ครอบครัวสวี่ทั้งสามคนระมัดระวังตัวมาหลายวัน จนกระทั่งเข้าเดือนสิบสอง ทางด้านแม่นมลู่ก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง สั่งให้ครอบครัวสวี่ทั้งสามคนหยุดสืบต่อไป สวี่ตี้ถึงได้วางใจลง
ั้แ่ส่งเจิ้งหยวนหยวนมาที่เหอซี สวี่จือก็รู้สึกว่าตนเองมีที่ไปใหม่ เดิมนางชอบไปที่บ้านสกุลหลี่ แต่ว่าตอนนี้ลูกสาวคนโตของสกุลหลี่ได้แต่งงานไปแล้ว น้องสาวคนที่สองก็เป็ว่าที่พี่สะใภ้ของสวี่จือ ถูกฮูหยินหลี่ขังอยู่ในเรือนให้ปักชุดแต่งงาน หลังจากสวี่จือไปหาแล้ว พูดกันไม่กี่คำก็ถูกแม่นมที่ฮูหยินหลี่จ้างมาเร่งให้ไปทำงาน หลังจากนั้นหลายครั้งสวี่จือก็ไม่อยากไปแล้ว
สวี่จือกลับมายังบ่นกับแม่นมลู่ บอกว่าคนที่หมั้นแล้วเตรียมตัวแต่งงานมีชีวิตที่ไม่เป็ตัวของตัวเองเลย ดูอย่างพี่สาวสกุลหลี่ ตอนนี้แม้แต่พูดคุยก็ยังถูกคนคุม สวี่จือบอกว่าอาศัยตอนนี้ที่ตัวเองยังไม่ถูกการแต่งงานมาผูกมัดมาหาความสุขให้กับชีวิตดีกว่า
แม่นมลู่ได้ยินก็รู้แล้วว่านี่คือคำพูดที่สวี่ตี้คุณชายใหญ่ในเรือนพูดให้สวี่จือฟัง เพื่อเื่นี้แม่นมลู่จึงไปหาสวี่ตี้โดยเฉพาะ
หลังจากสวี่ตี้ฟังแล้วก็ถอนหายใจ “แม่นม คำพูดนี้ฟังไปแล้วไม่น่าฟัง ท่านลองคิดดีๆ ว่าเป็เหตุผลนี้หรือไม่? ท่านคิดดูนะขอรับ ตอนที่ยังไม่ได้หมั้น เด็กหญิงเด็กชายน่ะ ตอนเด็กชายไปเจอกับแม่นางหน้าตางดงามบนท้องถนน ถึงจะเขินอายแต่ก็ยังสามารถแสดงความรักของตัวเองออกมาได้ หลังจากหมั้นไปแล้วก็จะต้องเก็บเนื้อเก็บตัวทำตัวให้ดีๆ”
แม่นมลู่กล่าว “เ้าหยุดก่อน อะไรเรียกว่าจะเก็บเนื้อเก็บตัวทำตัวดีๆ? เช่นนั้นจะทำตัวดีๆ อย่างไร? หมั้นแล้วต่อไปก็ต้องเตรียมตัวแต่งงาน แต่งงานน่ะ ต่อไปจะต้องดูแลบ้านให้ดีๆ บุรุษก็ต้องหาเลี้ยงครอบครัว สตรีก็ต้องดูแลงานบ้าน สามีสอนลูก ทั้งสองคนรักกันดี มีทั้งปรึกษากันและกัน ใช้ชีวิตตัวเองให้ดี เลี้ยงลูกตัวเองให้ดี เช่นนี้ไม่ดีหรือ?”
