ใน่กลางดึกที่แสงจันทร์สาดส่องพื้นดิน ขณะนั้นมีกลุ่มหนึ่งกำลังเดินอยู่หน้าภัตตาคารเทียนซาน
“ช่างเป็หญิงสาวที่เย้ายวนและงดงามเสียจริง!”
เมื่อเห็นหลันเจียววิ่งออกมาจากภัตตาคาร พวกเขาก็พุ่งไปหาหลันเจียวทันที
“น้องสาว ช่างงดงามและขาวเนียนอะไรขนาดนี้! ฮ่าๆๆ…” ชายที่มึนเมากำลังจ้องหน้าอกของหลันเจียวตาเป็มัน
“งั้นเหรอ? งั้นเ้าอยากดูไหม?” หลันเจียวกล่าวทั้งรอยยิ้มกระชากใจ ทำให้ดวงตาของชายขี้เมาเปล่งประกาย
“อยาก… อยาก…”
ฝูงชนรอบๆ ต่างโห่ร้องขณะจ้องมองหลันเจียวเป็ตาเดียวกัน
“งั้นพวกเ้าก็จงดูให้ดีๆ ล่ะ” หลันเจียวกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มอันยั่วยวน จากนั้นชุดของนางก็เลื่อนลงมา ทำให้พวกเขาต้องหายใจถี่ขณะจ้องเขม็งไปที่หน้าอกอันอวบอิ่มอย่างเอาเป็เอาตาย
อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมา พวกเขากลับไม่ได้เห็นหน้าอกตามที่พวกเขาปรารถนา ตอนนี้เองได้มีเืสาดกระจายไปในอากาศ เสียงกรีดร้องทำลายความสงบในยามค่ำคืน ผู้ที่ได้จ้องหน้าอกของหลันเจียวล้วนลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นทั้งหมด
ฝูงชนโดยรอบที่กำลังมองอยู่ก็ััได้ถึงเจตจำนงอันหนาวเหน็บ ซึ่งมันเย็นะเือย่างมาก
พวกเขาไม่กล้าสบตากับหลันเจียวอีกต่อไป หญิงสาวอันตรายที่มีรูปร่างเย้ายวนคนนี้ พวกเขาไม่อาจดูแคลนได้เลย
ไกลออกไปได้มีกลุ่มเงาทั้งสี่ที่กำลังแบกเกี้ยวค่อยๆ ใกล้เข้ามา พวกเขาล้วนใส่ชุดสีขาว แม้จะแค่เดินเฉยๆ แต่มันกลับรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง
ร่างเงาสีขาวบริสุทธิ์ เกี้ยวสีขาวรวมไปถึงผ้าม่านเหล่านี้กำลังลอยพลิ้วล้อลมราวกับภูตผี ในขณะเดียวกันก็ดูคล้ายกับเทพธิดาในยามค่ำคืน เพียงพริบตาพวกเขาก็มาถึงเบื้องหน้าฝูงชน
อย่างไรก็ตามจากตอนแรกที่พวกเขาปรากฏตัวระยะไกล ทว่าตอนนี้กลับลับสายตาไปแล้ว
“ช่างรวดเร็วอะไรขนาดนี้!”
ฝูงชนต่างประหลาดใจ เพราะเพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็หายตัวไป ราวกับไม่ได้ปรากฏตัวเลยแม้แต่น้อย
“แล้วผู้หญิงที่ดูเย้ายวนคนนั้นล่ะ?” มีบางคนะโออกมา จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่หลันเจียว ทว่าม่านตาของพวกเขากลับหดแคบลง เนื่องจากตรงนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว หลันเจียวก็หายไปเช่นกัน
แล้วเกี้ยวนั่นล่ะ?
ร่างเงาสีขาวอันลึกลับยังคงอยู่บนถนน บนเกี้ยวนั้นมีหญิงสาววัยกลางคนที่งดงามกำลังจ้องมองหลันเจียวด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ใครกันหนอ… ที่ทำให้เจียวเจียวของพวกเราโกรธได้ถึงเพียงนี้?”
