ด้านข้างหินสรรพสัตว์ก้อนนั้นทั้งกลุ่มพระผู้าุโของวิหารศักดิ์สิทธิ์ นักบวชและเหล่าองครักษ์ต่างพากันเฝ้ารออย่างเงียบๆ ขณะนี้เป็เวลาอาทิตย์อัสดงพอดีใบหน้าของคนในสำนักต่างๆ ก็ปรากฏให้เห็นถึงความร้อนรนและกระสับกระส่ายจนไม่สามารถปกปิดไว้ได้
ใน่เวลาที่ข้าและซูเหยียนเดินออกไปที่หินสรรพสัตว์ถังเชวียหรานก็โผเข้ามาโอบกอดพวกข้าสองคนทันทีตาของนางแดงก่ำและเกือบจะร้องไห้ออกมา ก่อนจะหันมาพูดกับข้า“ข้าคิดว่าเ้าตายไปแล้วเสียอีก ปู้อี้เชวียน”
“นี่ข้าก็ไม่ได้เป็อะไรไม่ใช่หรือไง?”
ข้าแตะลงไปที่ไหล่ของนางเบาๆ
ในเวลานี้พี่เสวียนยินของข้าได้เดินเข้ามาพร้อมกับพาดเสื้อคลุมเทพศาสตราวุธที่สวยงามไว้บนไหล่พร้อมกับดวงตาคู่สวยและใบหน้าของนางที่ใครได้เห็นก็ต้องหลงใหล“ข้างในนั้นเป็อย่างไรบ้างเสี่ยวเชวียนหรือมันจบลงแล้วเหรอ?”
“อืม มันจบแล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น...ฟางชิงยวนก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้เ้าแล้วใช่ไหม?”
“ไม่แล้วล่ะ”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว”
ในเวลานี้ซือคงอี้หวังชงและคนอื่นๆ ต่างก็ทยอยออกมากันเรื่อยๆส่วนการจัดอันดับชื่อก็ปรากฏขึ้นบนหินสรรพสัตว์ทีละอันดับ กระทั่งชื่อในอันดับรองสุดท้ายปรากฏออกมาซึ่งก็คือชื่อของมู้เซวี่ยนนั่นเองเขาเดินประคองฟางชิงยวนที่ร่างกายเต็มไปด้วยเืออกมาอย่างยากลำบากและ่เวลาที่ฟางชิงยวนออกมาปรากฏตัวนั้นอันดับสุดท้ายของการฝึกฝนในสนามประลองเซินยวนก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน
โครม!...
เสียงกำแพงล้มดังโครมคราม
เยว่หลิงที่สวมเสื้อคลุมเทพศาสตราวุธก็เหาะออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเซียวเขายืนตัวแข็งตรงหน้าของมู้เซวี่ยนและฟางชิงยวนก่อนจะถามด้วยดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น “เขาเป็อะไรนี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
มู้เซวี่ยนที่มีสีหน้าหม่นหมองพูดตอบ“ท่านอาจารย์ชิงยวน...ชิงยวนถูกปู้อี้เชวียนทำลายปราณิญญาไปแล้วขอรับ!”
“เ้าว่าอะไรนะ?!”
สายตาของเยว่หลิงจ้องมองมาที่ข้าทันทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยความโมโห “ปู้อี้เชวียน เ้ารู้หรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป!ฟางชิงยวนถือเป็คนที่มีพร์และไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขาคือมือใหม่ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจังจากวิหารศักดิ์สิทธิ์นอกจากนี้เขาอาจจะเป็ผู้นำในอนาคตด้วยนึกไม่ถึงเลยว่าเ้าจะทำลายการบำเพ็ญของเขา!”
