ในสายตาของหลัวชี ทุกอย่างมันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
หานเฟิงเกิดในตระกูลหานที่มีภูมิหลังอันลึกซึ้ง ในเื่ของอำนาจ ตระกูลหานกับทางการมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ในเื่การเงิน ตระกูลหานก็เป็ตระกูลพ่อค้าใหญ่ของเมืองเสวี่ยเยวี่ย พูดได้เลยว่า หานเฟิงนั้นสามารถเดินไปไหนมาไหนก็ได้ในเมืองเสวี่ยเยวี่ย
ตัวของหานเฟิงเองก็หน้าตาหล่อเหลา มีความสามารถ มีพร์ มีพลังแข็งแกร่ง เขากลายเป็ชายในฝันของหญิงนับพันนับหมื่นคน
ในสองสามปีที่ผ่านมา ผู้หญิงที่ยอมสยบให้กับหานเฟิงมีนับไม่ถ้วน บางคนเป็ลูกหลานของขุนนางใหญ่ บางคนก็เป็ลูกคุณหนูผู้ดีมีตระกูล หน้าตางดงามไม่ว่า แต่ยังมีความสง่างามอีกด้วย เช่น ลูกสาวผู้ว่าเมืองเสวี่ยเยวี่ย นางอายุสิบแปด ผิวพรรณงดงาม ร่างกายอ่อนนุ่ม และมีใบหน้าอันงดงาม ไม่รู้ว่ามีชายตั้งมากตั้งมายเท่าไรที่อยากจะเกาะชายกระโปรงของนาง
ไม่เพียงแค่นั้น แต่เพราะนางถูกเลี้ยงเอาใจมาั้แ่เล็ก มีความเอาแต่ใจสูงมาก หัวสูงเป็ที่สุด พวกผู้ชายดีๆ นั้นจึงแทบไม่อยู่ในสายตาของนางเลย
ผู้หญิงหัวสูงแบบนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเฟิงก็ยังกลายเป็นกตัวน้อย ไม่ใช่หรือ?
จากนั้นนางก็ถูกหานเฟิงทิ้ง ร้องไห้ไปเต็มๆ สามเดือน จนตอนนี้ในใจของนางก็ยังมีแต่หานเฟิง
หลัวชียอมรับว่าเฮยจีนั้นเป็ผู้หญิงที่งดงามมาก เมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ ของหานเฟิงแล้วงดงามกว่ามาก แต่ิอวี่ที่อยู่ข้างกายของนางออกข้างนอกมาเพียงลำพัง แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่มี แสดงว่าไม่ใช่คนมีภูมิหลัง ไม่มีชาติตระกูล คิดว่าค่ายกละเิเพลิงเขาก็น่าจะใช้เงินจำนวนมหาศาลถึงได้ซื้อมาได้
ลายเส้นอักขระแบบนั้น ตระกูลหานซื้อมาเก็บเอาไว้ไม่รู้กี่อัน ดังนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าของหานเฟิงที่มีชาติตระกูล เฮยจีก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้น ต้องยอมศิโรราบโดยง่ายดายอย่างแน่นอน!
ในเวลานี้ เฮยจีจะต้องต่อว่าต่อขานว่าิอวี่ไม่เอาไหนไร้ความสามารถ จากนั้นก็เอ่ยปากชื่นชมหานเฟิง ในเมื่อนางเกิดความรู้สึกแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วนางก็จะต้องหลงใหลหานเฟิงแน่ๆ
หากหานเฟิงสยบเฮยจีได้จะต้องมีความสุขมากแน่นอน และอาจจะมอบทรัพยากรจำนวนมากให้หลัวชีไปฝึกฝนได้
พอคิดถึงตรงนี้ หลัวชีก็รู้สึกมีความสุขมาก
จากนั้น เขาก็รวบรวมสมาธิและจิตไปยังจุดเซินถิง เพื่อเพิ่มประสาทััทั้งห้าให้มองเห็น ให้ได้ยินชัดขึ้น!
