แย่แล้ว! เผลอเปิดเผยความลับ ทั้งสองอุทานในใจ
เมิ่งเซวียนถูกสาวน้อยบีบคอกดไว้ใต้ร่าง ทันใดนั้นเขาก็ได้สติ ตอนนี้ตนต้องปิดบังความสามารถที่แท้จริงไว้ก่อนจึงแกล้งขอร้อง “ไว้ชีวิตข้าเถอะคุณหนู เมื่อครู่ข้าเพียงโอ้อวดไปอย่างนั้น ความจริงแล้วข้ามันโง่และขี้ขลาด ไม่มีอะไรสู้เ้าได้สักอย่าง”
แต่ใครจะรู้ว่าเหอตังกุยก็ยกมือปิดปากด้วยความใ ”ช่างบังเอิญจริง ๆ อันที่จริงข้าก็ล้อเล่นเหมือนกัน ข้าไม่เคยต่อสู้กับขโมย เป็เพียงคุณหนูตัวเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างอ่อนแอ…ดังนั้น คุณชายเจ็ดเซวียน เ้าช่วยลืมคำที่ข้าพูดเมื่อครู่ได้หรือไม่? เอ่อ แสร้งทำเป็ว่าข้าไม่ได้พูดอะไร?”
“ช่างบังเอิญจริง ๆ ” เมิ่งเซวียนมองเหอตังกุยด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาเป็ประกายเหมือนน้ำทะเล เหอตังกุยเอ่ย “ข้าคิดเหมือนเ้า พวกเราลืมมันเสียเถอะ”
“ลืมมันเถอะหรือ?” นางมีอะไรต้องให้ข้าลืม? แม้เหอตังกุยจะไม่รู้ว่าเมิ่งเซวียนทำอะไรแต่นางก็พยักหน้า “ตกลง”
เมื่อเมิ่งเซวียนเห็นอีกฝ่ายเข้าใจอย่างว่าง่ายก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งใจไม่ได้ ขณะที่เขาจะขอบคุณก็พบว่านางยังคงขี่ร่างของเขา มือน้อยก็ยังบีบที่คอของตน เขาจึงเตือนนางด้วยความหวังดี “สาวน้อย ในเมื่อตอนนี้พวกเราอธิบายความเข้าใจผิดชัดเจนแล้ว เ้าก็ควรลงจากตัวข้าไม่ใช่หรือ?” อีกอย่างขาของเ้ายังกดทับบนน้องชายของข้าด้วย
เหอตังกุยส่ายหน้าพลางเอ่ย “นั่นเป็อีกเื่หนึ่ง แม้พวกเราจะไม่ได้เอ่ยถึงเื่นี้แล้ว แต่เ้าดูนี่สิ” นางยิ้มกว้างขณะหยิบเข็มเงินยาวคมกริบวางตรงหน้าเมิ่งเซวียน ก่อนเอ่ยถามอย่างอันตราย “เ้ารู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร?”