พลังที่ยากจะมองเห็นตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับูเาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านมันเป็พลังที่ยิ่งใหญ่และมหาศาล ซึ่งเป็ความรู้สึกที่ถูกบีบอัดอย่างรุนแรงราวกับว่าจะไม่มีอากาศหายใจอีกต่อไปทรายบนพื้นเริ่มทะลักออกมา เยว่หลิงได้แต่มองข้าอยู่แบบนั้นไม่วางตาการมองของเขาเหมือนกับกระบี่ที่แข็งแกร่งกำลังปะทุออกมาอย่างรวดเร็วทำให้คนเกิดความรู้สึกคล้ายกำลังจะถูกหั่นให้เป็ชิ้นๆ
เยว่หลิงค่อยๆย่างกรายเข้ามา ความรู้สึกที่ทำให้คนกลัวเริ่มรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ
ข้าใช้วิชาลมหายใจัมองตรงไปที่ดวงตาคู่นั้นของเขาและบอกกับเขาไปตรงๆ ว่า “ขณะที่ฟางชิงยวนกำลังเหาะข้ามแม่น้ำเขาก็ได้ฉวยโอกาสเข้ามาโจมตีข้าจนเกือบทำให้ข้าต้องตายในปากของสัตว์ิญญาระดับเจ็ดในจักรภพธาราแห่งนั้นแล้วทำไมข้าจะทำร้ายเขาบ้างไม่ได้ล่ะ!?”
แววตาของเยว่หลิงเ็าร่างกายทั้งหมดเผยให้เห็นถึงความหนาแน่นที่ไร้รูปร่างแม้แต่ผู้พิทักษ์ในวิหารศักดิ์สิทธิ์จำนวนไม่น้อยต่างก็ถูกสิ่งนี้ผลักดันจนถอยออกไปก่อนที่เยว่หลิงจะพูดเน้นแบบชัดถ้อยชัดคำ“ชิงยวนถือเป็อัจฉริยะผู้มีพร์ที่หาได้ยากบนโลกมนุษย์แล้วตัวเ้าล่ะมีอะไรไปสู้เขาได้! ในเมื่อเ้าทำลายปราณิญญาของชิงยวนแล้วข้าก็จะทำลายปราณิญญาของเ้าเหมือนกัน!”
ทันใดนั้นก็มีมือคู่หนึ่งซึ่งมีผิวเนียนละเอียดและขาวราวกับหิมะทาบลงบนหน้าอกของข้าซึ่งก็คือมือของพี่เสวียนยินขณะยกมือขึ้นห้ามข้าก่อนจะยกขาซ้ายกระทืบลงพื้นเบาๆทันใดนั้นบรรยากาศรอบๆ ก็ร้อนขึ้นด้วยพลังของนางทันทีซึ่งพลังที่รุนแรงของนางได้ทำลายความกดดันที่เกิดจากพลังของเยว่หลิงทันทีเช่นกัน“การประลองในสนามเซินยวนก็เป็เื่ของคนรุ่นใหม่ทั้งนั้นทำไมท่านผู้าุโเยว่หลิงจะต้องเข้าไปยุ่งเื่ของพวกเขาด้วยล่ะ?”
เยว่หลิงพูดด้วยสายตาดุดัน“ปู้เสวียนยิน ข้ารู้ว่าปู้อี้เชวียนคือน้องชายของเ้า แต่เ้าอย่าลืมล่ะว่าฟางชิงยวนคือลูกศิษย์ที่ข้าภาคภูมิใจคนหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าทำลายปราณิญญาของฟางชิงยวนทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าเขาได้ทำลายบุคคลที่มีพร์แกร่งกล้าแห่งแผ่นดินหลงหลิงไปแล้วคนหนึ่งเ้ารับผิดชอบความเสียหายขนาดนี้ไหวหรือไง?”
พี่เสวียนยินยิ้มก่อนจะพูดทีเล่นทีจริง“แต่ท่านผู้าุโเยว่หลิงก็อย่าลืมเชียวล่ะ ขณะที่อยู่ในสนามประลองศิษย์รักของท่านได้แอบโจมตีปู้อี้เชวียนจนเกือบทำให้เขาตายทั้งไอลา เชวียนหยวนจิ้นและถงจั๋วล้วนแต่เป็พยานให้ได้ หากเป็แบบนั้นจริงท่านผู้าุโจะมีข้อแก้ต่างอะไรอีกหรือเปล่า? และที่ท่านบอกว่าฟางชิงยวนคือศิษย์น้องของท่านซึ่งเป็บุคคลที่มีพร์แล้วปู้อี้เชวียนน้องของข้าไม่ใช่บุคคลที่มีพร์อย่างนั้นเหรอ? วันนี้ มีข้าอยู่ที่นี่ ใครที่คิดจะแตะต้องเสี่ยวเชวียนน้องชายของข้าก็ลองดู!”
