ชวีเสี่ยวปอกวาดสายตามองไปบนใบหน้าของเซี่ยเจิงอย่างรวดเร็ว แล้วคิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดว่าทำไมสายตาของซือจวิ้นถึงได้ดีอะไรขนาดนั้น แต่ปากของเขากลับพูดออกมาว่า : “ได้ ได้ๆ ฉันกินเองๆ”
“อืม เป็ร้อนในขึ้นมานิดนึงน่ะ” เซี่ยเจิงพูดขึ้นมาเสียงเรียบ
“ร้อนในเหรอ? ” ซือจวิ้นเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย “ฉันจำได้ว่าตอนสายยังไม่เห็นมีเลยนะ? ”
“แช่น้ำพุร้อนจนเป็น่ะสิ !” ชวีเสี่ยวปออดกลั้นอย่างสุดขีดที่จะไม่เอาไม้เสียบเข้าไปในศีรษะของซือจวิ้น
“แช่น้ำพุร้อนเป็ร้อนในได้ด้วยเหรอ? ” ซือจวิ้นถามต่อ “ตอนแช่เสร็จฉันรู้สึกว่ามันสบายมากเลยนะ”
“เกี่ยวกับร่างกายแหละมั้ง” เซี่ยเจิงเดินไปนั่งลงตรงกลางระหว่างชวีเสี่ยวปอและซือจวิ้นอย่างเงียบๆ แยกเขาทั้งสองคนออกจากกัน แล้วจึงพูดออกไปมั่วๆ ว่า : “คงจะเป็เพราะพื้นฐานร่างกายของฉันพอแช่เสร็จก็เป็ร้อนในละมั้ง”
“งั้นเหรอ” ซือจวิ้นมองเขาทำท่าเหมือนจะเข้าใจ จากนั้นก็กลับไปสนใจปีกไก่ที่อยู่ในมือต่อ ส่วนชวีเสี่ยวปอก็แอบหยิกที่แขนของเซี่ยเจิงไปทีหนึ่ง รู้สึกว่าเขาแต่งเื่ได้เก่งมาก
ความสนุกของการทานบาร์บีคิวก็คือกินไปด้วยเล่นกันไปด้วย เจียงอี้หยางและเซวียอวี่ก็ถือได้ว่าเล่นกันสนุกแบบนั้นเลย ั้แ่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้พวกเขาเอาแต่อยู่ในโลกใบเล็กที่มีเพียงแต่เขาสองคน ในตอนที่พวกเขาย่างเสร็จและถือไปให้ เขาทั้งสองคนก็ทานกันไปเล็กน้อย พอทานหมดก็พูดคุยกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม ในขณะนั้นเองพวกเขาทั้งสามคนสังเกตการณ์อยู่พักหนึ่งจนรู้สึกว่าเื่นี้ของเจียงอี้หยางน่าจะประสบความสำเร็จแล้ว
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง และระหว่างนั้นก็มีคนนำไฟส่องสว่างมาวางไว้ให้พวกเขา ในตอนนั้นชวีเสี่ยวปอทานไปเยอะพอสมควร เขาจึงนอนลงไปบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างพร้อมทั้งมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ท้องฟ้าในเขตชานเมืองค่อยข้างที่จะสดใสมากกว่าในเมือง จึงทำให้สามารถเห็นดวงดาวได้อย่างชัดเจน
เดิมทีหวังหลินหลินกำลังดื่มเบียร์อยู่กับซือจวิ้น แต่เมื่อเห็นชวีเสี่ยวปอนอนอยู่ด้านหลังคนเดียว เธอจึงยกเบียร์ครึ่งกระป๋องที่ดื่มค้างไว้อยู่เดินเข้าไปหาเขา
“นี่” หวังหลินหลินเขย่ากระป๋องเบียร์ไปยังเขา “นายไม่ดื่มหน่อยเหรอ? ”
“ไม่อะ” ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นมานั่ง ทันทีที่เห็นหวังหลินหลินเดินเข้ามา เขาจึงหันไปมองเซี่ยเจิงโดยอัตโนมัติ แต่เซี่ยเจิงก็เอาแต่หันหลังไม่หันกลับมองเขาเลยสักนิด “ฉันกินอิ่มแล้ว”
“งั้นเหรอ? ” หวังหลินหลินคอไม่แข็งสักเท่าไหร่ ในตอนที่เดินเข้ามาก้าวเดินของเธอก็ดูไม่มั่นคงเลยสักนิด ชวีเสี่ยวปอจึงรีบขยับให้มีที่ว่าง หวังหลินหลินก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจอะไร ทั้งยังนั่งลงไปข้างๆ เขาทันที
“อืม เธอดื่มน้อยๆ หน่อยก็แล้วกัน” ชวีเสี่ยวปอขมวดคิ้ว
