บทที่ 102 ขุดมุมกำแพงของลู่จิ่งซาน
เหอเสวี่ยฉินอับอายจนหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวดำ หลายครั้งอยากจะอ้าปากด่าสวี่จือจือ แต่เพราะมีผู้หญิงวัยกลางคนอยู่ข้างๆ จึงต้องอดทนไว้ แต่สายตาของเธอเหมือนมีดที่แทงไปที่ตัวของสวี่จือจือ
แต่สวี่จือจือกลับไม่กลัว แถมยังยิ้มมองอย่างร่าเริง
เธอยังถามด้วยความห่วงใยว่า “น้าเหอ ตอนนี้ไม่เข้าห้องน้ำแล้วเหรอคะ?”
เหอเสวี่ยฉิน “...”
แล้วยังได้ยินเธอพูดอีกว่า “น้าเหอ จะกินขนมหน่อยไหมคะ? ขนมนี้ค่อนข้างดีเลยนะ คุณน้าลองชิมดูสิ?”
เหอเสวี่ยฉิน “...”
“จะดื่มน้ำไหมคะ? ฉันจะเทน้ำให้ค่ะ”
ดูเป็คนเข้าใจอะไรดีสุดๆ ทำเอาอันฉินที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนเสาไม้มากขึ้นไปอีก
แต่ทุกคำพูดกลับทำให้เหอเสวี่ยฉินโมโหจนแทบจะกระอักเื
“คุณน้าไม่ดื่มเหรอคะ” สวี่จือจือพูด “น้าหวังคะ งั้นฉันเทน้ำให้น้าแล้วกัน ตั้งนานแล้วคงกระหายน้ำแล้ว”
พูดจบเธอก็เทน้ำให้ผู้หญิงวัยกลางคนจริงๆ
“ไอ๊หยา แม่หนูคนนี้ ฉันชอบจริงๆ เลย” น้าหวังซาบซึ้งจนแทบแย่ “น้องสาว ฉันอิจฉาเธอจริงๆ เธอบอกสิว่าเราเลี้ยงลูกมาไม่ใช่เพื่อวันแบบนี้เหรอ แต่ลูกสองคนของฉันอยู่ต่างเมืองกันหมด”
“ฉันนอนโรงพยาบาลแบบนี้ พวกเขาก็กลับมาไม่ได้” น้าหวังพูดถึงตรงนี้แล้วอดเศร้าไม่ได้ “สามีก็ต้องไปทำงาน ฉันอยู่คนเดียวเหงาๆ เห็นคนนั้นมีคนอยู่ด้วย คนนี้มีคนมาเยี่ยม ใจฉันนี่...”
ขมสุดๆ
จะทำยังไงได้ล่ะ?
ลูกๆ ต่างก็ยุ่งกับการทำงานข้างนอก เธอในฐานะแม่แท้ๆ จะไปฉุดรั้งไม่ได้หรอกใช่ไหม?
“น้าหวัง” สวี่จือจือจับมือเธอแล้วพูด “ถ้าลูกของคุณน้ารู้ คงรีบมาหาแน่ๆ บางทีตอนนี้เขาอาจจะกำลังมาที่โรงพยาบาลอยู่ก็ได้ค่ะ”
น้าหวังถอนหายใจ กำลังจะส่ายหน้า แต่แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางเดิน ราวกับได้ยินเสียงลูกชายของตัวเอง
เธอไม่ได้ยินเสียงลูกชายมาเกือบครึ่งปีแล้ว คิดว่าน่าจะเป็แค่ได้ยินผิดไป
แต่ดวงตาของเธอก็ยังมองไปที่ประตูห้องพยาบาลอย่างมีความหวัง
“แม่ครับ”
แค่เหลือบมองก็เห็นลูกชายที่เธอคิดถึงยืนอยู่หน้าประตู พอเห็นน้าหวังก็เดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “คุณแม่เป็ยังไงบ้างครับ?”
“ถ้าผมไม่โทรกลับบ้าน แม่จะไม่บอกผมเื่นอนโรงพยาบาลเลยใช่ไหม?” ลูกชายพูด ดวงตาของเขาเริ่มชื้น
“ไม่...” น้าหวังส่ายหน้า “พวกแกยุ่งกันหมด”
“ถึงยุ่งยังไงก็ต้องกลับมาเยี่ยมคุณแม่ได้” ลูกชายขัดคำพูดเธอ แล้วหันไปมองสวี่จือจือ “คนนี้คือ...”
