ความมืดหลังเปลือกตาไม่ได้มืดสนิทอย่างที่คิด แต่มันเจือไปด้วยแสงสลัวๆ ของโคมไฟหัวเตียงที่ยังติดค้างอยู่ในจอประสาทตา
ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงขนาดห้าฟุตในบ้านทาวน์โฮมปี 2025 ร่างกายอ่อนล้าและหนักอึ้ง แต่จิตใจกลับเบาหวิวราวกับขนนกที่กำลังล่องลอยสวนทางกับกระแสเวลา
ลมหายใจของฉันผ่อนช้าลง... ช้าลง...
กลิ่นอับของกระดาษเก่าจากกล่องตุ๊กตาที่วางอยู่ข้างหมอน ค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยกลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
มันเริ่มจากกลิ่นจางๆ ของ ‘ดินลูกรัง’ ที่เพิ่งโดนฝนชะล้าง... กลิ่นไอดินหอมๆ ที่หาไม่ได้ในเมืองคอนกรีตที่มีแต่กลิ่นควันรถและยางมะตอย
ตามมาด้วยกลิ่น ‘แป้งเย็นตรางู’ ที่ใครบางคนชอบทาจนหน้าขาววอกตอนเข้าแถวเคารพธงชาติ
และสุดท้าย... กลิ่นที่เป็เอกลักษณ์ที่สุด กลิ่นของ ‘ไม้กระดานเก่า’ ที่ถูกขัดด้วยน้ำมันสนจนเงาวับ กลิ่นของอาคารเรียนไม้สีน้ำตาลเข้มที่ฉันไม่ได้ััมานานกว่ายี่สิบปี
“โรงเรียน...”
คำคำนี้ผุดขึ้นมาในความรู้สึก ไม่ใช่โรงเรียนที่ฉันสอนอยู่ในปัจจุบัน แต่เป็โรงเรียนในความทรงจำ โรงเรียนที่ฉันเคยวิ่งเล่น เคยหัวเราะ และเคยร้องไห้เพราะเื่เล็กน้อยเท่าปลายก้อย
ภาพในหัวเริ่มก่อตัวขึ้นจากความมืด เหมือนจิตรกรที่ค่อยๆ ป้ายสีลงบนผืนผ้าใบ
แสงแดดสีทองยามเช้าสาดส่องลงมา... มันไม่ใช่แดดร้อนระอุแบบปัจจุบัน แต่เป็แดดอุ่นๆ ที่มาพร้อมกับลมหนาว่ปลายปี
เสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ฟังไม่ได้ศัพท์เริ่มดังขึ้นทีละน้อย จากเสียงกระซิบกลายเป็เสียงะโโหวกเหวก
“เฮ้ย! รอด้วย!”
“การบ้านเสร็จยังขอลอกหน่อย!”
“ใครเอารองเท้าเราไปซ่อนวะ!”
เสียงเ่าั้ดึงกระชากิญญาของฉันให้หลุดเข้าไปยืนอยู่ตรงนั้น... หน้าประตูรั้วอัลลอยด์สีเขียวซีดๆ ของ โรงเรียนอนุบาลลำปางเขลางค์รัตน์อนุสรณ์
ฉันมองเห็นตัวเองในมุมมองบุคคลที่สาม... ไม่สิ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังสวมร่างตัวเองในวัยเด็กซ้อนทับลงไป
เด็กหญิงอาวรรณ นักเรียนชั้น ป.5 ผมบ็อบสั้นเท่าติ่งหู หน้าม้าเต่อเล็กน้อยเพราะแม่เพิ่งเล็มให้เมื่อวาน แก้มยุ้ยๆ แดงระเรื่อเพราะวิ่งหนีหมาหน้าปากซอยมาเมื่อกี้
ฉันก้มลงมองตัวเอง... ชุดนักเรียนเสื้อขาวสะอาด กระโปรงจีบสีน้ำเงินเข้มยาวคลุมเข่า รองเท้านักเรียนสีดำคู่ใหม่ที่ยังกัดส้นเท้าอยู่หน่อยๆ
ความรู้สึกหนักอึ้งที่หัวไหล่ขวากลับมาอีกครั้ง... น้ำหนักของกระเป๋านักเรียนหนังสีดำใบโต ที่ข้างในอัดแน่นไปด้วยสมุดปกแข็ง กล่องดินสอเหล็กสองชั้น และหนังสือเรียนวิชา สปช. สลน. ที่เด็กสมัยนี้คงไม่รู้จักแล้ว
“อา! วิ่งเร็ว! ประตูโรงเรียนจะปิดแล้ว!”
