เซียวซู่ซู่นอนหลับเป็เวลาถึงสามวันสามคืนเต็มๆถึงจะฟื้นขึ้นมา และต่อให้ฟื้นแล้วนางก็ไม่อยากจะขยับตัวลุกขึ้นครั้งนี้นางเหนื่อยเกินไปแล้วจริงๆ
นางถือว่าใช้สุดกำลังของตนและสุดชีวิตของตนแล้ว
“น้องเล็ก!”เซียวเอินอยู่เป็เพื่อนนางถึงสามวันสามคืนและก็เฝ้านางอีกเป็เวลาถึงสามวันสามคืน ตอนนี้สีหน้าของเขาย่ำแย่เป็อย่างมากแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองนางอย่างอบอุ่น
พี่ชายคนนี้ของนางทำหน้าที่ของเขาได้อย่างดีเยี่ยม
และการกระทำของเขาก็ทำให้เซียวซู่ซู่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจและเริ่มที่จะพึ่งพาพี่ชายคนนี้ของตนมากขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกที่มีคนใส่ใจนั้นดีจริงๆ
แน่นอนว่า เหลยอวี๊เฟิงในตอนนี้ก็ฉีกยิ้มเบ่งบานราวกับดอกไม้ก็มิปานเขาลืมไปแล้วว่าชายหญิงควรคำนึงเื่ระยะห่างและมารยาท จึงเอามือไปประคองหน้าของเซียวซู่ซู่เอาไว้พร้อมมอบรอยยิ้มซาบซึ้งใจให้กับนางและเอ่ยชมฝีมือการดีดพิณของนางไม่หยุดปาก
แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ว่าต่อจากนี้เป็ต้นไปเขาต้องแบกรับทุกอย่างของสกุลเซียว และชีวิตของทุกคนในสกุลเซียวเขาก็จำเป็ต้องคุ้มครองและรักษาไว้อย่างสุดความสามารถ
ปกป้องพวกเขาไม่ให้ได้รับภัยอันตรายใดๆ
นี่เป็สิ่งที่เขารับปากเซียวซู่ซู่เอาไว้
จะต้องทำให้ได้
ทว่า อย่าว่าแต่เพียงแคว้นป่ายฮวาเลย ต่อให้เป็ทั้งหนานเจียงเขาก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตา
เพียงแต่นับวันเขายิ่งรู้สึกว่าเซียวซู่ซู่มีความประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ
และความแปลกประหลาดนั้นก็เกิดจากเข็มเย็บผ้าสองเล่มของเซียวซู่ซู่การกระทำเช่นนั้นจำเป็ต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์เป็อย่างสูงจึงจะทำได้เมื่อคิดไปถึงเฝินเหวินที่เป็หมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า เขาเองก็ยังไม่รู้ถึงวิชาแพทย์ประเภทนี้
ในบรรดาทุกคนที่เขารู้จัก คนที่สามารถชี้จุดบนร่างกายได้อย่างแม่นยำนั้นมีเพียงซูฉีฉีเท่านั้น
“หรือว่าจะเป็...การยืมร่างหวนิญญา...”
เหลยอวี๊เฟิงเองก็เกิดความคาดเดาที่น่าเหลือเชื่อขึ้นในหัวสมองเช่นกันตอนนั้นซูฉีฉีมีความสามารถเท่าใด เขาเองก็ไม่รู้ แต่ว่าฝีมือดีดพิณและฝีมือทางการแพทย์ของนางนั้นเขารู้ชัดถึงมันดี
สีหน้าของเหลยเผิงเองก็นิ่งค้างไปเื่เช่นนี้ไม่อาจเอ่ยขึ้นมาเล่นๆ ได้
“เ้าสำนัก”
เพราะฉะนั้นเขาจึงเดินไปด้านหน้าและเอ่ยเรียกออกมาเบาๆ
เมื่อเห็นเหลยเผิงเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าตนเหลยอวี๊เฟิงจึงรีบควบคุมอารมณ์ของตนโดยเร็ว เดิมเซียวซู่ซู่คิดจะขอตัวลากลับแต่หลังจากผ่านการเอ่ยรั้งอยู่หลายครั้งของเขา สองพี่น้องสกุลเซียวจึงยอมค้างอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน
เขาเพียงแค่อยากจะใช้โอกาสนี้ในการสังเกตดูเซียวซู่ซู่อย่างละเอียด
“ข้าเพียงแต่คาดเดาเท่านั้น” เหลยอวี๊เฟิงมีสีหน้าจริงจังขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันน้อยๆ
ใบหน้าที่หล่อเหลาก็มีความเหม่อลอยปรากฏขึ้น