“เข็ม” เมิ่งเซวียนตอบตรงไปตรงมา
“ใช่ และมันก็เป็เข็มพิษด้วย” เหอตังกุยเก็บรอยยิ้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงน่าหวาดกลัว “มันมีพิษเจี้ยนเสวี่ยเฟิงโข่ว เป็ยาพิษที่น่ากลัวยิ่งนัก สามารถทำให้ศพกลายเป็สีดำได้ ข้าขอสั่งให้เ้าหยุดดูดลมปราณเจินชี่ของข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้น...เ้าตาย”
หลังจากกดร่างเด็กหนุ่มผู้นี้ เหอตังกุยก็พบว่าทุกอย่างเป็ไปตามที่เขาพูดจริง ๆ การส่งลมปราณเจินชี่จะไม่ถูกขัดจังหวะเว้นแต่เขาจะปล่อยมือ เหอตังกุยพยายามดิ้นรนหลายครั้งก็ไม่สามารถหลุดจากร่างของเมิ่งเซวียนได้ กระทั่งตอนนี้ก็พบว่าอวัยวะที่เขาเลือกจะดูดลมปราณเจินชี่จากนางนั้นคือหน้าท้องส่วนล่าง เขาใช้สะดือของเขาดูดลมปราณเจินชี่จากสะดือของนาง ส่งจากจุดตันเถียนหนึ่งไปยังอีกจุดตันเถียนหนึ่ง นี่มันปล้นกันชัด ๆ นางให้ลู่เจียงเป่ยและคนอื่นส่งลมปราณให้นาง ทั้งยังอยู่บนพื้นฐานการยินยอมของทั้งสองฝ่าย เป็การส่งจากเส้นลมปราณไปยังเส้นลมปราณ เช่นนั้นจะไม่ลดลงหรือเพิ่มขึ้นกะทันหัน แต่เ้าเด็กผู้นี้กลับดูดลมปราณของนางจากจุดตันเถียนโดยตรง หรือเขาคิดจะดูดลมปราณของนางจนหมด?
นางคิดได้ดังนั้นก็ใช้เข็มแทงมือของเขาจนเกิดตุ่มเืเช่นเดียวกับตุ่มเืที่นางทำให้บุรุษผู้นั้น ตุ่มที่พองตัวและมีเืคั่งทำให้ผู้พบเห็นใไม่น้อย
หลังเหอตังกุยต้องระวังตัวจากคนผู้นั้น นางก็พก “เข็มพิษ” ติดตัวตลอดเวลา ทั้งยังเคลือบด้วยยาชาและชาน้ำค้าง นางเกือบใช้ทักษะพิเศษยับยั้งนักฆ่าสวมหน้ากากอย่างลับ ๆ นางพร้อมใช้เสมอเมื่อบุรุษคนนั้น้าฆ่านาง แต่คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะได้ต่อสู้กับชายสวมหน้ากากด้วยยาสลบและชาน้ำค้าง ทั้งยังได้ใช้เข็มกับคุณชายน่ารำคาญผู้นี้อีก
“นี่ เหตุใดข้ายังมีชีวิตเล่า” เมิ่งเซวียนเอียงศีรษะในสภาพถูกเหอตังกุยบีบคอ ก่อนมองตุ่มเืบนมือพลางถาม “นี่เป็ยาพิษน่ากลัวที่สามารถฆ่าคนได้ในพริบตาหรือ?”
“ตุ่มเืเป็เพียงการกล่าวเกินจริง แม้แต่พิษกระเรียนแดงก็ไม่สามารถฆ่าคนได้ในพริบตา” เหอตังกุยกล่าวคำพูดในคราวที่แล้วเพื่อทำให้เมิ่งเซวียนใ “อันที่จริง ยาพิษชนิดนี้จะไม่ฆ่าเ้า แต่เ้าจะตาบอดในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ จะหูหนวกในสองเดือน จะหัวล้านในสามเดือน เ้าจะไม่มีบุตรในอีกสี่เดือน…” นางลด “ระยะเวลาของพิษกำเริบ” ลงไม่น้อย…ก่อนพูดต่อ “...หากเ้าไม่เชื่อก็สามารถแทงจุดฝังเข็มชางฉวี่ด้วยเข็มเงินได้ ดูว่าปลายเข็มเป็สีอะไร จุดฝังเข็มชางฉวี่เป็หนึ่งในแปดจุดสำคัญของผู้ฝึกวรยุทธ์ หากเ้ามีพิษร้ายแรงนี้ก็คงรู้ว่าสถานการณ์น่าเป็ห่วงเพียงใด แม้ข้าจะไม่พูด เ้าก็น่าจะรู้”