“นี่คือคนที่ฉันเพิ่งรู้จัก” น้าหวังพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็เด็กสาวดีคนหนึ่ง ยังเทน้ำให้แม่ด้วย ชื่ออะไรนะ?”
เธอพูดถึงท้ายประโยคแล้วมองไปที่สวี่จือจือ
“น้าหวัง ฉันชื่อสวี่จือจือค่ะ” เด็กสาวพูดยิ้มๆ
“นี่คือลูกชายที่ไม่เอาไหนของฉัน จ้าวกั๋วต้ง” น้าหวังพูดด้วยรอยยิ้ม
“สหายสวี่ ขอบคุณมากครับ” จ้าวกั๋วต้งพูดด้วยความซาบซึ้ง
“สหายจ้าว อย่าเกรงใจเลยค่ะ แค่เื่เล็กน้อย” สวี่จือจือโบกมือ
เหอเสวี่ยฉินที่อยู่ข้างๆ โมโหจนแทบจะกระอักเื
เท่าที่เธอรู้ ลูกชายสองคนของผู้อำนวยการจ้าวแห่งกระทรวงศึกษาธิการในอำเภอ คนหนึ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้และอยู่ที่เมืองหลวง อีกคนทำงานที่เมืองฉิน
ทั้งหมดเป็หน่วยงานชั้นยอด
หลายคนอยากจะเชื่อมสัมพันธ์กับครอบครัวนี้
ั้แ่เธอรู้ว่าอยู่เตียงเดียวกับภรรยาของผู้อำนวยการจ้าว เมื่อกี้เธอก็พยายามหาทางพูดคุยกับอีกฝ่ายมาตลอด แม้แต่ลู่ไหวเหรินเมื่อกี้ยังพูดกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ แต่ตอนนี้กลับถูกนางแพศยาสวี่จือจือแย่งไปเชื่อมสัมพันธ์
มองไปยังอันฉินที่หน้าดำคล้ำอยู่ข้างๆ อีก เหอเสวี่ยฉินรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที
อันฉินเจอสวี่จือจือ จะชนะได้เหรอ?
ดูจากตอนนี้ เมื่อกี้ถูกสวี่จือจือด่าจนได้แต่ด่ากลับ
เหอเสวี่ยฉินอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
“พี่หวัง” เหอเสวี่ยฉินรวบรวมพลังยิ้มแล้วพูดกับน้าหวังอย่างเสียไม่ได้ “ในที่สุดลูกชายพี่ก็กลับมาแล้ว”
“พูดถึงเื่นี้ ฉันต้องขอบคุณเธอด้วย” น้าหวังยิ้มแล้วพูด “ทั้งหมดเป็เพราะหนูจือจือคนนี้ เธอบอกว่าลูกชายฉันจะกลับมา ลูกชายฉันก็กลับมาจริงๆ”
“ไอ๊หยา มีเด็กสาวที่มีโชคดีขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย?”
น้าหวังจับมือสวี่จือจือ“แม่หนู ถ้าเธอยังไม่แต่งงาน ฉันอยากจะให้เธอแต่งเข้ามาในบ้านเราจริงๆ...”
“คุณน้าคนนี้” ลู่ซือหยวนที่เงียบอยู่นานรีบพูดขึ้น “น้องสะใภ้ของฉันกับน้องชายของฉันรักกันดีมาก น้าจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
นี่มันอะไรกัน?
ถึงกับขุดมุมกำแพงน้องชายเธอต่อหน้าต่อตาเธอเลยเหรอ?
ไม่ได้การ เธอต้องกลับไปบอกลู่จิ่งซานให้ดี อย่าทำหน้าเคร่งทั้งวันจนคนกลัวไม่กล้าคุยด้วย
ถ้าทำให้ภรรยากลัวจนหนีไปอีก ยังมีคนรอคิวอยู่อีกเพียบเลยนะ
“ฮ่าๆ” น้าหวังหัวเราะพลางชี้ไปที่ลู่ซือหยวน แล้วถามสวี่จือจือ “นี่พี่สะใภ้ของเธอเหรอ?”