“แต่ว่า นี่ก็เป็การคาดเดาที่ใจกล้าเกินไปแล้วเพราะถึงอย่างไรเสีย...คุณหนูเล็กสกุลเซียวก็เป็คนที่มีเืมีเนื้อนะขอรับ” แม้แต่เหลยเผิงเองยังไม่กล้าคิดเช่นนั้นเลย
สมัยนี้ แม้ว่าจะยังมีคนเชื่อในเื่ผีสางเทวดาแต่ว่าคนในยุทธภพที่เชื่อเื่นี้นั้นกลับมีน้อยมาก
พวกเขาเชื่อแต่เพียงกำปั้นและพลังของตนเท่านั้น
“ข้ารู้”เหลยอวี๊เฟิงพยักหน้า “แต่ว่าเซียวซู่ซู่ผู้นั้น...ช่างแปลกประหลาดเสียเหลือเกินอีกทั้งเ้าเองก็คงจะสังเกตเห็นว่า หลังจากที่นางเหยียบย่างเข้ามาที่สำนักเหลยอารมณ์ของนางก็ค่อนข้างจะแปรปรวนอยู่บ้าง”
ก่อนจะดีดนิ้วเสียงดัง “ข้าคิดว่า...ควรจะให้ใครบางคนมาร่วมสนุกด้วยกัน”
ใครบางคนที่เขากล่าวถึงแน่นอนว่าต้องหมายถึงม่อเวิ่นเฉิน
เหลยเผิงเองก็เข้าใจถึงความหมายของเ้านายตนและเขาเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม
ตลอดทางที่มา อารมณ์ของเซียวซู่ซู่แปรปรวนนั้นถือเป็เื่จริงโดยเฉพาะเมื่อนางเดินทางมาถึงสำนักเหลยแล้วก็ยิ่งมีท่าทางผิดปกติเป็อย่างมาก
บางทีอาจจะเป็ไปได้ มีเพียงลองดูเท่านั้นจึงจะทำให้เ้าสำนักของพวกเขายอมละทิ้งความคาดเดาที่แสนกล้าหาญและน่ากลัวของเขาไปได้
“เช่นนั้นวันพรุ่งนี้ข้าน้อยจะไปเชิญคน” เหลยเผิงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่จงรักภักดีเป็อย่างมาก
“ได้”เหลยอวี๊เฟิงเป็คนที่เมื่อคิดหรือจะลงมือทำอะไรนั้นก็จะไม่มีการลังเลอย่างไรเสียเขาก็เตรียมจะมอบเจียวเหว่ยให้กับม่อเวิ่นเฉิน การที่ให้เขามาที่นี่ก็ช่วยให้เขาไม่ต้องเสียแรงออกเดินทางไปเมืองอ้าวด้วยตนเอง
หนึ่งเดือนหลังจากนี้ ก็จะถึงงานพิธีปักปิ่นของเซียวซู่ซู่เพื่อที่จะคุ้มครองสกุลเซียว เขาจะต้องทำการออกหน้าด้วยตนเอง
ร่างกายของเซียวซู่ซู่พักฟื้นจนเป็ปกติดีแล้วตอนนี้นางกำลังเดินไปที่เขาด้านหลังสำนักเหลยพร้อมกับเซียวเอิน
ทั่วูเาเต็มไปด้วยใบไม้สีเขียวและดอกไม้สีแดงสดทำให้อารมณ์ของเซียวซู่ซู่ก็รู้สึกเบิกบานตามไปด้วยนางเดินไปพลางชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ หลังจากที่ชนะการแข่งขันแล้วนางก็ไม่ได้มีท่าทีนิ่งสงบเหมือนตอนที่เดินทางมาอีก อีกทั้งยังมีท่าทีกระฉับกระเฉงร่าเริงมากขึ้นด้วย
“ที่นี่สวยงามมากจริงๆ” เซียวเอินเองก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมออกมาขณะที่เขากำลังจ้องมองไปที่สวนดอกท้อที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
ตอนนี้เป็ฤดูที่ดอกท้อกำลังผลิบาน ทำให้สีชมพูแดงของดอกไม้กระจายอยู่รอบบริเวณพื้นที่ดูสวยงามเป็อย่างยิ่ง
“นั่นสิถ้าหากสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ก็คงจะดีไม่น้อย” เซียวซู่ซู่เองก็เอ่ยรับออกมาประโยคหนึ่งโดยไม่ได้คิดคำนึงถึงอะไรมากนัก
จวนสกุลเซียวเองก็มีพื้นที่กว้างใหญ่เรือนพักต่างๆ รายเรียงกันเป็จำนวนมาก แต่ก็ยังถือว่าห่างไกลจากพื้นที่ของสำนักเหลยแห่งนี้อยู่มากนัก
“ถ้าหากคุณหนูเล็กสกุลเซียว้า ท่านก็สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ข้าไม่ถือสาอย่างแน่นอน” ทันทีที่เซียวซู่ซู่เอ่ยจบเสียงของเหลยอวี๊เฟิงกลับดังขึ้นมาจากทิศทางที่อยู่ห่างไกลออกไปไม่มากนัก