สวี่ตี้กล่าว “แม่นม เช่นนี้ดีมากขอรับ ที่ข้าจะพูดกับท่านก็คือ ก่อนจะหมั้น ความจริงแล้วทุกคนต่างร่าเริง หลังจากหมั้นไปแล้วก็ไม่สามารถร่าเริงมีชีวิตชีวาเช่นนี้ได้แล้ว จะต้องระวังคำพูดและการกระทำ บุรุษยังดีหน่อย ส่วนเด็กผู้หญิงน่ะ จะต้องเก็บตัวเย็บชุดแต่งงานอยู่ในเรือน เรียนรู้กฎระเบียบ หลี่เยว่ซีก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ วันๆ ถูกฮูหยินหลี่จับตาดู รอจือเอ๋อร์ของพวกเราถึง่เดียวกับหลี่เยว่ซี อย่างไรข้าก็เอ็นดูมาก”
แม่นมลู่กล่าว “คุณชายใหญ่ของข้า ข้าว่าเ้าอย่าใช้คำพูดอื่นมาผสมกันกับเื่ที่ข้าพูดกับเ้าสิ ที่ข้าพูดก็คือต่อไปอย่าพูดจาที่มันออกนอกลู่นอกทางปกติพวกนี้ต่อหน้าคุณหนูเก้าอีก พูดในเรือนน่ะจะอย่างไรก็ได้ เกรงว่าคนหนึ่งออกไปพูดด้านนอก แล้วมันลือออกไปจะไม่ดี ชื่อเสียงของเด็กหญิงนั้นสำคัญมากนะ”
สวี่ตี้กล่าว “แม่นม ข้ารู้ว่าชื่อเสียงของเด็กหญิงนั้นสำคัญมาก ท่านวางใจเถิด ต่อไปข้ารับรองว่าจะไม่พูดต่อหน้าจือเอ๋อร์ ดีหรือไม่?”
แม่นมลู่กล่าว “คุณหนูเก้าของพวกเราเป็เด็กดีเชื่อฟัง พวกเราทุกคนต่างชอบนาง แต่ว่าเพื่ออนาคตที่ดีของนาง หลายอย่างที่ตอนนี้ควรจะเรียนก็ต้องเรียน เื่บางเื่ควรจะทำก็ต้องทำขึ้นมาถึงจะถูก บนโลกใบนี้เด็กผู้หญิงใช้ชีวิตไม่ง่ายเลย ข้ารู้ว่าพวกเ้ามักจะรู้สึกว่า ต่อไปคุณหนูเก้าแต่งงานไปจะต้องดูแลงานบ้าน ช่วยเหลือสามี เลี้ยงลูก ตอนที่เป็คุณหนูอยู่ในเรือนจะผ่อนคลายอย่างไรก็ได้ คุณชายใหญ่ ในเมื่อต่อไปจะต้องออกไป ตอนนี้พวกเราจะต้องให้คุณหนูเก้าเรียนรู้ความสามารถเอาไว้ป้องกันตน ต่อไปถึงจะสามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้นะ”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง ที่แม่นมลู่พูดมาก็มีเหตุผล ในใจก็เข้าใจว่าเื่เป็อย่างไร จะให้น้องสาวทำหรือไม่นั้นก็เป็อีกเื่
แน่นอนว่าสวี่จือไม่รู้ว่าพี่ชายและแม่นมได้พูดคุยกันเพื่อตนเอง หลังจากเข้าเดือนสิบสอง นางก็พาลูกล้ออย่างสวี่ไป่ไปวิ่งเล่นที่เรือนเล็กของสกุลเจิ้ง
เจิ้งป๋อหยวนยังคงกลับมาครึ่งเดือนหนึ่งครั้ง เจิ้งหยวนหยวนพาคนใช้ แล้วก็แม่นมที่เลี้ยงดูตัวเองใช้ชีวิตอยู่ในเรือนเล็กๆ แต่ที่เหอซีมีเื่ราวมากมาย ไม่เหมือนกับที่เมืองหลวง โดยเฉพาะหลังจากเข้าเดือนสิบสอง จะเตรียมของขวัญอย่างไร จะไปซื้อของอะไรที่ไหน