“เหนือสิ่งอื่นใด ราชินีของข้า เ้าช่วยเปลี่ยนท่าอื่นได้หรือไม่” การแสดงออกที่ขมขื่นของเมิ่งเซวียนน่ารักเสียจนผู้คนอยากหยิกแก้ม เขากล่าว “หากเ้ายังอยู่ในท่านี้ ข้าอาจไม่มีบุตรก่อนพิษกำเริบด้วยซ้ำ”
เหอตังกุยก้มศีรษะพลันพบว่านางเลือกจุดไม่ถูกต้องจึงขยับตัวเล็กน้อยก่อนเจรจาต่อ “ข้าเดาว่าเ้า้ายาแก้พิษใช่หรือไม่? เ้ายังเด็กและไม่รู้เื่ “การไร้ทายาทสืบสกุล” ดังนั้นข้าจะให้ยาแก้พิษชั่วคราวแก่เ้าหนึ่งเม็ดทุกเจ็ดวัน เมื่อเ้าคืนลมปราณเจินชี่ของข้าทั้งหมดแล้ว ข้าจะล้างพิษให้เ้าทันที ดีหรือไม่?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ขอร้องล่ะ ตอนเ้าพูดอย่าดิ้นไปมาได้หรือไม่ ทำเช่นนี้ข้าไม่สบายเท่าไรนัก” เมิ่งเซียนเล่าปัญหาของเขาต่อ “หัวของเ้าก็อย่าดิ้นไปมา ผมของเ้าทำให้ข้าคัน”
เหอตังกุยเอ่ยอย่างเดือดดาล “เ้าถูกวางยานะ! หรือเ้าไม่อยากได้ยาแก้พิษ?”
เมิ่งเซวียนทำลายตุ่มเืด้วยมือก่อนฉีกผ้าออกจากแขนเสื้อ เขาเริ่มพันแผลพลางเอ่ย “หนึ่งเดือนที่แล้วข้าถูกวางยาพิษ ‘เหอเหอชีรื่อชิง’ ซึ่งเป็พิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก หลังกินยาแก้พิษแล้วจะได้รับภูมิคุ้มกันจากพิษทั้งหมด หากเ้าไม่เชื่อก็สามารถจิ้มเข็มที่จุดชางฉวี่ได้ แล้วดูว่าปลายเข็มเป็สีอะไร”
“เหอเหอชีรื่อชิงหรือ? เป็พิษที่ใช้เฉพาะในหมู่องครักษ์จิ่นอีเว่ย อ้อ...คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเป็นักโทษที่ถูกพวกเขาตามล่า” เหอตังกุยคิดในใจว่าตอนที่ช่วยเขาคราวที่แล้วไม่มีร่องรอยของยาพิษ หรือตอนนั้นเขาจะล้างพิษแล้ว? ตนควรบอกเื่ที่ตนช่วยเหลือเขาดีหรือไม่ ใช้บุญคุณต่อรองและขอร้องให้เขาคืนลมปราณเจินชี่ของตน
ทันใดนั้นสีหน้าเรียบเฉยของเมิ่งเซวียนก็หายไป เขาจ้องเหอตังกุยพลางเอ่ยถาม “เหตุใดเ้าถึงรู้จัก พิษเหอเหอชีรื่อชิง? เ้าเป็ใครกันแน่?” ยาพิษนี้มาจากองครักษ์จิ่นอีเว่ยเจี่ยงอี้โดยใช้เข็มจินม่ายแทงร่างของเขา โชคดีที่ซู่เซียวเซียวช่วยไว้ขณะอยู่ในเมืองตู้เอ๋อร์ ต่อมาเขาจึงต่อสู้กับองครักษ์จิ่นอีเว่ยเพื่อยาแก้พิษ แม้จะใช้แผนเบี่ยงเบนความสนใจผู้คนจนได้กินยาแก้พิษ ทว่าขณะหนีกลับถูกพวกของเกาเจวี๋ยล้อมไว้ สองหมัดกับมือสี่คู่ อย่างไรก็เป็ไปไม่ได้ที่จะชนะ เมื่ออีกฝ่ายมีคนมากกว่า เขาจึงต้องหนีไปซ่อนตัวในเขาลึก จากนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากจื่อเซี่ยว
แต่เหตุใดเหอตังกุยถึงรู้ความลับของเขา? ในฐานะคุณหนูตระกูลร่ำรวย นางไม่เพียงมีกำลังภายในเท่านั้น ซ้ำยังรู้เื่องครักษ์จิ่นอีเว่ยได้อย่างชัดเจน สีหน้าของเมิ่งเซวียนเ็าลงเรื่อย ๆ ก่อนถามอีกครั้ง “เ้าเป็ใครกันแน่?”