เทพศาสตราวุธทั้งสองต่างตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างนั้นอากาศรอบๆ ก็เต็มไปด้วยสายฟ้าและเปลวเพลิง เยว่หลิงดุจกระบี่เทพเล่มหนึ่งที่มีพละกำลังมากมายรอวันปะทุด้วยพลังที่ไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้ทว่าพี่เสวียนยินกลับเสมือนเปลวเพลิงที่บริสุทธิ์ที่ไม่ด้อยไปกว่าใครเหมือนกัน
คนหนึ่งคือเทพศาสตราวุธอันดับที่หนึ่งส่วนอีกคนคือเทพศาสตราวุธอันดับที่สอง และทั้งสองไม่เคยได้ประลองกันเลยสักครั้ง
และตอนนี้ก็มีเสียงไม้ดังกังวานขึ้นผู้าุโแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้เคาะไม้เท้าด้ามยาวบนลงพื้นกรวดเบาๆด้วยใบหน้าที่ยังคงยิ้มอย่างสบายใจด้วยพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในดั่งผู้ยิ่งใหญ่ที่มีมาแต่ช้านาน“ในเมื่อปู้อี้เชวียนและฟางชิงยวนต่างมีชีวิตรอดกลับมาแล้วทำไมท่านทั้งสองถึงต้องทำลายมิตรภาพที่มีต่อกันเพียงเพราะการประลองของเด็กๆกันล่ะ?ไต้ซือเยว่หลิงเสวียนยินพวกท่านล้วนเป็ศิษย์ของวิหารศักดิ์สิทธิ์มาก่อนพวกท่านเองก็ควรจะรู้กฎเกณฑ์ของที่นี่ดีไม่ใช่หรือ?”
พี่เสวียนยินถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วโค้งคำนับแสดงความนับถือพลางพูดขึ้น“ข้าน้อยปู้เวียนยินผิดไปแล้วค่ะ!”
เยว่หลิงส่งเสียงต่ำออกมาอย่างเ็าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เวลานี้ในกลุ่มคนมีชายชราคนหนึ่งพุ่งพรวดออกมาด้วยความโกรธซึ่งเขาก็คืออาจารย์จากสำนักยาตรา์ เมื่อออกมาได้เขาก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น“ปู้อี้เชวียน! เ้ามันสัตว์ร้ายลูกศิษย์ของข้าหยู่เหวินชิงและมู้หยิงหยิงถูกเ้าฆ่าไปหมดแล้วใช่ไหม?!”
นักเรียนจากสำนักยาตรา์มีเพียงฟางซิ่งจือเท่านั้นที่ไม่ได้รับาเ็อะไรหยู่เหวินฉีาเ็หนัก ส่วนหยู่เหวินชิงและมู้หยิงหยิงตายอยู่ในสนามประลองเซินยวนทั้งนั้นดังนั้นถ้าเขาจะโมโหขนาดนี้ก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร
ข้าได้ยินแล้วจึงพูดขึ้น“เมื่ออยู่ในสนามประลองทั้งการอยู่รอดและการตายต่างก็เป็เื่ที่คาดเดาได้ยากหรือว่าท่านเ้าสำนักซือเทียนสิงก็คิดเหมือนกันกับท่านเ้าสำนักเยว่หลิง ที่ลืมกฎเกณฑ์ของวิหารศักดิ์สิทธิ์และพร้อมที่จะหาเื่ใส่ตัวทั้งที่อยู่ในนี้อย่างนั้นเหรอขอรับ?”
“เ้าว่าอย่างไรนะ?”
มือของซือเทียนสิงมีพลังิญญาวนเวียนไปมาและกลายเป็หอกเล่มยาวก่อนที่เขาจะพูดด้วยความเดือดดาล “เ้าฆ่าศิษย์ทั้งสองของข้าข้าก็จะเอาชีวิตเ้า!”