ท่านลุงใหญ่ของเจิ้งป๋อหยวนได้ยกร้านค้าหลายร้านให้กับเจิ้งป๋อหยวนกับเจิ้งหยวนหยวน พอดีกับที่ร้านค้านั้นเป็ร้านที่สวี่จือชอบไปมากที่สุด สามารถซื้อของที่ร้านอื่นๆ ไม่มีจำนวนมาก สวี่จือช่วยเจิ้งหยวนหยวนจ้างแม่ครัวที่เป็คนเหอซีมาคนหนึ่ง ช่วยทำอาหาร ช่วยเตรียมของปีใหม่ เจิ้งหยวนหยวนรู้สึกขอบคุณที่สวี่จือช่วยตนเอง ผู้ดูแลร้านอาหารแห้งนำอาหารทะเลจากที่อื่นเข้ามาขาย จากการช่วยเหลือของแม่นมตนเอง เจิ้งหยวนหยวนก็จัดของขวัญสี่สีออกมา แล้วพาสาวใช้ของตนเองไปแสดงการขอบคุณสกุลสวี่
จางจ้าวฉือกลับอย่างไรก็ได้ ลูกสาวมีเพื่อนสนิทกันั้แ่เด็กนางก็ดีใจ เด็กหญิงอายุน้อย มีเื่บางเื่ที่ไม่อยากจะบอกพ่อแม่กับพี่ชายรวมถึงคนใกล้ชิด แต่จะชอบไปพูดกับเพื่อนๆ มากกว่า มีเพื่อนเช่นนี้สักคน จางจ้าวฉือดีใจมาก
เพราะเจิ้งหยวนหยวนคลอดก่อนกำหนด ั้แ่เด็กร่างกายก็อ่อนแอ บวกกับไม่มีมารดาคอยดูแลอยู่ข้างกาย ถึงแม้จะอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่าในจวน แต่หญิงชราอย่างไรก็อายุมากแล้ว เื่บางเื่ก็ดูแลได้ไม่ทั่วถึง อายุก็พอๆ กับสวี่จือ แต่ตัวเตี้ยกว่าสวี่จือครึ่งหัว ร่างกายดูบอบบางมาก
จางจ้าวฉือตรวจดูร่างกายเล็กๆ แม้แต่ตอนที่พูดจาลมหายใจก็ยังไม่มั่นคง หากยังไม่บำรุงดีๆ ไม่เพียงแต่ต่อไปแต่งงานไปแล้วจะมีลูกยาก คาดว่าจะส่งผลกระทบให้มีอายุไม่ยืน
จึงอาศัยใน่ที่สวี่จือกับเจิ้งหยวนหยวนพาสวี่ตี้ขึ้นไปพูดกันบนเตียงอุ่น จางจ้าวฉือก็เชิญแม่นมข้างกายของเจิ้งหยวนหยวนมา
แม่นมคนนี้เป็คนที่ลุงใหญ่ของสกุลเฉินช่วยจัดหามา พูดจาได้ฉะฉานชัดเจน มาดูแลเด็กทั้งสองคนนี้ตั้งรกรากใหม่ ต่อไปก็ให้เด็กทั้งสองเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า
นางในในวังเมื่อถึงอายุเกณฑ์ที่ต้องออกจากวัง หลายคนเพราะว่าเหตุผลแบบนั้นแบบนี้ ก็ออกมาเป็แม่นมฝึกสอนให้กับบุตรีของขุนนาง บางคนก็จะติดตามเด็กหญิงที่ตัวเองเคยสั่งสอน ตอนที่เด็กหญิงแต่งงานออกไปก็ติดตามไปด้วย ต่อไปก็ให้เด็กเหล่านี้เลี้ยงตัวเองยามแก่ แม่นมแซ่เฉินที่อยู่ข้างกายเจิ้งหยวนหยวนก็อยู่ในสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน
หลังจากแม่นมเฉินทำความเคารพจางจ้าวฉือเรียบร้อย จางจ้าวฉือก็เชิญนางให้มานั่ง “แม่นมเฉิน ท่านเองก็รู้ว่าข้าเป็หมอ เห็นคนครั้งแรกก็จะสังเกตสีหน้าคน คำพูดที่ข้าจะพูดกับท่าน ก็ขอให้ท่านอย่าได้โกรธเคืองเลยเ้าค่ะ”
แม่นมเฉินกล่าว “ฮูหยินสวี่ ท่านมีวิชาล้ำลึก ตอนนั้นผู้นำตระกูลจางเป็ถึงแพทย์ประจำตัวของไทเฮาองค์ก่อน เื่นี้พวกเราก็ต่างเคยได้ยินมาก่อน ท่านมีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาได้เลยเ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือเงียบอยู่นาน “ข้าเห็นคุณหนูของพวกท่านแล้ว สีหน้าของนางไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เป็เพราะอะไรหรือ?”
