกูลฉู่นั้นใช้กบดานอยู่นั่นเอง ความจริงนี้อาจจะทำให้อ๋องหนุ่มต้องเจอเื่ที่เ็ปมากที่สุดในชีวิต
หากว่าตัวเ้านั้นมีความผิดในฐานฏจริง เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะทำเช่นไร จะลงมือทำร้ายเ้าได้เช่นไรกัน หยางเอ๋อร์
ข้านั้นชื่นชมในฝีมือการวาดภาพของเ้ามาตลอดั้แ่ครั้งแรกที่เคยได้พานพบกัน แต่ใยเ้าถึงต้องวาดภาพต้องสาปนี้ด้วย เ้าเคยหวั่นเกรงบ้างไหมว่ามันจะนำภัยมาให้กับเ้าในท้ายที่สุด และข้าที่เป็ผู้ได้รับมอบหมายให้ปราบปรามเหล่าฏนั้นจะทำเช่นไรเพื่อกางปีกปกป้องเ้า หรือว่าข้าจะต้องขังเ้าไว้ในกรงทองแห่งนี้หรืออย่างไร
ในขณะที่หลี่เจ๋อกำลังครุ่นคิดอยู่ เป็เฟิงอี้ที่เข้ามารายงานผู้เป็นายถึงบุคคลที่มาใหม่
“ท่านอ๋อง ตอนนี้แม่นางหานหยางไม่ยอมทานอาหารเลยพ่ะย่ะค่ะ”
แม้จะเป็ห่วงมากเท่าไหร่แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เพราะหน้าที่การตามล่าของเบาะแสของตระกูลฉู่และการเค้นคำตอบจากภาพวาดของหานหยางยังค้ำคออยู่
“เดี๋ยวข้าจะไปดูนางเอง” หลี่เจ๋อพูดพร้อมกับคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาสวมใส่และสาวเท้าก้าวยาวเดินจากห้องทำงานไปยังเรือนหลังงามที่อยู่ท้ายจวน
“ปล่อยข้า!” รู้สึกตัวอีกทีหานหยางก็มาอยู่ที่ห้องๆ หนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะเป็ห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยกลิ่นกำยานของจันทน์หอมชวนให้แสบจมูกยิ่งนัก ข้างกายมีหญิงสาวสองคนที่แต่งกายคล้ายกัน ดูแล้วคงเป็บ่าวของจวนใหญ่แห่งนี้
กำยานกลิ่นจันทน์หอมอบอวลไปทั่วห้องหมายจะทำให้คนที่อยู่ในห้องสงบใจ แต่ทว่าความเป็จริงนั้นกลับให้ผลตรงกันข้ามกัน
ในชีวิตนี้ข้าไม่เหลือสิ่งอื่นใดอีกแล้ว ทั้งท่านพ่อท่านแม่ จวนและทรัพย์สินถูกยึดกลับไปเป็ของแผ่นดินหมดแล้ว สมบัติตระกูลหานชิ้นสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่ในตอนนี้คงจะมีแค่ลมหายใจของข้ากระมัง
ยิ่งได้ทบทวนเื่ราวต่างๆ ก็ยิ่งไม่เข้าใจในโชคชะตาของตน ความรู้สึกของนางในตอนนี้รู้สึกหนักอึ้งราวกับมีหินขนาดมหึมาถ่วงเอาไว้
“แม่นางหานหยาง ได้เวลาอาหารเย็นแล้วเ้าค่ะ” เสียงนุ่มนวลของสตรีวัยใกล้เคียงกับนางดังขึ้นพร้อมกับสำรับอาหารที่อยู่ในมือ
“ข้าไม่กิน ไม่ต้องมายุ่งกับข้า!” หานหยางปฏิเสธทันควัน สภาพจิตใจของนางในตอนนี้ไม่สามารถพบปะใครได้จริงๆ
ทันทีที่สิ้นเสียงของหานหยาง บานประตูก็ถูกผลักเข้ามาอย่างรุนแรงจนเสียงบานพับประตูสั่นสะท้านเบาๆ ราวกับ้าไม่พอใจกับการปฏิบัติที่หยาบกระด้างนี้
หลี่เจ๋อเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าขุ่นมัว นอกจากจะถูกปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือเื่แหล่งกบดานของฏแล้วยังถูกปฏิเสธสำรับอาหารเย็น หานหยางของเขานั้นจะดื้อดึงไปถึงไหน
“อย่ามาจับตัวข้านะ!” หานหยางที่กำลังพยายามหาทางหนีให้กับตัวเอง แต่ก็มิวายถูกบุรุษผู้สูงศักดิ์ในอาภรณ์ชั้นดีสีนำเงินเข้มรั้งตัวไว้
“ทำไมข้าถึงจับตัวของเ้าไม่ได้กัน ในเมื่อบิดาและมารดาขายเ้าให้กับข้าแล้ว”
“ข้า...ถูกนำมาขาย?” เสียงของหานหยางสั่นเครือ ร่างบางสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ไม่เป็ความจริงใช่ไหม โชคชะตากำลังล้อนางเล่นหรือเปล่า
“ถูกต้อง มารดาของเ้าเป็คนขายเ้าให้กับข้าก่อนที่นางจะถูกทางการจับกุมตัวไป ถือเป็การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของนางเพื่อให้เ้ามีชีวิตรอดยังไงหล่ะ ขายเรือนร่างให้กับข้าเป่ยอ๋องแห่งแคว้นเป่ยโจวย่อมดีกว่าถูกปะาชีวิต เ้าว่าจริงหรือไม่หานหยาง?”