ในน้ำเสียงแฝงด้วยความหยอกล้อ
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เซียวซู่ซู่และเซียวเอินก็รีบหมุนตัวหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เ้าสำนักเหลย” เซียวซู่ซู่และเซียวเอินรีบก้าวเดินไปด้านหน้าพร้อมเอ่ยทักทายเขาทั้งสองล้วนมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ใบหน้าเช่นกัน “หลายวันมานี้ต้องขอบคุณเ้าสำนักเหลยที่ทำการต้อนรับเป็อย่างดี ไหนเลยจะกล้าอยู่รบกวนต่ออีก”
“สิ่งที่คุณหนูเล็กสกุลเซียวชนะมาให้กับพวกเราสำนักเหลยนั้นไม่ได้เป็เพียงแค่พิณตัวหนึ่งเท่านั้นแต่รวมไปถึงหน้าตาและเกียรติของพวกเราด้วย ต่อให้คุณหนูเล็กสกุลเซียวอาศัยอยู่ที่นี่ทั้งชีวิตหรือต่อให้ทุกคนในสกุลเซียวย้ายมาอยู่ที่สำนักเหลยของพวกเรา ข้าก็พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับพวกท่านเป็อย่างดี” เหลยอวี๊เฟิงนั้นเพิ่งจะสั่งให้เหลยเผิงไปเชิญม่อเวิ่นเฉินมาเขาไม่อยากให้เซียวซู่ซู่จากไปโดยที่คนยังเดินทางมาไม่ถึง
เพราะฉะนั้นเวลานี้จึงมีท่าทางกระตือรือร้นเป็อย่างมาก
เมื่อเห็นเหลยอวี๊เฟิงเป็เช่นนี้ เซียวซู่ซู่ก็รู้สึกไม่อาจจะทำใจยอมรับได้เท่าใดนักดูเหมือนว่าคุณชายผู้นี้จะอาการกำเริบอีกแล้ว
นางรู้ว่า เมื่อเหลยอวี๊เฟิงเดินทางกลับมาถึงสำนักเหลยหรือว่าเมื่อยามที่ไม่มีคนนอกอยู่นั้น เขาก็จะมีท่าทีเช่นนี้
เพียงแต่ว่า นางไม่ใช่คนนอกงั้นหรือ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เซียวซู่ซู่ก็ส่ายศีรษะของตนเบาๆ
ดูเหมือนว่านางจะคิดมากไปอีกแล้วนี่เป็เพียงแค่คำพูดเอ่ยรั้งของเขาเท่านั้น
แน่นอนว่านางไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป
และนางเองก็รู้สึกเป็กังวลต่อสถานการณ์ทางด้านสกุลเซียวอีกด้วย
ต้องรู้ว่าทางฮวาหรูเสวี่ยและฮวาเชียนเย่นั้นกำลังจับจ้องสกุลเซียวอยู่อย่างไม่ให้คลาดสายตา
ท่าทางของเซียวมี่ที่ดึงตัวออกจากแผนการทำให้ฮวาหรูเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมากด้วยนิสัยของสตรีผู้นั้นแล้ว มีหรือที่นางจะยอมรามือไปได้ง่ายๆ
ตอนนี้นางจำเป็ที่จะต้องประกาศให้ทุกคนรู้ว่าผู้สนับสนุนด้านหลังของนางก็คือสำนักเหลย
“เ้าสำนักเหลยเกรงใจเกินไปแล้วพวกเราสองพี่น้องเตรียมจะเดินทางกลับหนานเจียงในวันพรุ่งนี้แล้ว” ใบหน้าของเซียวซู่ซู่ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ เช่นเดิม
ชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีขาว ผมยาวสลวยที่ปล่อยทิ้งสยายไว้กลางแผ่นหลังประกอบกับใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบมาที่ร่างของนางทำให้นางดูงดงามราวกับเทพเซียนที่มาจุติบนโลกมนุษย์ก็มิปาน
ทำให้เหลยอวี๊เฟิงต้องเกิดอาการตกตะลึงอีกครั้ง
ซูเมิ่งหรู สาวงามอัมดับหนึ่งของต้าเยียนยังไม่ทำให้เขาเกิดอาการเสียมารยาทเช่นนี้ได้
แต่ว่าตอนนี้ เขากลับตะลึงค้างไปแล้ว ทั้งหมดนี้เป็เพียงเพราะใบหน้าของเซียวซู่ซู่
ช่างงดงามเสียเหลือเกิน
“อะไรนะ?พรุ่งนี้?” คำตอบของเซียวซู่ซู่ทำให้เหลยอวี๊เฟิงนิ่งค้างอยู่กับที่ “ทำไมไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้...”