แม่นมเฉินถอนหายใจ “คุณหนูของพวกเราตอนที่เกิดมาก็คลอดยาก จึงบกพร่องมาั้แ่เกิด ต่อมาได้ยินมาว่าไม่ได้รับการบำรุงให้ดี ฮูหยินสวี่ ข้าเพิ่งจะมาก่อนที่สองพี่น้องคู่นี้จะมาที่เหอซี หลังจากมาแล้วข้าเห็นคุณหนูของข้าเป็เช่นนี้แล้ว อยากจะขอให้หมอสักคนมาบำรุงนางเ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือกล่าว “แม่นมเฉิน พูดกันตามเหตุผลแล้วไม่มีหมอคนไหนขอคนรักษา แต่ข้าเห็นคุณหนูของท่านน่าเอ็นดูมาก ท่านเองก็อย่ารังเกียจที่ข้ายุ่งมากเลย ข้าจะช่วยตรวจคุณหนูของพวกท่านให้ ท่านว่าอย่างไรเ้าคะ?”
แม่นมฟังแล้วก็ยืนขึ้นทันที พร้อมกับทำความเคารพให้จางจ้าวฉืออย่างจริงจัง นี่กลับทำให้จางจ้าวฉือตั้งสติกลับมาแทบไม่ทัน รีบเข้าไปจับมือแม่นมเฉิน
แม่นมเฉินกล่าว “ฮูหยินสวี่ ขอบคุณท่านเ้าค่ะ”
หลังจากจางจ้าวฉือตรวจเจิ้งหยวนหยวนอย่างละเอียด ก็เขียนสูตรสมุนไพร ให้แม่นมเฉินไปหาสมุนไพรตามสูตรมา หลังจากเจ็ดวันค่อยมาตรวจใหม่
แน่นอนว่าแม่นมเฉินไม่มีอะไรที่จะไม่ยินยอมที่จะกลับไปหายา หนึ่งวันต้มยาให้เจิ้งหยวนหยวนดื่มสองครั้ง
เจิ้งหยวนหยวนดื่มยาขมก็ถามแม่นมเฉิน “แม่นม เหตุใดจะต้องดื่มยาขมเช่นนี้ด้วยเ้าคะ ข้าไม่ได้ป่วยเสียหน่อย”
แม่นมเฉินกล่าว “คุณหนู นี่คือยาบำรุงร่างกายของท่านเ้าค่ะ ท่านเป็สตรี ต่อไปจะต้องหาครอบครัวสามีและมีลูก ไม่มีร่างกายที่แข็งแรงจะเป็ไปได้อย่างไรเ้าคะ? ฮูหยินสกุลสวี่เป็คนจิตใจดี วิชาแพทย์ก็สูงส่ง นางเห็นท่านแล้วก็พูดกับข้าเื่ร่างกายของท่าน คุณหนู พวกเราน่ะดูเหมือนว่ามาที่ที่ยากแค้นนี้จะเจอคนดีแล้ว คบหากับพวกเขาดีๆ ต่อไปจะเป็ประโยชน์ต่อพวกเรานะเ้าคะ”
เจิ้งหยวนหยวนได้ยินคำพูดแม่นมแล้วก็ถอนหายใจ “ข้ามีหรือจะไม่รู้ว่าร่างกายข้าไม่ดี ั้แ่เด็กข้าก็ไม่มีแม่ ถึงแม้ท่านย่าจะคอยดูแลข้าตลอด ท่านย่าจะรักข้าแค่ไหน บางเื่จะอย่างไรก็ดูแลได้ไม่ทั่วถึง อีกทั้งพวกเราใช้ชีวิตอยู่ในจวนก็ยังต้องสนใจสายตาของคนอื่น สามารถตามท่านพี่ออกมาใช้ชีวิตได้ ในใจของข้าก็ดีใจมากแล้วเ้าค่ะ”
เห็นคุณหนูตนเองเชื่อฟังเช่นนี้ แม่นมเฉินถอนหายใจอย่างโล่งใจออกมาหนึ่งที มีคนรู้ว่านางที่เป็แม่นมระดับป้ายทองจะต้องติดตามเด็กสกุลเจิ้งสองคนไปที่ชายแดน ก็ต่างบอกว่าสมองนางพังไปแล้ว ความจริงแล้วแม่นมเฉินเองก็มีการคำนวณของตัวเอง ในเมืองหลวงมีคนรู้จักคุณชายรองของสกุลเจิ้งเยอะ แต่กลับน้อยมากที่จะรู้ว่าคุณชายรองของสกุลเจิ้งนั้นมีป้ายเหล็กอักษรชาดเป็ของตัวเอง