“แบบนี้ถือว่า...นายเป็ห่วงฉันเหรอ? ” หวังหลินหลินใช้มือเสยผมขึ้นไป พูดตามตรง หวังหลินหลินถือได้ว่าเป็ผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเลย หน้าตาสะสวยทั้งยังไม่หยาบคาย ให้ความรู้สึกดูเป็ธรรมชาติไม่ได้เสแสร้งเลยสักนิด... ทว่าในตอนนี้ชวีเสี่ยวปอกลับกำลังรู้สึกประหม่า ทั้งยังไม่ได้สนใจความสวยของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ฉันแค่กลัวว่าเธอจะดื่มเยอะจนเมาน่ะ” ชวีเสี่ยวปอยิ้ม
“เห้อ” หวังหลินหลินถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงพูดออกมาเสียงเบา : “นายรู้ไหมว่าทำไมวันนี้ฉันถึงได้มาด้วย? ”
“ทำไมอะ? ” ชวีเสี่ยวปอต่อบทสนทนา
“เพราะว่าเจียงอี้หยางละมั้ง” หวังหลินหลินมองไปทางด้านนั้นด้วยสายตาที่ดูสับสน
“เธอชอบเจียงอี้หยาง? ! ” ชวีเสี่ยวปอเบิกดวงตากว้าง รู้สึกเหมือนคำว่าให้ตายเถอะคำนี้จะติดอยู่ที่ปาก
“คิดไปไหนต่อไหนแล้วเนี่ย” หวังหลินหลินกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ “นายฟังฉันพูดให้จบก่อนได้ไหม”
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ในใจของเขาก็คิดว่าฉันฟังไม่จบที่ไหนกัน แต่เป็เธอที่หยุดพักหายใจไปตั้งนานต่างหาก?
“เจียงอี้หยางบอกว่านายจะมาด้วย” ทันใดนั้นหวังหลินหลินก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ชวีเสี่ยวปอจึงรีบเอนตัวหลบไปด้านหลัง แต่แล้วก็นั่งตัวแข็งขึ้นมาทันที
“เจียงอี้หยางบอกว่านายจะมาด้วย” หวังหลินหลินมองการกระทำของชวีเสี่ยวปอ แล้วจึงพูดซ้ำขึ้นมาอย่างรู้สึกผิดหวัง “ที่จริงฉันรู้จักนายตั้งนานแล้วละ นายเคยมาเล่นบาสที่โรงเรียนพวกเรา”
“ฉันเคยไปเล่นบาสโรงเรียนพวกเธอ? ” ชวีเสี่ยวปอผงะไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง เขานึกไม่ออกเลยสักนิด
“ประมาณครึ่งปีก่อน” หวังหลินหลินทำราวกับว่าเธอพอใจท่าทีเช่นนี้ของชวีเสี่ยวปอเป็อย่างมาก เธอยิ้มพลางพูดออกมาว่า : “วันหยุดสุดสัปดาห์สักวันหนึ่ง ถึงยังไงก็เคยเล่นนั่นแหละ แต่ก็ไม่รู้ว่านายแค่ผ่านไปหรือไปรอใคร”
“ให้ตายเถอะ นึกออกแล้ว” ชวีเสี่ยวปอตบไปบนต้นขา ดูเหมือนว่าจะจำขึ้นมาได้แล้วว่าเคยเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น “ฉันน่าจะไปหาเพื่อนตอนมอต้นที่โรงเรียนพวกเธอ เลยได้เล่นบาสกันอยู่สักพัก”
“ช่างมันเถอะ นั่นไม่ใช่เื่สำคัญ” หวังหลินหลินกัดริมฝีปากล่าง “ตอนนั้นฉันก็รู้สึกว่านายหล่อสุดๆ เลยละ ขาก็ยาวมากด้วย อีกอย่างพอเห็นก็รู้ได้ทันทีเลยว่าไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนเรา”
“คำพูดนี้นี่หมายความว่าไง หรือบนหน้าฉันมีเขียนเอาไว้ว่า ‘ไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนมัธยมที่สอง’ ? ” ชวีเสี่ยวปอพูดพลางหัวเราะออกมา
“เพราะว่าผู้ชายของโรงเรียนพวกเราหน้าตาดูไม่ได้เลยสักคน” หวังหลินกระดกเบียร์เข้าปากไป พร้อมทั้งหรี่ตาขึ้นมา “เพราะงั้นในตอนนั้นฉันก็เลยสังเกตเห็นนายเข้า ไปถามชื่อแล้วก็อยากทำความรู้จักกับนายมาตลอด แต่นึกไม่ถึงว่านายจะอยู่ห้องเดียวกับเจียงอี้หยาง ดังนั้นในตอนที่เขาพูดขึ้นมา ฉันจึงตัดสินใจมาด้วยเลยทันที”
“ถ้างั้นก็เป็เกียรติของฉันมากเลยละ” ชวีเสี่ยวปออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจ นี่ถือได้ว่าเป็เื่ใหญ่เื่หนึ่งเลยละ