“อือ ... ”
ภายในกระโจมที่มืดมน มือเล็กๆ ของเฮยจีนั้นเกาะอยู่แผ่นหลังของิอวี่ แล้วก็ครางเสียงร้องออกมาไม่หยุด เสียงครางที่แ่เบาแบบนี้ เมื่อเข้าหูของิอวี่มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
เพื่อให้าแของเฮยจีหายเร็วขึ้น ิอวี่จึงถ่ายเืเข้าไปอีกอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า “ข้าเพิ่มแรงแล้วนะ”
เือันร้อนระอุวิ่งเข้าสู่าแบริเวณหน้าอกของเฮยจีอย่างรวดเร็ว
“อ๊า ... ”
พลังงานที่ถูกถ่ายเข้าสู่าแมันทำให้เฮยจีรู้สึกเ็ป ใบหน้าของนางมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด แล้วพูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “เบาหน่อย ... ข้าเจ็บ ... ”
ิอวี่ค่อยๆ ผ่อนแรงที่ฝ่ามือลง แล้วพูดว่า “เท่านี้พอไหม?”
“ใช่ ... อย่าเร็วเกินไปนัก ... แรงระดับนี้แหละ ... อือ ... ”
เพราะิอวี่ถ่ายพลังงานให้อย่างสมดุล ความเ็ปของเฮยจีนั้นก็ค่อยๆ ทุเลาลง จนสุดท้ายก็กลับมาดีขึ้น
เมื่อผ่านความเ็ปนั้นไป มันมีความรู้สึกอุ่นๆ เกิดขึ้นไปทั่วร่างกาย ทำให้เฮยจีรู้สึกว่าตัวชา
“อือ ... ”
เฮยจีครางเสียงขึ้นมา นางอิงอยู่บนหน้าอกที่แข็งแกร่งของิอวี่ รู้สึกว่าร่างกายนั้นอ่อนแรงมากในขณะที่พลังิญญาของนางได้รับการเติมเต็ม พอคิดได้แบบนี้นางก็อิงแอบอย่างเงียบๆ
อิงแอบและหลับตาลง จากนั้นก็หลับฝันหวานไปในอ้อมแขนของิอวี่
เพราะิอวี่มีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าระดับลอกคราบ พลังเืมีความแข็งแกร่งมาก ครั้งนี้เฮยจีสามารถอยู่ในร่างจริงนี้ได้หนึ่งเดือน แต่หลังจากหนึ่งเดือนนางก็จะตายเหมือนเดิม
เว้นเสียแต่ว่าิอวี่จะมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หก พลังเืของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีก ไม่อย่างนั้นดวงิญญาของนางก็ไม่มีทางฟื้นคืนแน่นอน
ในเวลานี้เอง เสียงสายลมในยามค่ำคืนยังพัดแรงเหมือนเดิม ิอวี่กับเฮยจีที่อยู่ในกระโจมเองก็กอดกันกลม
เมื่อััได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของอีกฝ่าย ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าต้องเงียบสงบและอบอุ่นเช่นนี้
แต่หลัวชีที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรนอกกระโจม กลับไม่สามารถอยู่นิ่งได้ ...
เดิมเขาวาดฝันว่าจะได้ยินเฮยจีเอ่ยปากชื่นชมความแข็งแกร่ง ความร่ำรวยของหานเฟิง แต่สิ่งที่เขาได้ยินมันคืออะไรกัน?
เมื่อครู่เขาใช้ดวงตาหยั่งรู้ เขาได้ยินเสียงครางของหญิงสาว จากนั้นก็ได้ยินบทสนทนาที่แทบทนฟังไม่ไหวของพวกเขาสองคนอีก ...