“ป้าหยุน ความคิดของท่านไม่เห็นได้ผลเลย”
หลันเจียวบ่น และดูเหมือนจะไม่มีความสุข
“อะไรกัน ด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนของเจียวเจียวก็ยังล่อลวงเขาไม่ได้?” ป้าหยุนกล่าวขณะหัวเราะคิกคัก
“ป้าหยุนยังจะหัวเราะข้าอีก ไอ้สารเลวนั่น ข้าจะต้องทำให้เขาเห็นให้ได้” หลันเจียวกล่าวขณะกำมือแน่น หลินเฟิงคนนี้ช่างน่ารังเกียจนัก นางถึงกับแสดงเสน่ห์อันเย้ายวนอย่างไม่ลังเล ทำให้เขาเห็นภาพมายาก็ยังไม่เป็ผล มันทำให้นางรู้สึกโกรธและเจ็บใจเป็ที่สุด
“เจียวเจียว ไม่ใช่ว่าเ้าฝึกฝนทักษะมายาปีศาจหรอกหรือ? ด้วยขอบเขตของเ้า ประกอบกับเสน่ห์อันเย้ายวนของเ้า ทำไมถึงคว้าน้ำเหลวได้?” ป้าหยุนกล่าวอีกครั้ง ทำให้หลันเจียวต้องตกตะลึงและตอบกลับไป “ใช่ที่ไหนกัน ทำไมข้าต้องใช้ทักษะมายาปีศาจกับเขา? ข้าบอกแล้วว่าที่ข้าฝึกทักษะมายาปีศาจก็เพื่อความสนุกเท่านั้น ป้าหยุนอย่าเข้าใจผิดสิ”
หลันเจียวกล่าวขณะก้มหน้างุด ในยามนี้หญิงสาวรู้สึกละอายจนไม่อาจมองป้าหยุนตรงๆ ท่าทางของนางดูแตกต่างจากตอนที่อยู่กับหลินเฟิงอย่างสิ้นเชิง
“งั้นหรือ?” ป้าหยุนกล่าวยิ้มๆ
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเ้าถึงพ่ายแพ้เขา ก็หลินเฟิงเป็ถึงคนคิดกลยุทธ์เผาเมือง และยังไล่ล่าพันลี้เพื่อช่วยองค์หญิง ดังนั้นเื่ของจิตใจที่แน่วแน่นั้นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เจียวเจียว หากเ้าพลีกายให้เขา ในทางกลับกันมันจะเป็การดูแคลนเขา”
“หืม?” หลันเจียวรู้สึกประหลาดใจ ที่จริงแล้วนี่เป็ครั้งแรกที่นางใช้ทักษะมายาปีศาจนั้น แต่ผลที่ได้กลับล้มเหลวไม่เป็ท่า แล้วอย่างนี้จะไม่ให้นางโกรธได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดสุดท้ายของหลินเฟิงที่กล่าวกับนางว่า ‘แม้เ้าจะไม่ถือสา แต่ข้าถือ’ นั่นยิ่งทำให้หลันเจียวดูเป็ผู้หญิงไร้ยางอาย
แต่คำพูดของป้าหยุนก็ฟังดูมีเหตุผล ถ้านางยอมพลีกายให้หลินเฟิงล่ะก็ เสน่ห์ของนางก็จะจางหายไป
แล้วอีกอย่างที่นางใช้ทักษะมายาปีศาจ ซึ่งเป็ทักษะที่ทรงพลัง ทำให้หลินเฟิงตกอยู่ในภาพมายาได้ก็ถือว่าเป็เื่ปกติ
“เจียวเจียว อดทนอีกสักสองสามวัน เมื่อมีข่าวเื่สมบัติออกมาแล้ว แม้พวกเราจะยังไม่รู้ว่าข่าวนั้นจะออกมาเมื่อไร แต่เมื่อใดที่เ้าได้รับข่าวแล้ว เ้าก็ไม่จำเป็ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป” ป้าหยุนกล่าวอย่างคลุมเครือ หลันเจียวนั้นมาที่เมืองเทียนลั้วได้ระยะหนึ่งแล้ว
“กลับไปเถอะ!”