เสียงเรียกของเพื่อนสาวคนสนิท ‘ฝน’ ดังแว่วมาจากข้างหน้า ฉันเห็นแผ่นหลังของเพื่อนกำลังวิ่งตึกตักเข้าไปในเขตโรงเรียน
บรรยากาศรอบตัวมันช่างสดใสและมีชีวิตชีวาเหลือเกิน
ต้นหูกวางต้นใหญ่ั์หน้าอาคารเรียน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา ใต้ต้นไม้นั้นมีม้านั่งหินอ่อนที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนด้วยน้ำยาลบคำผิด
สนามฟุตบอลหญ้าแหว่งๆ ที่มีฝุ่นตลบยามพักเที่ยง
เสาธงสูงตระหง่านที่มีธงชาติไทยผืนเก่าปลิวสะบัดตามแรงลม
และที่สำคัญที่สุด... อาคารเรียนไม้สองชั้น
อาคารเก่าแก่ที่เวลาเดินบนชั้นสองจะมีเสียงดัง เอี๊ยด... อ๊าด... ตามจังหวะฝีเท้า ช่องลมลายฉลุที่อยู่เหนือประตูห้องเรียน กระดานดำที่เต็มไปด้วยฝุ่นชอล์กฟุ้งกระจายเวลาลบ
ทุกอย่างชัดเจนจนน่าใ
ฉันสูดหายใจลึก... รับเอากลิ่นอายของวัยเด็กเข้าเต็มปอด กลิ่นของขี้กบเหลาดินสอไม้ กลิ่นยางลบหอมๆ กลิ่นนมโรงเรียนที่เป็ถุงพลาสติก และกลิ่นเหงื่อไคลจากการวิ่งเล่น
มันคือกลิ่นของ ‘ความสุข’ ที่ไม่ต้องปรุงแต่ง
ในความทรงจำนี้... โลกทั้งใบของฉันกว้างแค่รั้วโรงเรียน ปัญหาใหญ่ที่สุดในชีวิตคือทำเวรไม่สะอาด หรือลืมเอาไม้ปิงปองมาเรียนพละ
ไม่มีหนี้สิน
ไม่มีปัญหาสามีภรรยา
ไม่มีความคาดหวังจากสังคม
มีแค่ ฉัน กับ เพื่อน และ เื่เล่นสนุก ไปวันๆ
แต่เดี๋ยวนะ... มีอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในความทรงจำ่นี้
ท้องของฉันร้องจ๊อก... ความหิวแล่นพล่านขึ้นมาทันทีที่นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งในโรงเรียน สถานที่ที่เป็จุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็สมรภูมิรบ และเป็จุดเริ่มต้นของเื่ราวทั้งหมด
โรงอาหาร
และร้านสหกรณ์เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ข้างกัน... ร้านขายขนม
ภาพในหัวของฉันเคลื่อนตัวจากหน้าเสาธง มุ่งหน้าตรงไปยังโรงอาหาร กลิ่นไก่ทอด กลิ่นก๋วยเตี๋ยวน้ำใส และกลิ่นลูกชิ้นปิ้งโชยมาแตะจมูก
ฉันจำได้แล้ว...
วันนั้น... วันที่แดดร้อนเปรี้ยง่พักเที่ยง
วันที่ฉันกำเงินเหรียญห้าบาท กับเหรียญบาทอีกสองสามเหรียญไว้ในมือแน่น เหงื่อออกจนเหรียญอุ่น
เป้าหมายของฉันมีเพียงอย่างเดียว... ขนมปังรสช็อกโกแลต ห่อสีแดง ที่เพิ่งวางขายใหม่และฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง ใครได้กินถือว่าเท่ ใครถือห่อเดินโชว์ถือว่าเป็ผู้นำเทรนด์
ฉันรีบวิ่ง... วิ่งแข่งกับเสียงระฆังพักเที่ยง วิ่งแซงเด็ก ป.3 ป.4 เพื่อไปให้ถึงหน้าร้านป้าขายขนมเป็คนแรกๆ
แต่ฉันไม่รู้เลยว่า... ในวินาทีนั้น มีเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง ก็กำลังวิ่งมาจากอีกฟากของตึกเรียนด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน
เสียงฝีเท้าที่วิ่งกระแทกพื้นปูนดัง ตึก ตึก ตึก! ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
หัวใจของฉันในวัย 35 ปี เต้นแรงขึ้นตามจังหวะการวิ่งในความทรงจำ ฉันรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ฉันรู้ว่าหลังโค้งมุมตึกข้างหน้า ฉันจะได้เจอกับใคร
คนที่จะเปลี่ยนชีวิตวัยเด็กของฉัน... และกลายเป็ปมค้างคาใจมาจนถึงทุกวันนี้
มอส
ฉันหลับตาแน่นขึ้นอีกนิด ปล่อยให้ภาพความทรงจำพาฉันวิ่งเลี้ยวผ่านมุมตึกนั้นไป... เพื่อกลับไปเจอเขาอีกครั้ง
ที่หน้าร้านขนมแห่งความทรงจำนั้น.