ได้ยินแค่เสียงหลัวชีก็ทนไม่ไหว นึกภาพตามจนร้อนรุ่มไปทั้งตัว แต่ความรู้สึกแบบนี้มันกลับทำให้เขารู้สึกขายหน้า
เพราะเฮยจีแทบจะไม่ได้สนใจคุณชายของเขาเลย แต่ยังใช้เวลาในยามค่ำคืนดื่มด่ำความสุขอยู่กับิอวี่
การกระทำของเฮยจีมันบอกให้หลัวชีรู้ว่า ใช่แล้ว หานเฟิงไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
เขากลับไปยังกระโจมของหานเฟิงด้วยความรู้สึกอึดอัดและผิดหวัง หานเฟิงในเวลานี้ กำลังหลับตาพักอยู่ในกระโจม เพื่อรอหลัวชีกลับมารายงานผล
“ได้ยินอะไรมาบ้าง พูดมา” หานเฟิงได้ยินความเคลื่อนไหว ยังไม่ได้ลืมตาก็เอ่ยปากถามแล้ว
“คุณชาย ... ข้าน้อย ...” หลัวชีกระอึกกระอัก เขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มพูดจากตรงไหนดี
หานเฟิงได้ยินน้ำเสียงของหลัวชีก็รู้ว่ามันผิดปกติ เขาจ้องไปที่หลัวชีแล้วพูดว่า “ไม่ต้องตระหนก ต่อให้นางไม่ชมข้าข้าเองก็วิเคราะห์จากคำพูดของนางได้ จิตใจของข้าแข็งแกร่งกว่าเ้ามาก ไม่เหมือนเ้าหรอกที่เจออะไรก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว เ้าแค่เล่าในสิ่งที่เ้าได้ยินมาให้ข้าฟังก็พอ”
“เอ่อ ... ”
หลัวชีเห็นสายตาของหานเฟิงดุดัน เขาขัดขืนคำสั่งไม่ได้ก็เลยจำใจหน้าด้านพูดว่า “นางพูดว่า นางพูดว่า ... อือ ... เบาหน่อย ... ข้าเจ็บ ... ”
เดิมทีภารกิจวันนี้มันง่ายมาก แต่ตอนนี้หลัวชีรู้สึกว่ามันเป็งานที่ยากมาก เขาพูดไปแค่สองสามคำก็รู้สึกว่าไม่กล้าพูดต่ออีก
หลัวชีรู้สึกผิดมากที่ได้ยินอะไรพวกนี้ เพราะคำพูดพวกนี้ทำให้เขารู้สึกเขินและอับอาย สิ่งที่สำคัญที่สุด คำพูดที่เรียบง่ายพวกนี้มันทำให้เขายากที่จะลบออกจากหัว แล้วอาจจะต้องจดจำไปอีกนานด้วย เขาถึงได้รู้สึกเขินและอายมากจนอยากจะรีบลืมมันไปด้วย ...
ในเวลานี้ สีหน้าของหานเฟิงยังเรียบเฉยอยู่ พอผ่านไปประมาณสามวินาที เขาถึงหน้านิ่งแล้วพูดออกมาว่า “จากนั้นล่ะ”
หลัวชีกัดฟัน แล้วพูดอย่างยากลำบากว่า “แล้ว ... แล้วนางก็พูดว่า ... อย่า ... อย่าเร็วเกินไปนัก ... ความเร็วประมาณนี้แหละ ... ”
“เ้าสารเลว!”
หานเฟิงเองก็ทนไม่ไหว สีหน้าท่าทางของเขาเปลี่ยนไป เขาเดินเข้าไปกระชากเสื้อของหลัวชี สีหน้าของเขาเริ่มแดง แล้วพูดว่า “เ้ารู้ไหมว่าเ้ากำลังพูดอะไรอยู่? หือ?”