หลันเจียวพึมพำ
…
วันที่สอง หอประมูลแห่งความฝันยังคงมีการประมูลเหมือนเดิม ของที่ทำให้หลายคนต่างตื่นเต้นที่สุดก็คือทักษะยุทธ์ระดับพิภพ ถึงแม้จะเป็สินค้าระดับต่ำ แต่เมื่ออยู่ระดับพิภพ มันเป็ทักษะที่ทรงพลังมากและไม่สามารถเห็นกันได้ง่ายๆ
นอกเหนือจากตระกูลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลและนิกายที่แข็งแกร่งแล้ว สำหรับคนธรรมดาที่พึ่งพาตนเองคงยากที่จะได้ทักษะยุทธ์ระดับพิภพ คาดไม่ถึงว่าหอประมูลแห่งความฝันจะนำทักษะยุทธ์ระดับพิภพมาประมูล แน่นอนว่ามันทำให้ใครหลายคนต่างกลายเป็บ้าคลั่ง
ในท้ายที่สุด มันก็ตกเป็ของใครบางคนที่จ่ายในราคา 10,000 หินหยวนระดับกลาง
นอกจากนี้ยังมีสมบัติอื่นๆ ที่ถูกนำมาประมูล อย่างพวกอาวุธจิติญญา และอาวุธจิติญญาระดับกลางสิบชิ้น จากนั้นก็มีใครบางคนประมูลมันไปในราคา 10,000 หินหยวนระดับกลางเช่นเดียวกัน
หลังจากเสร็จสิ้นการประมูล หลันเจียวก็ไปยังห้องที่หลินเฟิงอยู่เมื่อวาน แต่ในตอนนี้กลับไม่มีใครอยู่เลย อีกทั้งหลินเฟิงก็ไม่ได้มารับหินหยวนของเขากลับไปด้วย
“หลินเฟิงอยู่ที่ไหน?”
ในขณะนั้น ได้มีเสียงะโอันโกรธเกรี้ยวที่ดังกึกก้อง
สิ้นเสียงนั้นก็มีร่างเงาหนึ่งกลางอากาศกำลังพุ่งมายังลานประมูล ทำให้ฝูงชนต้องหลีกหนีออกจากลาน จากนั้นร่างเงาดังกล่าวก็ร่อนลงมาอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันก็แผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึง ทำให้ฝูงชนต้องประหลาดใจและมองไปที่ทางเข้าลานประมูล
ที่ตรงนั้นปรากฏร่างเงาหนึ่งที่ดูน่ากลัวกำลังยืนอยู่ คนคนนั้นหัวโล้น เหนือศีรษะของเขามีกลุ่มควันสีดำลอยอยู่และมีดวงตาที่น่าเกลียด แม้จะเป็เช่นนั้น แต่กลับไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเขาสักคน ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างหลบซ่อนราวกับกลัวเขาจะโกรธเคือง
“หลินเฟิง โผล่หัวออกมาซะ!” คนคนนั้นแผดเสียงะโอย่างเกรี้ยวกราด
“ดูเหมือนว่าทูจิ้วจะมาที่นี่เพื่อไฟปีศาจ”
ฝูงชนต่างพึมพำกับตัวเอง เมื่อวานนี้หลินเฟิงได้สังหารปิงหยวนและไล่เหลิ่งเยว่ด้วยเพียงดาบเดียว ซึ่งทำให้ใครหลายคนต่างเริ่มมาที่เมืองเทียนลั้ว เพื่อมาดูว่าเป็ความจริงหรือไม่ พวกเขามาตามข่าวที่หลินเฟิงได้กระทำไป จึงแห่มายังที่แห่งนี้กัน
ชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นคาดไม่ถึงว่าจะเป็วีรบุรุษผู้เผาเมือง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้โเี้นัก เขาสังหารปิงหยวนอย่างไม่ลังเลและเกือบจะสังหารเหลิ่งเยว่ได้
อย่างไรก็ตาม เป็เพราะว่าชื่อเสียงของหลินเฟิงได้แพร่ออกไป นั่นหมายความว่าปัญหาก็ต้องตามมาด้วย ทุกคนต่างรู้ว่าเขาปล้นลูกไฟิญญาไป นอกจากนี้เขายังมีศัตรูมากมายในเมืองเทียนลั้ว
ทูจิ้วเองก็เป็หนึ่งในนั้น นอกจากนี้เขายังสนใจไฟปีศาจของจิ้งจอกเจ็ดหางเป็พิเศษ สิ่งที่ทำให้ผู้คนกลัวก็คือ ทูจิ้วมีเื้ัที่ยิ่งใหญ่อยู่ในเมืองเทียนลั้ว เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่หวาดกลัวหลินเฟิงเลยแม้แต่น้อย แม้หลินเฟิงจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับก็ตาม
หลันเจียวขมวดคิ้วขณะมองทูจิ้วและบ่นพึมพำว่า “หลินเฟิง เื่เป็เช่นนี้เ้าจะทำเช่นไรกัน?”