“คุณชาย เ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าในตัวข้ามีลมปราณเจินชี่ของสำนักหลงฮู? แท้จริงแล้วข้าคือนักพรตหญิงในสำนักหลงฮู คนในยุทธภพต่างยกย่องวิชาตัวเบาของเหอตังกุยจอมยุทธ์หญิงว่า “น้ำไร้คลื่น หญ้านิ่งไม่ไหวติง” ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไป นางจึงตัดสินใจไม่บอกว่านางเคยช่วยเขา การช่วยนักโทษที่ถูกทางการตามจับนั้นมีความผิดมหันต์ อีกทั้งเขาก็มีความผิดทางอาญาด้วย ทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ เป็ไปได้สูงว่าเขาอาจใช้เื่นั้นมาคุกคามตน ผู้ที่นำลมปราณเจินชี่ออกไปโดยไม่ขออนุญาตนั้นช่างเป็คนที่ชั่วร้ายยิ่งนัก
เหอตังกุยรู้ว่าเนี่ยชุนมาจากสำนักหลงฮู ลมปราณเจินชี่ที่พลุ่งพล่านภายในของนางก็มาจากเขา ทั้งสำนักหลงฮูและสำนักศึกษาฉีหยางกงล้วนเป็เื่ลับเช่นเดียวกับการดำรงอยู่ในตำนาน นางแกล้งเพียงครั้งเดียวคงไม่มีใครลุกขึ้นต่อต้านกระมัง
“นักพรตหญิงสำนักหลงฮูหรือ? น้ำไร้คลื่น ผืนหญ้าไม่ไหวติงหรือ?” เมิ่งเซวียนขมวดคิ้วพลางคิดย้อนกลับไป ขณะเดียวกันก็กระซิบเสียงต่ำ “นั่นอะไร? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” ด้วยความรู้ที่กว้างขวางของตนกลับไม่เคยได้ยินชื่อนี้ในยุทธภพ เขาเป็กบในกะลาหรือนางคุยโวโอ้อวดไปอย่างนั้น?
เหอตังกุยไม่เชื่อว่านางที่เป็คนสองชาติภพจะหลอกเด็กหนุ่มด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดและประสบการณ์โกหกไม่ได้ จึงแค่นเสียงเ็าพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงยากจะคาดเดา “เ้าฝึกวรยุทธ์ในกองทัพตลอดปีจนกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ในกะลา ไม่แปลกที่เ้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในยุทธภพบ้าง เ้ากล้าลบหลู่นักพรตหญิงของสำนักหลงฮูได้อย่างไร? หยุดส่งลมปราณเจินชี่เดี๋ยวนี้ จะรอถึงเมื่อไรกัน?” บัดซบ หากให้เขาดูดต่อไปอย่างนี้ เห็นทีลมปราณเจินชี่ของนางคงไม่เหลือแล้ว