คำพูดพวกนี้ ไม่ว่าใครก็จินตนาการได้ว่ามันหมายถึงอะไร หานเฟิงเองก็คิดได้เช่นกัน เฮยจีไม่ได้รู้สึกดีกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ที่จริงควรพูดว่า เฮยจีไม่เพียงไม่ได้รู้สึกดีกับเขา แต่ยังรังเกียจการแสดงออกแบบเจตนาของเขาด้วย คิดว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็เื่น่าขยะแขยง
“ข้าน้อย ... ข้าน้อยได้ยินมาแบบนี้จริงๆ ... ” หลัวชีอยากจะร้องไห้แล้ว เขาไม่อยากพูด แต่หานเฟิงบังคับให้เขาพูดเอง? ตอนนี้เขากลับพูดแบบนี้ออกมา มันไม่เป็การกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปหน่อยหรือ! เขาอยากมุดแทรกแผ่นดินหนีไปเลยด้วยซ้ำ ...
หานเฟิงผลักตัวของหลัวชีล้มลงไปกับพื้น สายตาของเขาดูเหี้ยมโหดขึ้นมา ในใต้หล้านี้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนไม่ศิโรราบให้กับเขาเลยแม้แต่คนเดียว เฮยจีเองก็ต้องเป็อย่างนั้นเช่นกัน!
“เ้าออกไปก่อน เื่นี้ข้าจัดการเอง”
ท่าทางของหานเฟิงเริ่มสงบลง แต่หลัวชีที่ตัวสั่นไปหมดนั้นรู้ดีว่าหานเฟิงโกรธมากแล้ว เขาเก็บอารมณ์โกรธของเขาเอาไว้ในใจชั้นที่ลึกที่สุด!
คลื่นลมสงบก่อนพายุจะมา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม หานเฟิงจะน่ากลัวอย่างถึงที่สุด!
……
เช้าวันต่อมา ทุกคนก็เก็บกระโจมแล้วเริ่มเดินทางกันอีกวัน ไม่รู้ว่าทำไมสีหน้าของหานเฟิงเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไร แม้แต่พูดจากับคนของตัวเองก็ดูเ็ามาก
เพราะเมื่อวานิอวี่เสียเืมากเกินไป เช้าวันนี้สีหน้าของเขาเลยดูไม่ค่อยดี ริมฝีปากของเขาซีดขาว และเพราะกอดเฮยจีเอาไว้ทั้งคืนิอวี่จึงตื่นตัวทั้งคืนจนทำเอานอนไม่หลับ ดังนั้นใต้ตาก็คล้ำไปอีก
ซึ่งหานเฟิงก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างของิอวี่
พอนึกถึงเื่ที่สองคนนั้นทำอะไรแบบนั้นในกระโจม บวกกับสีหน้าอิดโรยของิอวี่ หานเฟิงก็แน่ใจกับสิ่งที่หลัวชีพูดเมื่อคืนนี้!
หญิงสาวแสนสวยที่ควรจะอยู่ปรนนิบัติเขา แต่ในท้ายที่สุด นางกลับไปมีความสุขอยู่กับชายอีกคน!