ดูไม่เหมือนเลย
ดูเหมือนพี่น้องสาวมากกว่า หรือไม่ก็ความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้น้องสะใภ้ดีขนาดนี้ได้ยังไง?
“ใช่ค่ะ เป็พี่สะใภ้ของฉัน เธอเป็คนดีมาก” สวี่จือจือยิ้มแล้วพูด “ยิ่งไปกว่านั้นสามีของฉันก็ดีมาก ฉันเคารพและรักเขามาก น้าหวัง ถึงคุณน้าจะชอบฉันมากแค่ไหน ก็อย่าเล่นมุกแบบนี้นะคะ”
อืม ดูสิว่าเธอดีแค่ไหน ต่อหน้าคนอื่นเธอยังปกป้องลู่จิ่งซานอยู่เลย
“เด็กดี น้าขอโทษเธอนะ” น้าหวังพูด
ข้างนี้สนุกสนานร่าเริง ข้างเตียงเหอเสวี่ยฉินโมโหจนแทบกระอักเื
แล้วทันใดนั้นเตียงก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ใบหน้าของเหอเสวี่ยฉิน บิดเบี้ยว
โอ๊ย!
เธออยากตายตรงนี้เลย!
“กลิ่นอะไรเนี่ย?” ตอนนั้นเองสวี่จือจือคิ้วขมวดแล้วถาม “ทำไมรู้สึกเหม็นๆ?”
“หรือว่ารถขนอึขับผ่าน?” เธอเดินไปดูที่หน้าต่าง “ไม่มีนี่นา”
จมูกของเธอไวกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ตอนนี้ได้กลิ่นเหม็นๆ ชัดเจน
เหอเสวี่ยฉินนอนบนเตียงไม่กล้าขยับ กลัวว่าคนอื่นจะเห็นความผิดปกติของเธอ
ในใจก่นด่าสวี่จือจือไม่หยุด นังเด็กหน้าเหม็นคนนี้เหมือนมีจมูกหมาเลย
แล้วก็เห็นสวี่จือจือที่หน้าต่างหันกลับมา ทิศทางที่มองมาพอดีกับเธอ
เหอเสวี่ยฉินรู้สึกกระวนกระวายโดยสัญชาตญาณ ปิดตาลงทันที
สวี่จือจือเดิมทีแค่สงสัย ตอนนี้แน่ใจแล้ว
“จริงด้วย ฉันก็ได้กลิ่นเหม็นๆ เหมือนกัน” ผู้ชายบนเตียงอีกฝั่งของเหอเสวี่ยฉินพูด “กลิ่นนี้...ไม่เหมือนมาจากนอกหน้าต่าง”
“เหมือนอยู่ในห้องผู้ป่วยของพวกเรามากกว่า”
“พวกเธอพูดแบบนี้” น้าหวังก็ขมวดคิ้วแล้วสูดกลิ่น “ฉันเหมือนจะได้กลิ่นด้วย”
“สหายเหอ” น้าหวังเรียกเหอเสวี่ยฉิน ตอนนี้ไม่เรียกว่าน้องสาวแล้ว “เธอไม่ได้...อ้าว? ทำไมกลิ่นแถวนี้ถึงแรงกว่าล่ะ?”
เหอเสวี่ยฉิน “...”
สายตาของทุกคนในห้องผู้ป่วยจับจ้องมาที่เธอ
เมื่อกี้ดูเหมือนพวกเขาจะได้ยิน “แม่หนู เธอพูดเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอว่าน้าเหอของเธอมีอะไรนั่น?”
“กลั้นฉี่กลั้นอึไม่อยู่?”
สวี่จือจือมองเหอเสวี่ยฉินด้วยความแปลกใจ
ครั้งนี้ไม่ใช่แกล้ง ไม่ใช่แกล้งจริงๆ
เพราะยังไงเหอเสวี่ยฉินก็เพิ่งจะอายุสี่สิบกว่าๆ ทำไมถึงกลั้นฉี่กลั้นอึไม่อยู่เร็วขนาดนี้?
นี่มัน... น่าใเกินไปแล้ว จริงไหม?
ฮ่าๆ สวี่จือจือรู้สึกว่าความโมโหของเธอหายไปเยอะเลย
.............................