"เป็อะไรของเธอเนี่ยที่รัก หูฉันจะหลุดอยู่แล้ว!" นทีธรร้องออกมาด้วยความเ็ปปนใ เขาไม่กล้าแม้แต่จะโกรธหรือโต้กลับ รู้ดีว่าเพื่อนสาวคนนี้ถ้าใครกล้าตอบโต้ล่ะก็... จะโดนเอาคืนหนักกว่าเดิมอีกหลายเท่า อยากมีชีวิตสงบสุขต่อไป ก็คงต้องยอมจำนนแต่โดยดี
"คุณนที! ช่วยตอบฉันหน่อยซิ ว่าทำไมถึงไม่โทรมาบอกว่า ลูกค้าเลื่อนนัดเป็พรุ่งนี้!?!"
"โอ๊ยยย… ก็นึกว่าเื่อะไรเสียอีก..."
"..."
"ฉันโทรหาเธอแล้วนะ แต่เธอดันปิดเครื่องน่ะสิ"
"ฉันเนี่ยนะปิดเครื่อง?" มะลิสวนทันควันด้วยสีหน้าไม่เชื่อ "ั้แ่เกิดมา ฉันไม่เคยปิดโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ! หาเหตุผลที่ฟังดูน่าเชื่อกว่านี้หน่อยได้ไหม"
นทีธรกลอกตาอย่างระอา ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
"ถ้าอย่างนั้น คุณมะลิ ช่วยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้กระผมดูหน่อยสิครับ"
ด้วยความมั่นใจเกินร้อยว่าเครื่องตัวเองเปิดแน่นอน มะลิหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้เขาอย่างท้าทาย
"เห็นไหมล่ะ ว่าปิดเครื่อง" นทีธรพูดพลางขมวดคิ้ว เขากดปุ่มข้างตัวเครื่องเพื่อเปิดหน้าจอ แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หน้าจอยังคงมืดสนิท
มะลิรีบคว้าโทรศัพท์คืนมา แล้วกดดูด้วยตัวเอง
"...เอ้อ จริงด้วยแฮะ แบตหมดแหละมั้งเพื่อน" เธอพูดเสียงแ่พร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ
"หืม... แบตหมดเหรอ?" เสียงของนทีธรเย็นลงจนน่าขนลุก
เ้าของโทรศัพท์ยิ้มฝืด ๆ แล้วค่อย ๆ พยักหน้าแบบเกร็ง ๆ
"...เอาหูมา"
พอได้ยินคำนั้น เธอก็รู้ทันทีว่าเขาจะเอาคืนแน่นอน
มะลิสูดหายใจลึกแล้วหลับตา ยอมเอียงหน้าเข้าไปอย่างเชื่องช้า เหมือนเตรียมใจรับกรรม
แต่แทนที่จะบิดหูอย่างที่คิดไว้ เขากลับยกมือขึ้นจูบเบา ๆ ที่ปลายนิ้วตัวเอง ก่อนจะเอานิ้วนั้นมาแตะที่ใบหูเธออย่างแ่เบา
"แหวะ! ไปหวานกันไกล ๆ เลยไป!" เสียงของลลิสาดังขึ้น พร้อมสีหน้าทำเป็รังเกียจ ทั้งที่ในใจจริง ๆ ก็แค่แกล้งประชดขำ ๆ เท่านั้นเอง
มะลิลืมตาขึ้นช้า ๆ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่
"...เมื่อกี้แกทำอะไร?" เธอหันไปถามนทีธรด้วยความสงสัย แล้วเหลือบมองหน้าลลิสาสลับไปมา
"ไม่มีอะไรหรอก แค่ช่วยปัดแมลงวันให้เฉย ๆ" เขาตอบเรียบ ๆ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
"...ถือว่าเอาคืนแล้วนะ"
เพียงแค่นั้นเอง ใจเขาก็รู้สึกพองโต
ใช่… ที่จริงเขาคิดกับเธอมากกว่าเพื่อนมาตลอด