“พี่สาวนักพรตหญิง” เมิ่งเซวียนกะพริบตาเอ่ยขอร้อง “เ้าอย่าบอกใครว่าข้าถูกยาพิษเหอเหอชีรื่อชิงได้หรือไม่? ที่จริงข้ากินข้าวอยู่ข้างถนนแล้วเผลอกินยาพิษชนิดนี้ ข้าไม่ใช่นักโทษที่ถูกทางการตามจับ แต่ข้าเป็แม่ทัพแนวหน้าที่เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อแคว้น ได้โปรดช่วยข้าเก็บความลับนี้ได้หรือไม่” เขาไม่สนใจว่านางจะเป็นักพรตหรือเทพธิดา แม้เขาจะเชื่อเพียงเล็กน้อย แม้เขาจะเดาว่านางอาจซ่อนความลับไว้มากมาย แต่เขาก็มีความลับมากมายเช่นกัน เหตุใดต้องไปถามความลับของคนอื่นให้ชัดเจนด้วยเล่า? อย่างไรตอนนี้สิ่งที่ควรทำก็คือปลอบโยนนางก่อน เื่อื่นค่อยว่ากัน
เมิ่งเซวียนโอบเอวบางของท่านนักพรตหญิงก่อนพลิกตัวกลับ ทำให้นักพรตหญิงอยู่ใต้ร่างเขาอีกครั้งพลางเอ่ยจริงจัง “ข้าดูดลมปราณของเ้าก็เพื่อช่วยเ้า หากเ้าไม่เชื่อก็ลองนึกสภาพก่อนหน้าที่จะเข้ามาในห้องนี้ แล้วมองดูตัวเองในตอนนี้ที่ร่างกายเปี่ยมด้วยพลัง อีกทั้งยังจะทำให้ข้า “ไร้ทายาทสืบสกุล” หรือเ้ายังไม่เข้าใจอีก?”
เหอตังกุยตะลึงงันครู่หนึ่งจึงพบว่าที่เขาพูดนั้นไม่ผิด เมื่อมองย้อนกลับไป นางอึดอัดราวกำลังจะตายแต่ตอนนี้กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มือและเท้าก็อบอุ่นมาก นางบีบคอเมิ่งเซวียนพลางถาม “เช่นนั้นข้าจะให้ลมปราณเจินชี่เพื่ออะไร? หรือหากมีลมปราณเจินชี่แล้วมันจะทำร้ายร่างกายข้าหรือ? หรือเ้าจะบอกว่าข้าไม่มีพร์ฝึกวรยุทธ์แต่กำเนิด?”
“ข้ากำลังจะพูดให้เ้าเข้าใจ แต่จู่ ๆ เ้าก็กดข้า ไม่ให้โอกาสข้าอธิบายแม้แต่น้อย แม้เ้าจะเหมาะกับการฝึกยุทธ์ แต่เ้าก็ี้เีและชอบฉวยโอกาส คิดจะเป็ยอดฝีมือเพียงรับพลังภายในจากยอดฝีมือคนอื่น ความจริงแล้วเ้าคิดผิด”
เมื่อเห็นหน้าตาบูดบึ้งแสนน่ารักของสาวน้อย เขาก็บีบแก้มสีชมพูนวลพลันใช้นิ้วชี้แตะปลายจมูกกลมมน เหอตังกุยจึงะโเสียงดัง “บังอาจ เ้ากล้าทำกับ…” เขาปิดปากแล้วพูดต่อ “จิตใจของคนนั้นไม่เคยพอเสมือนงูอยากกลืนช้าง เ้ารับลมปราณเจินชี่มากเกินไป แม้ลมปราณเจินชี่จะเป็ของดีแต่ก็ควรรับมันอย่างช้า ๆ เ้าเป็สตรีแต่กลับรับลมปราณเจินชี่ของบุรุษที่ทั้งหนาแน่นและแข็งแกร่ง มันเข้ากับร่างกายของเ้าไม่ได้ ที่สำคัญ มีเพียงผู้มีกำลังภายนอกยอดเยี่ยมเท่านั้นจึงจะใช้ลมปราณเจินชี่ของคนอื่นได้ มิเช่นนั้นสำนักอู่หลินหลายแห่งในใต้หล้าก็คงสามารถสร้างยอดฝีมือได้จำนวนมากแล้วกระมัง? สาวน้อย เ้าเกียจคร้านเกินไป ทั้งยังแทบไม่มีกำลังภายนอกเลย”