ข้าขมวดคิ้วหันกลับไปมองผู้าุโแห่งดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับพูดขึ้น“ก่อนการฝึกฝนในสนามประลองเซินยวน ผู้าุโก็พูดอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเกิดอะไนขึ้นในสนามประลองเซินยวนก็ไม่อาจจะนำมายุ่งเกี่ยวกับภายนอกได้แล้วเพราะเหตุใดผู้าุโถึงปล่อยให้ซือเทียนสิงทำพฤติกรรมแบบนี้ได้ล่ะขอรับ? หรือเพราะเขาเป็เทพศาสตราวุธที่สูงส่งแต่ข้ามันก็แค่เด็กน้อยที่ไร้ซึ่งเกียรติคนหนึ่งเท่านั้น?”
ในดวงตาของผู้าุโนั้นปรากฏให้เห็นแสงสว่างร่ำไรพลางยิ้มและพูดออกมา “ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน ซือเทียนสิงสหายของข้าเ้าก็ยับยั้งชั่งใจเสียบ้างเถอะ เ้าเองก็แก่มากแล้ว ดูแลสุขภาพไว้บ้างก็ดี!”
ซือเทียนสิงกลับกัดฟันและพูดออกมา“ท่านผู้าุโ ในชีวิตของข้าก็มีเพียงศิษย์ไม่กี่คนที่ข้าภาคภูมิใจแต่กลับถูกปู้อี้เชวียนฆ่าในสนามประลองเซินยวน ท่านไม่เห็นใจข้าบ้างเหรอ?!...ท่านเ้าสำนักเยว่หลิงปู้อี้เชวียนเด็กที่อวดดีคนนี้ทำลายการบำเพ็ญของฟางชิงยวนและทำให้เขาเปลี่ยนจากเด็กที่มีพร์ไม่มีใครเทียบกลายเป็ขยะ แล้วท่านจะปล่อยไปแบบนี้เหรอ?”
เยว่หลิงรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
พี่เสวียนยินกลับยื่นมือของนางออกมาผลักหน้าอกของข้าแล้วพูดขึ้น“เสี่ยวเชวียนเ้าหลีกทางไปก่อน ซูเหยียน เชวียหรานพวกเ้าลงไปรักษาาแก่อน”
นางว่าแล้วก็ก้าวเท้าที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชนเพื่อไปอยู่ตรงหน้าของซือเทียนสิงพร้อมกับสายตาเหยียดหยาม แล้วค่อยๆ ยกแขนขึ้นมาทันใดนั้นพลังิญญาธาตุไฟก็เวียนวนล้อมรอบข้อมือขาวดุจหิมะและปะทุออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮะ!”
ซือเทียนสิงตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนจะรีบม้วนตัวหลบแบบจนตรอกและไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง แต่ก็ยังถูกพลังของดรรชนีทองคำพุ่งเข้าใส่จนเสื้อคลุมเทพศาสตราวุธด้านหลังของเขาขาดไปครึ่งหนึ่ง
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้นพลังดุจูเาสูงนั้นได้ร่วงหล่นลงจากฟ้า ก่อนที่เยว่หลิงะโด้วยความโมโห“ปู้เสวียนยิน เ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว!”
สวบ!
พลังกระบี่ของเยว่หลิงดิ่งลงมาจากฟ้าด้วยพลังที่มีอานุภาพแกร่งกล้าพื้นพสุธาเต็มไปด้วยแสงวาววับและเสียงดังกึกก้อง บรรยากาศโดยหยุดชะงักและนั่นก็คือเคล็ดวิชากระบี่หมื่นเล่มซึ่งเป็เพลงกระบี่ขั้นสุดยอดของเยว่หลิงนั่นเอง!
ตั้ง!
