มั่วหนงเห็นงานปักผ้าแล้วดวงตาพลันเป็ประกาย
ซูอิ่งเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “ได้ยินมาจากนางกำนัลในวังหลวงที่เอามาให้บอกว่าผ้าชิ้นนี้หนิงเสินเจินปักเองกับมือ ซูอิ่งไม่รู้จักศิลปะนี้ และไม่รู้ว่าเป็ของจริงหรือของปลอม พี่มีความรู้กว้างขวางจึงอยากเชิญพี่มาดูสักหน่อย”
มั่วหนงกล่าวชมเชย “ใช่ ของแท้แน่นอน ลวดลายลื่นไหลดั่งเมฆคล้อยและสายน้ำไหล ไร้รอยตะเข็บ กอดอกหญ้าดูมีชีวิตชีวา เหมือนจริงมากจนแทบจะได้กลิ่นหอม นอกจากนี้ เครื่องหมายที่หนิงเสินเจินทิ้งไว้นั้นเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่มีผู้ใดเลียนแบบได้ ไม่มีทางเป็ของปลอมแน่นอน!”
ซูอิ่งแสร้งทำเป็ดีใจพลางเอ่ยว่า “เช่นนั้น มอบให้ผู้อื่นคงไม่ทำให้อับอายแล้วใช่หรือไม่!”
มั่วหนงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “จะมอบสิ่งนี้ให้ผู้อื่นหรือ ของสิ่งนี้หายากยิ่งนัก”
ซูอิ่งแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ถูกต้องแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงอยากให้พี่มั่วหนงดูให้ก่อน เดิมทีข้าคิดว่าจะถูกหลอกเสียแล้ว ยามนี้พี่มั่วหนงช่วยตรวจสอบให้ ข้ารู้สึกโล่งใจยิ่งนัก”
มั่วหนงมองงานปักในมืออย่างอาลัยอาวรณ์ ภายในใจเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย ยามนี้ซูเฟยหมดอำนาจ นางก็พลอยสูญเสียสถานะไปด้วย ไม่เช่นนั้นงานปักนี้จะตกถึงมือผู้อื่นได้อย่างไร มันต้องเป็ของนางอย่างแน่นอน
น่าน้อยใจนักที่ซูอิ่งเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้านางโดยไม่ให้เกียรตินางเลย กระนั้นนางยังคงแย้มยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นผู้ที่ได้ผ้าปักงดงามผืนนี้ไป ควรทะนุถนอมมันให้ดี”
ซูอิ่งไม่มีทางไม่เห็นอารมณ์เล็กน้อยนี้ภายในแววตาของนาง นางยังคงเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “ใช่เลย น้องไม่รู้วิธีดูแลมัน ทำได้เพียงฝากให้พี่มั่วหนงช่วยดูแล้ว”
เดิมทีมั่วหนงยังคิดหาโอกาสจัดการซูอิ่งสักครั้ง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางพลันใจนตัวแข็งทื่อและหันไปมองซูอิ่งด้วยความประหลาดใจ “ให้ข้าหรือ?”
“ใช่แล้ว ให้พี่” ซูอิ่งตอบพลางแย้มยิ้ม “เกรงว่าคนในวังหลวงมีไม่กี่คนที่เข้าใจของสิ่งนี้ และหากเอ่ยโดยไม่เกรงใจเกรงว่าแม้แต่เหลียงเจาอี๋ก็อาจจะไม่มีทักษะเช่นพี่ ซูอิ่งรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับนางแล้ว พี่มั่วหนงเหมาะที่จะเป็คนดูแลของสิ่งนี้มากกว่า พี่มั่วหนงอย่าได้รังเกียจเลย”
ในที่สุดมั่วหนงก็ฟื้นคืนสติจากความประหลาดใจ ปรับสีหน้าให้อ่อนลง นางมองหน้าซูอิ่งแย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจ” นางเอ่ยพลางเก็บผ้าปักไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง
ซูอิ่งลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางได้ยินมั่วหนงเอ่ยว่า “เหยียนฉายเหรินน่าจะดีขึ้นบ้างแล้ว ไม่รู้ว่าน้องพอจะเข้าไปแจ้งข่าวของข้าได้หรือไม่?”