เด็กสาวกัดนิ้วเมิ่งเซวียนด้วยความเดือดดาลพลันตะคอก “ข้าเก่งเื่วรยุทธ์ของทุกสำนักในใต้หล้า ทั้งยังมีสวนดอกท้อที่ข้าใช้ฝึกวรยุทธ์ทุกวัน สักวันข้าจะเป็ยอดฝีมือแล้วเอาชนะเ้าให้ได้” อันที่จริงหลังนางย้ายเข้าเรือนเถาเหยาก็เอาแต่พักผ่อนห้าถึงหกวันแล้ว นางนอนจนถึงเที่ยง ตอนบ่ายก็ยังนอนต่อ เป็เช่นนี้ทุกวัน เห็นได้ชัดว่า “ไม่มีเวลา” ของนางหมายถึง “ี้เี” ตลอดไป
“แน่นอนว่าลมปราณเจินชี่เป็พลังจำเป็สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ ทุกหยดของมันมีค่ามาก ข้าเป็ชายสูงเจ็ดฉื่อ…” เหอตังกุยเอ่ยขัดจังหวะ “สูงสี่ฉื่อครึ่ง” เขาหยุดชั่วขณะพลางพูดต่อ “แล้วข้าจะแย่งลมปราณเจินชี่ของสตรีอ่อนแอเช่นเ้าได้อย่างไร? อันที่จริงข้านำลมปราณเจินชี่จากตันเถียนของเ้าส่งมายังตันเถียนของข้าเพื่อช่วยจัดการลมปราณให้เ้า ดูเหมือนเ้าจะไม่รู้วิธีเดินลมปราณเจินชี่ ข้ากำลังจะสอนวิธีพื้นฐานให้แต่เ้ากลับปฏิเสธที่จะเรียนรู้”
เมื่อเหอตังกุยได้ยินก็ตะลึงงันทันที วิชาพื้นฐานของกำลังภายในหรือ? นี่เป็วิธีที่นาง้ามากที่สุดทั้งในชาติก่อนและในชาตินี้ หลังกลั้นหายใจก็พบว่าลมปราณเจินชี่ที่ไม่ปกติกลับไหลไปยังจุดตันเถียนด้วยจังหวะราบรื่นและมั่นคง
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ทันสังเกตเื่นี้ เ้าช่วยพูดซ้ำอีกรอบได้หรือไม่?” เหอตังกุยขอคำแนะนำอย่างนอบน้อม “เส้นลมปราณไหนที่ควรไปก่อน? เส้นลมปราณเยื่อหัวใจ? ช่องเยื่อหุ้มหัวใจ? ช่องตีเจียว? หรือจุดฝังเข็มจู๋ซานหลี่[1]?”
“ไม่ต้องกังวล” เมิ่งเซวียนแปลกใจกับท่าทีเปลี่ยนไปของเด็กสาว ก่อนยิ้มพลางเอ่ย ”เพื่อช่วยเ้าปรับลมปราณ แน่นอนว่าข้าสามารถปรับลมปราณเจินชี่ให้ดียิ่งกว่าได้ ข้าทำให้ความเร็วในการรับลมปราณเจินชี่ช้าที่สุด ข้าจะดูดลมปราณเจินชี่ภายในร่างกายของเ้าทั้งหมดเป็เวลาสิบวัน นั่นหมายความว่าในอีกสิบวันข้างหน้าข้าจะมาที่ห้องของเ้าทุกคืน เ้าจะรังเกียจหรือไม่ เอ่อ หากเ้ายังไม่ได้หมั้นหมายกับบุรุษอื่น ข้าสามารถขอเ้าแต่งงานได้เพื่อรักษาชื่อเสียงและเกียรติของเ้า”
-----------------------------------------------
[1] จุดฝังเข็มจู๋ซานหลี่ หมายถึงจุดฝังเข็มที่อยู่ใต้เข่าประมาณ 3 ชุ่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้