แม้กระบี่จะยังมาไม่ถึงแต่พลังอันเย็นเยือกนั้นกำลังพัดเป่าผมอันงดงามและผ้าคลุมของพี่เสวียนยินให้ปลิวว่อนเผยให้เห็นถึงเรือนร่างอันสง่างามของนางขณะกำลังยืนหยัดด้วยสองขาในแววตาที่มีความกล้าหาญไม่หวาดหวั่นและก็เป็เพียงชั่วพริบตาเดียวที่ได้เห็นความงดงามอันไร้ที่ตินี้ของนาง
หวึ่ง!!...
มือซ้ายของพี่เสวียนยินยกขึ้นกระจกเพลิงทิวากรได้แผดเสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายจากนอกโลกมาเยือนเพียงชั่วครู่อุณหภูมิที่ร้อนระอุได้เผาทำลายพลานุภาพของกระบี่ไปกว่าครึ่งเปลวเพลิงโหมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเพียงครู่เดียวพลังเปลวเพลิงก็จับรวมตัวกันอย่างแข็งแกร่ง
ปั้ง!!
ทันใดนั้นปู้เสวียนยินก็ใช้พลังของกระจกเพลิงทิวากรรับมือกับการโจมตีจากเพลงกระบี่หมื่นเล่มของเยว่หลิงด้วยร่างกายที่ยังยืนอยู่แบบนั้นไม่ขยับ
ในเวลาเดียวกันนั้นนิ้วขาวเรียวของนางก็พุ่งออกมาอีกครั้งแล้วชี้ไปยังทุกๆ จุดที่ซือเทียนสิงใช้เป็ที่หลบ
ฟิ่วฟิ่ว ฟิ่ว!
เสียงกลุ่มเปลวเพลิงเริ่มะเิพลังออกมาในพริบตาเดียวป่าด้านข้างหินสรรพสัตว์ก็เต็มไปด้วยแสงจากเปลวเพลิงที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลุ่มผู้พิทักษ์ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถยับยั้งการต่อสู้ที่คาดไม่ถึงของทั้งสามคนได้พวกเขาทำได้เพียงแค่หลบหลีกและเฝ้ามองดูอยู่รอบๆ
เยว่หลิงลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วฟันลงมาอีกครั้งด้วยพลังของสายฟ้าที่ฟาดกระหน่ำก่อให้เกิดพลังอันมหาศาลราวกับว่าูเากำลังกลิ้งถล่มลงมาก่อนที่เยว่หลิงจะพูดด้วยความเดือดดาล “แม่นางเ้ามั่นใจกับพลังของตัวเ้าเองมากเกินไปแล้ว!”
มือของพี่เสวียนยินส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วพลังความร้อนจากเปลวเพลิงได้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นเปลี่ยนจากฝ่ามือให้กลายเป็กำปั้นและค่อยๆ หมุนรอบตัวอย่างงดงามจากนั้นพลานุภาพก็ก่อกำลังอันมหาศาลจนพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้าแล้วตรงไปที่กระบี่ของเยว่หลิง
ตูมตูม ตูม!
สายฟ้านั้นยังคงฟาดอย่างไม่ลดละพลังอันทรงพลังทั้งสองะเิอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การต่อสู้ของทั้งสองคนผู้คนได้ล้มยืนกันอย่างโคลงเคลง
ร่างกายที่สง่างามของพี่เสวียนยินยืนตระหง่านท่ามกลางลมพายุที่ไม่สามารถทำอะไรนางได้เลยหลังจากโจมตีซือเทียนสิงไปหนึ่งครั้งนางก็ถอยกลับพลางหมุนไปมาและพลิกมือของนางราวกับผีเสื้อ นิ้วมือนั้นได้ะเิความร้อนที่พร้อมจะแผดเผาออกมาคล้ายกับลูกศรที่พร้อมจะปักทะลุและพลังของนางยังพาดผ่านป่าทำให้ต้นไม้ล้มหักระเนนระนาดส่วนเปลวเพลิงก็ไม่หยุดโจมตีไปเกาะและกระบี่ของเยว่หลิงอย่างไม่ลดละ
ผู้คนที่มองอยู่รอบๆต่างก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
นางช่างเป็เทพศาสตราวุธหญิงที่แข็งแกร่งจริงๆนึกไม่ถึงเลยว่าทั้งๆ ที่กำลังสู้กับเทพศาสตราวุธอันดับหนึ่งอย่างเยว่หลิงและเทพศาสตราวุธอีกคนอย่างซือเทียนสิงแบบสองต่อหนึ่งก็ยังทำให้นางแสดงพลังได้อย่างไม่เป็สองรองใครพลังของนางช่างแข็งแกร่งจนน่ากลัวยิ่งนัก...