สิ่งที่พึงกระทำมั่วหนงไม่เคยละเลย นี่คือสาเหตุที่นางยังสามารถอยู่ในตำแหน่งนางกำนัลข้างกายฮวารั่วซีได้ สำหรับนางแล้วความกตัญญูของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็สิ่งที่พึงกระทำ และควรกระทำเป็อย่างยิ่ง หากไม่ทำในอนาคตอาจตกระกำลำบากได้ ต้องบอกว่านี่ก็เหมือนกับเว่ยหรูไห่ทุกประการ
ซูอิ่งลอบก่นด่ามั่วหนงในใจว่าช่างเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ ทว่าภายนอกยังคงพยักหน้าแย้มยิ้มและไม่กล้าชักช้า “ข้าจะเข้าไปถามฉายเหรินก่อน พี่มั่วหนงรอสักครู่”
นางเดินไปข้างหน้าทีละก้าว รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง นางไม่รู้ว่าป้าโฉ่วได้ยินสิ่งที่พวกนางคุยกันหรือไม่ หากได้ยินเหตุใดจึงไม่ส่งเสียงออกมาสักคำ หากไม่ได้ยินนางควรทำอย่างไรต่อไปดี หรือว่านางต้องเข้าไปจริงๆ?
มั่วหนงที่อยู่ด้านหลังนางจับจ้องด้วยสายตานิ่งขรึม นางไม่กล้าแสดงท่าทีผิดปกติ หากนางรู้สถานการณ์ภายในห้องก็จะสามารถหาวิธีรับมือได้ ทว่ายามนี้แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าด้านในเกิดเื่อันใดขึ้น
ในที่สุดนางก็เดินมาถึงหน้าประตู ซูอิ่งกำหมัดแน่นและกำลังจะเคาะประตู ทันใดนั้นเสียงะโพลันดังมาจาก้าพร้อมกับร่างหนึ่งกลิ้งลงมาจากชายคา
โชคดีที่บุรุษผู้นั้นตอบสนองว่องไว ขณะที่กำลังจะกระแทกพื้น เขากลับพลิกตัวย่อกายเขย่งเท้ายืนขึ้น ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวและยืนอย่างมั่นคง ทันใดนั้นกลิ่นสุราพลันฟุ้งไปทั่วบริเวณ ดวงตาของเขาชัดเจนขึ้นเล็กน้อย มองมั่วหนงด้วยสีหน้าสับสนพลางเอ่ยถามว่า “ข้า......ข้าอยู่ที่ใด......”
มั่วหนงรู้จักบุรุษเบื้องหน้า แม้ว่านางจะทนกับกลิ่นสุราที่รุนแรงไม่ได้ ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเขาที่ดูดีและมีภูมิหลังที่ถือว่ามั่นคง นางจึงเอ่ยอย่างไม่เต็มใจนักด้วยน้ำเสียงสุภาพ “หัวหน้าฉี ตอนนี้ท่านอยู่ในตำหนักเฟิ่งชัยเ้าค่ะ”
ฉีตงหยวนเหลือบมองนางด้วยสีหน้าตกตะลึงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย “เ้าคือ...... มั่วหนง นางกำนัลในตำหนักของซูเฟย เหตุใดจึงมาที่นี่”
มั่วหนงตอบกลับว่า “ข้าทำตามรับสั่งของซูเฟยให้มาพบเหยียนฉายเหริน”
ฉีตงหยวนพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นพลันได้ยินน้ำเสียงเ็าดังมาจากในห้อง “เวลากี่โมงกี่ยามแล้ว ซูเฟยมีรับสั่งเรียกหาข้าหรือ? วันนี้ข้ารู้สึกไม่สบาย รบกวนมั่วหนงกลับไปบอกพระสนม ข้าจะไปหาพรุ่งนี้เช้า”
มั่วหนงรู้สึกประหลาดใจ ทว่ายังคงเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ “เหยียนฉายเหรินไม่สบายที่ใด จำเป็ต้องให้เรียกหมอหลวงหรือไม่เพคะ?”
“ข้าไม่สบายที่ใด นางกำนัลอย่างเ้ามีสิทธิ์ถามเื่นี้ด้วยหรือ?”