“ท่านคือเป่ยอ๋องที่เพิ่งมาครองแคว้นได้เมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา”
หานหยางเคยได้ยินท่านแม่บอกกับนางเมื่อหลายเดือนก่อนว่าตระกูลหานจะต้องไปคารวะอ๋องนั่งเมืองคนใหม่ที่เขาร่ำลือกันว่ารูปงามนัก แต่หานหยางที่จดจ่อกับการวาดภาพกลับหลงใหลการเดินเสาะหาทิวทัศน์มากกว่าการไปคารวะอ๋องหนุ่มรูปงาม
“ถือว่าสมองของเ้านั้นยังไม่ทึบเสียทีเดียว งั้นเรามาเข้าเื่กันเลย”
อ๋องหนุ่มยื่นม้วนกระดาษม้วนหนึ่งที่ช่างดูคุ้นตาให้กับหานหยาง มันเป็ภาพวาดของหุบเขาไป๋หู ซึ่งเป็ผลงานชิ้นเอกของนางนั้นเอง
“ท่านอย่าบอกนะว่าท่านชอบมันมาก...จนต้องจับข้ามาขังที่นี่เพื่อวาดภาพให้กับท่าน”
“เ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าที่ตระกูลของเ้าต้องล่มจมชั่วพริบตานั้นเป็เพราะเหตุใดกัน”
ประโยคคำถามนี้สั่นคลอนจิตใจของหญิงสาวได้ดี ซึ่งมันเป็คำถามที่นางเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้
“ข้าไม่ทราบ...”
“งั้นข้าจะบอกกับเ้าเอง มันเป็เพราะภาพนี้ของเ้า ภาพนี้เป็ภาพของหุบเขาที่พวกฏตระกูลฉู่กำลังแฝงตัวกบดานอยู่”
“เป็ไปไม่ได้...ท่านล้อข้าเล่นใช่ไหม!”
ภาพของบิดาที่เข้าไปยังบริเวณหุบเขาพร้อมกับชายชุดดำยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของหญิงสาว ท่าทางของชายชุดดำเ่าั้ที่ส่งสายตามองสำรวจไปทั่วราวกับว่ากลัวใครจะค้นพบพวกเขา
“เป็เพราะเหตุนี้ใช่ไหมท่านถึงต้องซื้อตัวข้ามาเพื่อกักขังไว้…ข้าไม่มีสิทธิ์ออกไปไหนเลยหรือ”
“เกรงว่าจะไม่ได้เพราะในตอนนี้ข้างนอกยังไม่ปลอดภัยสำหรับเ้า และหน้าที่สองข้าคือการจับตาดูเ้าที่อาจจะเป็สายลับของฏตระกูลฉู่”
“…”
“ข้าจะไม่สังหารเ้าอย่างแน่นอน และใครก็แตะต้องเ้าไม่ได้หากข้าไม่ยินยอม เพราะฉะนั้นวางใจได้หากเ้ารับปากที่จะช่วยข้าเื่แหล่งกบดานของพวกมัน”
"ข้าไม่รู้ว่าเขาลูกนั้นอยู่ที่ใด..."