“พลังเพลงกระบี่หมื่นเล่มของเยว่หลิงนั้นมีพลังมหาศาลไม่เป็สองรองใครทั้งยังถูกขนานนามว่าโดดเด่นกว่าใครในแผ่นดินนี้แต่เมื่อได้พบกับพลังดรรชนีทองคำและโล่โลกันตร์ไร้เทียมทานของปู้เสวียนยินกลับทำให้พลังกระบี่ของเขาถูกสกัดไว้ได้ถึงเจ็ดส่วน!
“ในความคิดของข้านั้น แม้แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราข้าเกรงว่านอกจากผู้าุโใหญ่ก็ไม่มีใครสามารถปราบปรามปู้เสวียนยินได้แล้วล่ะ!”
“คิดไม่ถึงเลยเทพศาสตราวุธที่มีชื่ออยู่ในการจัดอันดับจะแข็งแกร่งถึงเพียงเท่านี้สมคำร่ำลือจริงๆ เยว่หลิงที่หยิ่งยโสและมีพลังแกร่งกล้าซือเทียนสิงที่เ้าเล่ห์กลโกงที่ยากจะรับมือแล้วเทพศาสตราวุธหญิงปู้เสวียนยินคนนี้ที่มีพร์ซึ่งไม่ได้กันมาง่ายๆ ถึงแม้จะมีอายุเพียงแค่ยี่สิบสี่แต่นางก็มีการบำเพ็ญที่สูงขนาดนี้ได้อีกไม่กี่ปีข้างหน้าข้าเกรงว่าแม้แต่เยว่หลิงก็จะพ่ายแพ้ดรรชนีทองคำของปู้เสวียนยินเป็แน่”
“เพราะเยว่หลิงไม่เป็สองรองใครก็เลยทำให้ศิษย์ไม่กี่คนของข้าไม่มีใครเทียบเทียมเช่นกัน สำนักวรยุทธ์นักปราชญ์นั้นใหญ่มากแต่ตอนนี้ดูแล้ว...ปู้เสวียนยินสามารถยับยั้งพลังของเยว่หลิงได้แต่น้องชายของนางได้ทำลายปราณิญญาของฟางชิงยวนซึ่งเป็ศิษย์ที่ภาคภูมิใจคนแรกของเยว่หลิง...เหอะๆเริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วสินะ!”
ตอนนี้ในสนามต่อสู้พลังไฟของพี่เสวียนยินต่างก็พุ่งเข้าหาซือเทียนสิงอย่างไม่ขาดสายส่วนเยว่หลิงก็ปล่อยพลังกระบี่เข้าหาโล่โลกันตร์ไร้เทียมทานของนางอยู่ตลอดเช่นกันไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ยังเสียเปรียบจากการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งอยู่ดี
และในเวลานี้เองซูเหยียนได้รีบเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ ของซูซีเฉิงแล้วพูดขึ้น “ท่านพ่อ นึกไม่ถึงเลยว่าท่านยังจะมีอารมณ์ยืนดูพวกเขาสู้กันอยู่อีกท่านรู้ไหมว่าทำไมปู้อี้เชวียนถึงทำลายปราณิญญาของฟางชิงยวน? ...ก็เพราะว่าฟางชิงยวนคิดจะทำลายปราณิญญาของข้าไงล่ะ!”
“เ้าว่าอะไรนะ?!”
ซูซีเฉิงถามย้ำด้วยความใก่อนจะชักกระบี่ประจำกายออกมาทันใดนั้นพลังของจอมยุทธ์ระดับสมบูรณ์ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับดวงดาวของเขาก็แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ“ซือเทียนสิง เยว่หลิง พวกเ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้