นอกจากทูจิ้วจะมีเื้ัที่มีอิทธิพลแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญา นับว่าเป็ยอดฝีมือที่แท้จริง ขนาดปิงหยวนและเหลิ่งเยว่ก็ยังไม่กล้ายั่วยุเขา
แม้ว่าปิงหยวนจะได้รับไฟปีศาจของจิ้งจอกเจ็ดหาง และพวกเขาก็วางแผนจะออกจากเมืองเทียนลั้วเร็วๆ นี้ น่าเสียดายที่เขา้าจะสังหารหลินเฟิง แต่กลับเป็เขาเสียเองที่ถูกสังหาร
เมื่อกลับมาถึงห้องลับหลังจากการประมูล ป้าหยุนก็มองไปที่หลันเจียวและกล่าวเสียงแ่เบาว่า “เจียวเจียว หลินเฟิงยังไม่มารับหินหยวนของเขา เ้าช่วยนำไปให้เขาที”
“ฮะ?”
หลันเจียวประหลาดใจ นำหินหยวนไปให้หลินเฟิง?
“ทำไมข้าต้องนำไปให้เขา?” หลันเจียวกล่าว
“เจียวเจียว กฎของหอประมูลไม่อาจฝ่าฝืนได้” ป้าหยุนกล่าวขณะส่ายหัว
“วางใจเถอะป้าหยุน ข้าก็แค่เล่นตัวไปเท่านั้น” หลันเจียวกล่าวขณะกำลังคิดเเผนเพื่อจัดการหลินเฟิง
ป้าหยุนมอบหินหยวนให้กับหลันเจียว จากนั้นเมื่อหลันเจียวออกไปแล้ว ป้าหยุนก็กล่าวขึ้นมาว่า “เจียวเจียว เ้าเองก็ต้องหาใครบางคนมาเพื่อกำราบเ้าเช่นกัน”
หลันเจียวออกจากหอประมูลแห่งความฝัน ในขณะนั้นทูจิ้วก็รู้ว่าหลินเฟิงไม่ได้อยู่ที่ลานประมูล และหาหลินเฟิงทั่วทุกมุมของเมืองเทียนลั้ว ไฟปีศาจนั่นจะต้องเป็ของเขาเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านเสวี่ยอิงซานได้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลนไปหมด
ตอนนั้นเองได้มีกลุ่มม้าสีขาวกำลังมุ่งออกจากหมู่บ้าน และทิ้งรอยกีบเท้าม้าไว้บนหิมะ สำหรับพวกเขาแล้ว ดูเหมือนจะชินกับความหนาวเหน็บแล้ว
การตายของปิงหยวน ซึ่งเป็ศิษย์หลักอันดับหนึ่งได้ถูกสังหารที่เมืองเทียนลั้วนั้น ได้สร้างความตกตะลึงให้กับหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานเป็อย่างมาก!