"เ้าจะเอาแต่ปฏิเสธข้าไปถึงเมื่อไหร่ หานหยาง?"
เสียงของหลี่เจ๋อเย็นเยียบแต่กลับแฝงไว้ด้วยโทสะ แม้เขาพยายามกดข่มเท่าไหร่ แต่มันก็ยังแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวออกมา
"ข้าพยายามให้โอกาสเ้าแล้ว แต่เ้ากลับไม่เห็นค่าใดของมัน เ้าอยากลองดีกับข้าใช่หรือไม่?"
หานหยางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แม้ใจจะสั่นด้วยความกลัวแต่เื่ที่บิดาอยู่ฝั่งฏนั้นนางไม่เคยรับรู้มาก่อน ส่วนที่ว่าภาพวาดหุบเขาไป๋หูนั้นคือเขาลูกไหน นางก็จำได้เพียงลางๆ เพราะตอนนั้นนางยังเป็เด็ก และอีกอย่างหุบเขาในหนานซานมีตั้งมากมายหลายแห่ง
“ท่านอ๋อง ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้จริงๆ ว่าเขาลูกนั้นอยู่ที่ไหน" หานหยางยังคงยืนกรานปฏิเสธ แต่คำพูดของนางราวกับการราดน้ำมันลงในกองไฟ
หลี่เจ๋อกระแทกโต๊ะจนเสียงดังลั่น สายตาอันดุดันของเขายิ่งกดดันนางจนแทบจะทำให้นางหายใจไม่ออก
"ข้าเกลียดนักคนที่ชอบปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผล เ้ารู้หรือไม่ว่าั้แ่เล็กจนโตนั้นข้าไม่เคยถูกผู้ใดปฏิเสธ? และเ้าเพิ่งทำสิ่งที่ข้าไม่อาจยอมรับได้ลงไป"
ท้ายที่สุดน้ำตาหยดสุดท้ายของหานหยางก็หลั่งออกมาพร้อมกับสติที่ดับวูบไป...
แต่ก่อนที่ร่างของหานหยางจะร่วงลงบนพื้นเย็นเฉียบกลับมีอ้อมแขนอบอุ่นประคองนางไว้ ดวงตาสีน้ำตาลทองพินิจไปยังไปหน้างามที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ดูท่าว่าหญิงสาวในอ้อมกอดของเขาคงผ่านเื่ร้ายแรงมามากภายในวันเดียว
อ๋องหนุ่มอุ้มคนในอ้อมกอดด้วยท่าอุ้มเ้าสาว พาไปยังห้องนอนที่เตรียมไว้ให้และวางนางลงบนเตียงใหญ่ จัดแจงห่มผ้าด้วยกลัวว่าร่างบางของนางจะเหน็บหนาว
เขาจ้องมองหานหยางอยู่ชั่วขณะ ราวกับกำลังชั่งใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป โทสะที่คุกรุ่นเกือบจะทำให้เขาเผยด้านมืดที่เก็บซ่อนอยู่ในส่วนลึกของตัวเอง แต่ในที่สุด เขาก็สูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติกลับคืนมา
"หยางเอ๋อร์ ข้าไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้อีกแล้ว"
เขากล่าวเสียงต่ำ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ประตูถูกปิดดังลั่นตามแรงอารมณ์ของเขา ทิ้งไว้เพียงบรรยากาศเงียบงันที่น่าหวาดหวั่น
เฟิงอี้ที่รออยู่ด้านนอกจ้องมองนายของตน บัดนี้คิ้วขององครักษ์หนุ่มกับขมวดติดกันจนแทบจะมัดปมได้อยู่รอมร่อ
ท่านอ๋อง… เหตุใดนางจึงสำคัญต่อท่านถึงเพียงนี้กัน?
จากนั้นไม่นานหลี่เจ๋อก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งให้เฟิงอี้ทำการเก็บกวาดหลักฐานการมีอยู่ของหานหยางให้หมด แถมยังให้เฟิงอี้ติดต่อกับเ้าเมืองหนานซานเพื่อทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญบางอย่าง
นางอาจจำข้าไม่ได้… แต่นางเคยเป็แสงสว่างเดียวในชีวิตของข้า หากแม้ต้องแลกทุกสิ่ง… ข้าก็จะไม่มีวันยอมปล่อยให้นางถูกเหล่าฏทำอันตรายเด็ดขาด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้