หานเฟิงบอกตัวเองให้ใจเย็นเข้าไว้ เื่ดีๆ มักมีอุปสรรค ทุกสิ่งเริ่มต้นด้วยความยากเสมอ เขารู้ว่าเขาสามารถเอาชนะใจเฮยจีได้
ตลอดระยะเวลาห้าวันที่เร่งเดินทาง หานเฟิงใช้ทุกวิถีทาง ใช้ทุกวิธีเพื่อแสดงถึงกำลังทรัพย์ พร์ ชาติตระกูล รวมถึงตำแหน่งและอำนาจของเขา ไม่เพียงไม่ได้รับการยอมรับจากเฮยจีเท่านั้น แต่นางยังรู้สึกอคติกับเขามากขึ้น แทบไม่สนใจหานเฟิงเลยแม้แต่น้อย
มันยิ่งทำให้หานเฟิงรู้สึกว่า เขากลายเป็ตัวตลก เรียกร้องความสนใจ
เหอะๆ กำลังจะถึงยอดเขาเซิงหานแล้ว ในเมื่อทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทนอีกแล้ว! หานเฟิงคิดแบบนี้
เมื่อถึง่เที่ยงของวันที่หก ทุกคนก็มาถึงกลางูเาน้ำแข็ง ลมหนาวพัดโชยจนเกิดเสียง เมื่อมองออกไปรอบๆ มีแต่กองน้ำแข็งสีขาวโพลนแบบไม่มีที่สิ้นสุด
หากคนทั่วไปมาถึงที่นี่ แค่ไม่เกินครึ่งก้านธูปก็จะต้องหนาวตายแล้ว พวกของิอวี่อยู่ในระดับลอกคราบกันหมดแล้ว ร่างกายไม่กลัวความหนาว ดังนั้น อุณหภูมิในระดับนี้นั้นพวกเขายังทนไหว
แต่ถึงจะเป็อย่างนั้น ก็ยังคงรู้สึกว่าหนาวอยู่เหมือนกัน รวมถึงพวกของหานเฟิงด้วย
ร่างกายของิอวี่ร้อนรุ่ม เขาไม่รู้สึกอะไรเลย ส่วนเฮยจีนั้นเดิมก็เป็ิญญาที่เป็ธาตุหยิน เมื่อเจออากาศหนาวนางก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเฮยจีจะสามารถขึ้นไปบนยอดเขาเซิงหานได้ เพราะบนยอดเขานั้นสูงและชัน เฮยจีที่อยู่ในร่างของมนุษย์จึงยากมากที่จะปีนขึ้นไปบนยอดเขา หรือต่อให้นางไปถึงยอดเขาได้ ก็ไม่มีทางนำบัวหิมะน้ำแข็งลงมาได้
เพราะแค่ลำต้นของมัน ก็ยังต้องใช้กำลังที่เทียบเท่าราชสีห์หนึ่งถึงสองตัวถึงจะดึงออกมาได้ แต่เฮยจีเป็ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีทางทำได้แน่นอน
ดังนั้น อย่างมากเฮยจีก็ขึ้นไปบนยอดเขาเซิงหานได้ แต่คิดอยากจะชิงบัวหิมะน้ำแข็งมา ิอวี่คงต้องลงมือเอง
“รีบดูนั่น!”
ในเวลานี้ ซูหยวนจิ้งที่อยู่ด้านหลังของลู่หยวนคงก็ชี้ไปทางด้านหน้า แล้วพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ทุกคนหันมองตามไป ด้านหน้าของพวกเขาเป็พื้นที่หิมะขาวโพลน มีูเาสูงตระหง่านยอดเขาแหลมราวกับปลายดาบที่ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
ูเานั้นก็เหมือนกับกระบี่น้ำแข็ง มันแผ่กระจายความดุดันนั้นออกมา!
ที่นั่นคือูเาน้ำแข็งที่สูงที่สุด ูเาเซิงหาน!
ในเวลานี้ ด้านล่างของูเามองเห็นเป็จุดๆ ตามแนวเส้นทาง มีกลุ่มอำนาจและผู้กล้าบางคนที่กำลังจะขึ้นไปบนยอดเขาเซิงหาน พวกเขาอยากจะขึ้นไปเพื่อชิงบัวหิมะน้ำแข็ง
ภาพคนกว่าพันคนกำลังเดินทางไปบนยอดเขา มันเป็ภาพที่ดูน่าตื่นเต้นมากจริงๆ
“เราเองก็ไปลองกันเถอะ”
ทุกคนะโขึ้นไปบนูเาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ‘เห็นูเาแต่วิ่งม้าตาย’ ทั้งๆ ที่เห็นยอดเขาเซิงหานแล้วแท้ๆ แต่ต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามถึงจะมาถึงที่ตีนเขาเซิงหาน แล้วเริ่มปีนขึ้นสู่ยอดเขาจริงๆ
หานเฟิงเดินอยู่ด้านหลังของิอวี่ แล้วปีนขึ้นไปบนเขาอย่างต่อเนื่อง สายตาของเขานั้นเริ่มโเี้ขึ้นเรื่อยๆ!