แม่นมเฉินรู้สึกว่าคุณชายใหญ่ของสกุลเจิ้งได้สืบทอดมายังตระกูลรองของสกุลเจิ้งในตอนนี้ แล้วพาน้องสาวของตนแยกจวนออกมา คิดว่านี่ไม่ใช่แค่โอกาสของสองพี่น้องสกุลเจิ้ง ยังเป็โอกาสของตัวเองด้วย ตอนที่คุณชายใหญ่สกุลเฉินเชิญตนเองกลับมา ก็ได้เล่าเื่ราวทั้งหมดให้ฟังหนึ่งรอบ นางเองก็เจอเด็กทั้งสองของสกุลเจิ้งแล้ว นางพิจารณาอยู่นานถึงได้รับปาก ในเมื่อตามมาแล้ว เช่นนั้นก็จะต้องสั่งสอนเด็กทั้งสองให้ดีๆ ไม่ว่าจะเจิ้งป๋อหยวนหรือว่าเจิ้งหยวนหยวน ไม่เพียงจะต้องดูแลให้ร่างกายดีขึ้น ยังต้องสอนเื่น้ำใจให้กับเด็กทั้งสองคนด้วย
ทางด้านสกุลสวี่ แม่นมลู่หลังจากเรียกสวี่เหรา จางจ้าวฉือแล้วก็สวี่ตี้มาด้วยกันแล้ว ก็พูดความคิดของตัวเอง นางคิดว่าั้แ่ตอนนี้ไปจะหาคนดูแลข้างกายสวี่จือ ทั้งยังต้องให้สวี่จือดูแลเื่ราวในเรือน พอดีกับที่ในตอนนี้สกุลสวี่ล้วนให้แม่นมดูแลเรือน จางจ้าวฉือได้แสดงออกกับแม่นมแล้วว่าตัวเองไม่เรียน จะอย่างไรอีกสองปีสวี่ตี้ก็จะแต่งงานแล้ว หลี่เยว่ซีภรรยาของสวี่ตี้เองก็เป็ลูกศิษย์ของแม่นมลู่ ถึงตอนนั้นมาดูแลเื่ราวในเรือนก็ไม่มีปัญหาอะไร
สวี่เหราเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของแม่นมลู่ก็กล่าว “แม่นม จือเอ๋อร์ปีหน้าก็เพิ่งจะสิบขวบเท่านั้นนะขอรับ”
แม่นมลู่กล่าว “สิบขวบแล้ว อายุสิบสี่สิบห้าก็ต้องหมั้น สิบหกสิบเจ็ดก็แต่งงาน ั้แ่ตอนนี้ไปจะเริ่มเรียนก็พอดี”
สวี่ตี้พิจารณามาหลายวันก็คิดเื่นี้ได้ ก่อนจะพยักหน้า “แม่นม เื่นี้ก็ยกให้ท่านแล้ว เอาตามที่ท่านตัดสินใจเลยขอรับ”
แม่นมลู่กล่าว “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะเป็คนตัดสินใจเองแล้ว ข้าเห็นว่า่นี้จะเตรียมของขวัญปีใหม่ ทั้งยังส่งของขวัญไปให้เรือนต่างๆ ให้คุณหนูเก้าเริ่มเรียนจากตรงนี้ก็ดี”
หลังจากแม่นมออกไปแล้ว สวี่เหราก็ถอนหายใจ “เพิ่งจะอายุสิบปี ตอนสวี่ตี้อายุสิบปียังไม่รู้เื่อะไร วันๆ เอาแต่คิดว่าจะกินอะไรดี จะเล่นสนุกไม่ไปเรียนอย่างไร จือเอ๋อร์ของพวกเราตอนนี้จะต้องเริ่มเรียนรู้ว่าจะดูแลครอบครัวอย่างไรเสียแล้ว”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็กลอกตามองบนใส่บิดาตัวเอง “ท่านพ่อ ตอนข้าอายุสิบขวบไม่ได้รู้เื่ขนาดนี้หรอกขอรับ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นท่านจะต้องไปทำงานที่โรงเรียนสอนนักการเมือง่หนึ่ง ท่านแม่ก็จะต้องไปเรียนขั้นสูงที่โรงพยาบาท่หนึ่ง ข้าก็ถูกท่านปู่รับกลับไปดูแลที่บ้านเก่าให้ข้าดูแลตัวเอง”
สวี่เหรากล่าว “เป็อย่างนั้นหรือ? เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้แล้ว?”