“แต่ว่า ฉันเห็นนายดูเหมือนจะไม่ได้สนใจฉันสักเท่าไหร่” แล้วจู่ๆ แววตาของหวังหลินหลินก็เปลี่ยนไป จากเมื่อครู่ที่ยังดูเหมือนคนดื่มเยอะจนไม่ได้สติ ทั้งยังมึนงงสับสน ในตอนนี้กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เหมือนคนที่ใกล้จะเมาเลยแม้แต่น้อย “ฉันพูดถูกไหม? ”
ผู้หญิงคนนี้ ช่างฉลาดทันคนจริงๆ
ชวีเสี่ยวปอยากที่จะตอบว่าถูกหรือผิด ในขณะนั้นเจียงอี้หยางและเซวียอวี่ก็ไม่อาจจะมองได้เลยจริงๆ เขาทั้งสองคนกำลังจีบกันกะหนุงกะหนิง หวานปานจะกลืนกิน เขาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเซี่ยเจิงและซือจวิ้นแทน แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังย่างบาร์บีคิวไปด้วยและทานไปด้วยอย่างมีความสุข แทบจะไม่ได้หันกลับมองเขาเลยแม้แต่น้อย
“ถึงพวกเขาสองคนได้ยินก็คงจะไม่มาหรอก” หวังหลินหลินมองไปตามสายตาของชวีเสี่ยวปอ พร้อมทั้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม : “ไม่แน่อาจจะกำลังรอฟังว่านายจะพูดยังไงอยู่ก็ได้ เตรียมดูละครสนุกๆ น่ะ”
“จะเป็ไปได้ยังไง” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าตัวเองเจอกับ่เวลาที่ยากจะรับมือแล้วจริงๆ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาถูกผู้หญิงถามจนพูดไม่ออก
“ทำไมจะเป็ไปไม่ได้ล่ะ” หวังหลินหลินเลิกคิ้ว แล้วจู่ๆ ก็ะโเรียกออกไปเสียงดัง “ซือจวิ้น !”
ผลลัพธ์ก็คือซือจวิ้นทำราวกับว่าไม่ได้ยิน และยังคงเต้นเข้าไปหาเซี่ยเจิงโดยที่ในมือถือไม้บาร์บีคิวเอาไว้ด้วย
ให้ตายสิ !
แกล้งไม่ได้ยินจริงๆ ด้วย !
“ไม่งั้นนายก็ลองะโเรียกเซี่ยเจิงดูสิ” หวังหลินหลินหัวเราะให้ชวีเสี่ยวปออย่างได้ใจ
ะโก็ะโสิ !
ในตอนที่ชวีเสี่ยวปอกำลังจะอ้าปากขึ้นมา เขาก็เห็นเซี่ยเจิงลุกขึ้นและเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่สุดทางตรงทางเดินเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง
ชวีเสี่ยวปอ : “ ? ” ต้องมาเข้าห้องน้ำอะไรตอนนี้ด้วย?
“ฉันพูดอะไรไปน่ะ” หวังหลินหลินถอนหายใจ “ทำไมนายถึงดูประหม่าขนาดนี้”
“ฉันประหม่าเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอลูบไปที่หน้าผาก พร้อมทั้งกวาดสายตามองไปยังทางที่เซี่ยเจิงเดินเข้าไป “ฉันไม่ได้ประหม่าเลย”
“พอเถอะ” หวังหลินหลินเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่ได้ความหมายว่าอย่างอื่นเลย นายอย่าคิดมาก แล้วฉันก็ไม่ได้จะสารภาพรักอะไรกับนายด้วย”
“ถ้างั้นก็ดี” ชวีเสี่ยวปอพลั้งปากพูดออกมา แต่ก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที : “แล้วที่เมื่อกี้เธอพูดตั้งเยอะตั้งแยะมันหมายความว่ายังไง? ”
“ก็แค่ให้นายได้รู้ไว้แหละมั้ง” หวังหลินหลินยักไหล่อย่างไม่ได้สนใจอะไร “เพราะถึงยังไงฉันก็เสียเวลาไปตั้งนานเพื่อที่จะได้รู้จักกับนาย ถ้าไม่บอกให้นายรู้ งั้นมันก็ไม่ยุติธรรมกับฉันเองน่ะสิ”
ความใจกว้างของหญิงสาวคนนี้ทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกพูดไม่ออก ทั้งยังไม่มีอะไรจะพูด นอกจากยกนิ้วโป้งให้หวังหลินหลินอย่างจริงใจ
“พอแล้ว” หวังหลินหลินส่ายหน้า “ว่าแต่ นายไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมฉันถึงไม่อยากสารภาพรักกับนายแล้ว? ”
“ทำไมล่ะ? ”
“เพราะว่า...” หวังหลินหลินขยับเข้าไปใกล้ข้างหูของชวีเสี่ยวปอ พร้อมทั้งพูดออกไปประโยคหนึ่งอย่างรวดเร็ว