แต่เธอไม่เคยรู้เลยสักนิด ว่าทุกสิ่งที่เขาทำ... รวมถึงการยอมลาออกจากงานประจำมาร่วมทุนสร้างบริษัทนี้ ก็เพราะเธอเอ่ยปากขอเพียงแค่ประโยคเดียว
มะลิพยักหน้าช้า ๆ อย่างรับรู้ แม้จะยังไม่เข้าใจนักว่าทำไมลลิสาต้องพูดว่า “ไปหวานกันไกล ๆ”
เธอไม่อยากใส่ใจเื่เล็ก ๆ น้อย ๆ จึงปล่อยผ่าน แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ทันทีที่จัดแจงตัวลงนั่งเสร็จ เธอก็หันกลับมาบอกนทีธรเสียงเรียบ
"เอ้อ... นที ช่วยเช็ดพื้นด้วยนะ เหมือนเมื่อกี้กาแฟหกน่ะ"
"คร้าบบ..." เขารับคำด้วยรอยยิ้มประจำตัว
"เดี๋ยวฉันจะไปซื้อกาแฟก่อนนะ" มะลิบอกต่อ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ หลังจากที่นั่งแก้แบบซึ่งเดิมทีตั้งใจจะนำเสนอในวันนี้ แต่ดันถูกเลื่อน เธอก็ใช้เวลาทบทวนงานอยู่เกือบสามชั่วโมงเต็ม
แม้จะเหนื่อย แต่ก็นับว่าเป็โอกาสดีที่ได้ปรับให้ดียิ่งขึ้น
และตอนนี้... เธอก็เริ่มง่วงอย่างแรง จำเป็ต้องเติมคาเฟอีนโดยด่วน
“กาแฟไหม” เธอเอ่ยถามเพื่อนทั้งสองคน
"ไม่ต้องเผื่อฉันนะ แกไปกินเถอะ ฉันเพิ่งดื่มไป" นทีธรตอบกลับ
"อะไรเนี่ย คนทั่วไปเขาดื่มกาแฟกันตอนเช้า แต่แกเพิ่งจะดื่มตอนเกือบเที่ยง แบบนี้คืนนี้ไม่หลับแน่" ลลิสาว่าเข้าให้แต่ก็ยิ้มขำ
"ไม่หลับยิ่งดี งานจะได้เดินไว ๆ น่ะสิ" มะลิตอบกลั้วหัวเราะ "อีกอย่าง แกก็รู้ว่ากาแฟพวกนี้เอาฉันไม่อยู่หรอก วันนึงกินสี่แก้วยังไม่ะเืเลย!"
"ทำเหมือนบริษัทเรางานล้นมือแน่ะ" นทีธรพูดแซวด้วยน้ำเสียงขำขัน
"อยู่ดีไม่ว่าดี ปากดีก่อนเลยนะ" มะลิหันมาแขวะเบา ๆ
"โฆษณาก็ลงไปแล้ว แต่มีลูกค้าติดต่อมาแค่เ้าเดียวเอง" ลลิสาว่าด้วยน้ำเสียงที่ปนด้วยความผิดหวัง
ความคาดหวังที่มีมากใน่เริ่มต้น มาตอนนี้กลับดูเงียบเหงาเกินคาด
"ของแบบนี้ต้องค่อยเป็ค่อยไปน่า" นทีธรเอ่ยปลอบ พร้อมส่งรอยยิ้มให้เพื่อน
"ตอนเป็ลูกจ้างบริษัทเก่า พวกเราปังจะตาย เ้านายต่างก็อยากได้ทีมเราไปออกแบบให้ตลอด" ลลิสาพูดถึงความหลังด้วยความรู้สึกอาลัยเล็ก ๆ
"อย่างน้อยตอนนี้เราก็มีลูกค้าจากบริษัทเก่าเราตั้งสามเ้าแล้วนะ ถึงจะเป็งานตกแต่งภายในเล็ก ๆ ก็เถอะ" มะลิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น "ระดับความสามารถอย่างเรา เดี๋ยวก็ได้งานใหญ่กว่านี้แน่นอน"
ในหมู่เพื่อนทั้งสามคน มะลิเป็คนที่มีไฟความหวังแรงกล้าที่สุดเสมอ
"...สามเ้านี่ ยังไม่พอจ่ายค่าเช่าออฟฟิศเลยด้วยซ้ำ" ลลิสาเสริมเสียงแ่ลงเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้