สวี่ตี้กล่าว “จำไม่ได้ก็ช่างมันเถิด ใช่แล้ว ตอนบ่ายที่เมืองหลวงส่งของขวัญมาให้พวกเราสองคันรถ ข้าเห็นแล้ว เป็ท่านป้าท่านน้าสะใภ้ส่งมา พวกท่านไปดูของขวัญเถิด?”
จางจ้าวฉือกล่าว “ก็เห็นแก่หน้าของเ้าถึงได้ให้มา เ้าคิดว่าจะทำอย่างไรก็แล้วแต่เ้า เ้าไปคุยกับจือเอ๋อร์ ควรจะเก็บเอาไว้ให้ตัวเองใช้ก็เก็บ ควรจะให้คนอื่นเขาก็ให้ไป ถึงตอนนั้นก็ให้ของขวัญที่พอๆ กันส่งกลับไปก็พอ”
สวี่ตี้พยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้ขอรับ ข้าจะพูดเื่นี้กับจือเอ๋อร์ ใช่แล้ว ท่านแม่ โรงงานเส้นหมี่ของพวกเราปีนี้ได้กำไรมาไม่น้อยเลย รอผ่านไปสักพักผู้ดูแลทางนั้นก็จะส่งบัญชีมาให้ ข้าจะเอาส่วนแบ่งของท่านมาให้ขอรับ”
สวี่เหราฟังแล้วก็ถามด้วยความสนใจมาก “โย่ เช่นนั้นต้องได้เงินมาไม่น้อยเลยสินะ?”
สวี่ตี้กล่าว “แน่นอนสิขอรับ มีข้าออกโรงทั้งทีท่านคิดว่าเงินนี่จะขาดไปได้หรือ? แต่ว่านะ นี่ล้วนเป็เงินส่วนของท่านแม่ ท่านเองก็ดูแล้ว ในครอบครัวควรเป็ท่านที่หาเงินเลี้ยงครอบครัว อย่าหย่อนหยานนะขอรับ”
สวี่เหรากล่าว “เื่นี้ยังต้องให้เ้าพูดอีกหรือ ข้าแค่ไม่ได้พูด ข้าจะพูดกับพวกเ้าทั้งสองคน โรงงานทำขนแกะของพวกเราน่ะทำได้ดีมาก ตอนนี้ไม่เพียงจะขายขนแกะได้ดี เส้นไหมขนแกะก็ดี ข้าปรึกษากับเว่ยหลางแล้ว จะเอาเทคนิคการทำโรงงานขนแกะไปสอนทางด้านเป่ยตี้ ให้ทางด้านเป่ยตี้เอาขนแกะของตัวเองทำเป็เส้นไหมแล้วค่อยเอามาขายให้เรา”
จางจ้าวฉือกล่าว “พวกเราอย่าทำเป็สอนนักเรียนได้แล้วอาจารย์หิวตายนะ”
สวี่เหรากล่าว “จะเป็ไปได้อย่างไร ไหมขนแกะที่พวกเขาทำออกมา ไม่ใช่ว่าจะขายให้พวกเราหรือ ขายให้พวกเราถึงจะสามารถแลกเกลือ แลกเหล็กที่้ากลับไป พอเป็เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะก่อากับพวกเราง่ายๆ”
สวี่ตี้กล่าว “นี่ก็เป็เหตุผล”
แม่นมลู่ตัดสินใจจะหาคนดูแลติดตามข้างกายของสวี่จือสักสองสามคน คนพวกนี้ไม่เพียงจะติดตามสวี่จือแค่ตอนนี้ ต่อไปสวี่จือแต่งงานออกไปแล้วก็จะตามไปด้วย ดังนั้นไม่เพียงจะต้องมีนิสัยดี ยังต้องสอนสิ่งต่างๆ ให้ด้วย
เหอซีแต่ก่อนเป็สถานที่เล็กๆ ไม่ร่ำรวย ตอนนี้ใหญ่ขึ้นแล้ว ชีวิตของทุกคนก็ดีขึ้นแล้ว ในมือมีเงินเหลือ ไม่ต้องขายลูกชายลูกสาวกิน แม่นมลู่หาวันที่อากาศดีติดตามคนขับรถม้าในจวนไปที่ก่านโจว ก่านโจวเป็สถานที่กว้างใหญ่ พ่อค้าคนกลางหลายคนจะเอาเด็กที่ซื้อกลับมาไปขายที่ก่านโจว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้