ประตูห้องเปิดออก เหยียนอู๋อวี้ค่อยๆ ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เส้นผมสีดำขลับกระเซิงเล็กน้อย นางสวมชุดสีขาวล้วนไม่มีสีอื่น เมื่อกระทบกับแสงจันทร์ทำให้ร่างของนางเปล่งประกายทันที
มั่วหนงก้มหน้าตอบเสียงต่ำ “บ่าวผิดไปแล้ว”
ไอสังหารบนร่างของเหยียนอู๋อวี้เมื่อครู่นี้เป็สิ่งที่นางกำนัลอย่างนางไม่อาจทนได้ แม้นางจะไม่รู้ว่าเหตุใดฉายเหรินจึงขุ่นเคือง หากแต่เมื่อคิดไปอาจเป็เพราะพฤติกรรมของนางเมื่อครู่
นางแอบเสียใจกับความบุ่มบ่ามของตนเอง นางเพียงแค่นึกสงสัยและลืมสถานะของตนเองไปชั่วขณะ ยามนี้ซูเฟยไร้อำนาจคุมตำหนักหลัง นางจำเป็ต้องถ่อมตัวให้มากขึ้น
ทว่าเหยียนอู๋อวี้มิได้ทำให้นางลำบากใจมากนัก เพียงปล่อยให้นางก้มหน้าอยู่เช่นนั้น ก่อนจะหันไปมองฉีตงหยวนแล้วเอ่ยว่า “เหตุใดหัวหน้าฉีถึงเข้ามาที่ตำหนักเฟิ่งชัย? มีมือสังหารหรือ?”
ฉีตงหยวนยังอยู่ในอาการมึนเมา ขณะที่เหยียนอู๋อวี้ถามเขานั้น เขารีบตั้งสติเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงสับสน “เห็นเงาร่างหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้น......”
“กลิ่นสุราบนตัวหัวหน้าฉีรุนแรงนัก เมื่อครู่ตกลงไปในบ่อสุราหรือ?” เหยียนอู๋อวี้ถามเสียงเบา “คืนนี้เข้าเวร เหตุใดจึงไม่สวมชุดหัวหน้าองครักษ์?”
คำถามนี้ทำให้ฉีตงหยวนพูดไม่ออก ทำได้เพียงหาข้อแก้ตัว และรีบจากไปให้เร็วที่สุด
เหยียนอู๋อวี้จึงลดสายตาลงมองมั่วหนงพลางเอ่ยถามเสียงเบา “มั่วหนงเมื่อครู่เ้าบอกว่าซูเฟยมีรับสั่งให้ข้าไปหารือเกี่ยวกับเื่ของขวัญวันประสูติฝ่าาใช่หรือไม่?”
มั่วหนงตอบอย่างระมัดระวัง “เพคะ”
เหยียนอู๋อวี้ยิ้มเ็ากล่าวว่า “อีกสองเดือนกว่าจะถึงวันประสูติฝ่าา ตอนนี้ยังไม่ได้ยินข่าวจากกรมพิธีการเลย ไม่รู้ว่าซูเฟยรู้เื่นี้ได้อย่างไร? หรือจะเป็ความคิดของเต๋อเฟย? เหตุใดตำหนักเฟิ่งชัยจึงไม่มีผู้ใดเคยได้ยินเื่นี้เลย?”
มั่วหนงเหงื่อตก เื่นี่เป็เพียงเื่ที่นางกุขึ้นมาเพื่อเข้ามาตรวจสอบเท่านั้น ทว่าซูเฟยเคยพูดถึงเื่นี้จริงๆ แม้นางจะรู้สึกตกประหม่าเล็กน้อย แต่กระนั้นนางยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง “เป็ซูเฟยที่้าเตรียมของขวัญเป็การส่วนตัว จึงอยากจะสอบถามสักหน่อยเพคะ”
เหยียนอู๋อวี้กล่าวเสียงเ็า “เชิญเ้ากลับไปรายงานซูเฟย เื่เตรียมของขวัญวันประสูติฝ่าานั้น จำต้องตั้งใจเลือกอย่างระมัดระวังเพื่อสร้างความประหลาดใจให้ฝ่าา อีกอย่างตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก แม้ว่าคิดออกแล้วก็ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยออกไป และแม้ของขวัญครั้งก่อนที่เราสองคนมอบให้จะเป็ภาพมงคลอายุยืนเหมือนกัน ทว่ากลับแตกต่างกันสิ้นเชิง ดังนั้นอย่าได้กังวล ของขวัญไม่สำคัญว่าเหมือนกันหรือไม่ ทุกอย่างมาจากหัวใจ ฝ่าาทรงพอพระทัยอย่างแน่นอน”