“หรือว่า...เ้าสำนักเหลยมีเื่อันใดหรือ?” สำหรับท่าทางและการตอบสนองเช่นนี้ของเขา เซียวซู่ซู่ไม่ค่อยจะเข้าใจนักเดิมพวกเขาตั้งใจจะจากไปั้แ่สามวันก่อนแล้ว การที่อาศัยอยู่เพิ่มอีกสามวันก็ทำให้นางรู้สึกว่าไม่เหมาะสมแล้ว
เมื่อเหลยอวี๊เฟิงรู้สึกตัวได้ว่าตนนั้นเสียมารยาทไปเขาก็รีบปรับสีหน้าให้กลับมาปกติอีกครั้งก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไรๆ เพียงแต่...ค่อนข้างฉุกละหุกก็เท่านั้นข้ายังไม่ได้สั่งให้ลูกน้องเตรียมการเลย เช่นนั้นกรุณาให้เวลาข้าอีกไม่กี่วันให้ข้าได้เตรียมคนจำนวนหนึ่งไปส่งพวกท่านได้หรือไม่?’
ตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะสามารถอ้างได้แล้ว
“ไม่กี่วัน? ต้องใช้เวลากี่วัน” คิ้วของเซียวซู่ซู่ขมวดเข้าหากันแน่น อยู่ๆ นางก็รู้สึกว่าเหลยอวี๊เฟิงมีท่าทีแปลกๆในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาคิดที่จะอยากได้ชิงเจี่ยวของนางหรือไม่
คนผู้นี้คลั่งไคล้ในพิณ มีความเป็ไปได้อย่างมากว่าจะคิดเช่นนั้น
ขณะที่เหลยอวี๊เฟิงก็คิดคำนวณเวลาในใจว่าจากที่นี่ไปเมืองอ้าวและจากเมืองอ้าวกลับมาที่นี่ต้องใช้เวลานานเท่าใดจากนั้นเขาก็รีบเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ห้าวัน ห้าวันทุกอย่างก็จะเรียบร้อยท่านต้องรู้ว่าจากที่นี่ไปหนานเจียง ระหว่างทางนั้นอันตรายเป็อย่างมาก อีกทั้งโจรป่าและพวกบุกปล้นชิงทรัพย์ก็มีจำนวนไม่น้อย และตอนนี้การที่ท่านคว้าชัยชนะที่สำนักเหลยนั้นก็ทำให้ชื่อเสียงของท่านโด่งดังไปทั่วมีคนจำนวนมากที่คิดทำการไม่ดี เพราะฉะนั้นตลอดการเดินทางจะต้องเตรียมการอย่างระมัดระวังคือว่า...เหลยเผิงเพิ่งจะออกเดินทางไปทำธุระไม่นาน ยังไม่กลับมา ต้องรอจนเขากลับมาก่อน...มิเช่นนั้นข้าก็ไม่อาจวางใจได้”
ท่าทางที่เขาเอ่ยออกมานั้นดูจริงใจเป็อย่างยิ่ง
“แต่ว่าระหว่างทางมาที่นี้ก็ราบรื่นและปลอดภัยเป็อย่างดี” เซียวซู่ซู่ก็ยังคงไม่ค่อยกล้าเชื่อคำพูดของเหลยอวี๊เฟิงเท่าใดนัก
“ไม่เหมือนกัน!” เหลยอวี๊เฟิงก็เริ่มมีอาการร้อนรนแล้วสาวน้อยผู้นี้ช่างรับมือยากเสียจริง