ความสัมพันธ์ทางไกลนั้นเป็เื่ยากอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อกายห่างไกลกัน แม้ความรู้สึกลึกซึ้งเพียงใด หนึ่งปีก็ได้พบหน้าเพียงไม่กี่หนเท่านั้น ปกติโจวเฉิงจะขอลางานเพื่อไปหาคนรัก ทว่าครั้งนี้ถูกผู้บังคับบัญชาปฏิเสธทันทีที่้าขอลาอีกรอบ เหล่าฟางรู้สึกว่าตนเองฉลาดเฉลียวยิ่งนัก
แม้เกาเฟยสวยหยาดเยิ้มเทียบเทียมคนรักของโจวเฉิงไม่ได้ แต่ครอบครัวของเกาเฟยเป็ชาวเมืองหลวงมาหลายชั่วอายุคน ญาติสนิทมิตรสหายของตระกูลล้วนอยู่ในปักกิ่ง และเกาเฟยจะเข้าทำงานในโรงพยาบาลในปักกิ่งเช่นกัน เหล่าฟางแต่งงานกับเกาเฟยก็ถือว่าได้เปรียบแล้ว ทั้งหมดมาจากความประทับใจที่คนบ้านเกามีต่ออาชีพของเหล่าฟาง ให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าด้านหน้าที่การงานในอนาคตของเหล่าฟาง จึงไม่รังเกียจที่ครอบครัวของเหล่าฟางอาศัยอยู่ในชนบท และยังมีน้องชายน้องสาวอีกเป็พรวน
ดูสิว่าการคบหาดูใจกับคู่หมายคนปักกิ่งดีเลิศขนาดไหน? ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องอยู่ห่างไกลต่างสถานที่กัน อย่างน้อยเกาเฟยมาเยี่ยมได้สัปดาห์ละหน หลังจากเหล่าฟางแต่งงานก็สามารถกลับบ้านได้สองสามหนต่อหนึ่งเดือน
พราะฉะนั้น จะหน้าตาสะสวย หรือว่าพอมีอันจะกิน ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
ใช้ความเก่งกล้าสามารถหางานในปักกิ่งให้สักงาน อนาคตอย่าต่างคนต่างอยู่สิ!
เหล่าฟางเชื่อมั่นว่าเกาเฟยเอาชนะเซี่ยเสี่ยวหลานในด้านนี้ได้อย่างขาดลอย มีการศึกษา หน้าที่การงานก็ลงหลักมั่นคงในปักกิ่ง ไม่ใช่สิ่งที่เงินทองเล็กๆ น้อยๆ จะสามารถเทียบได้
คนรักของโจวเฉิงรายนั้นก็จับโจวเฉิงแน่นพอตัวทีเดียว ครั้งก่อนมาส่งแพะที่หน่วยงาน วันเกิดโจวเฉิงยังส่งนาฬิกาข้อมือมาให้อีก เหล่าฟางไม่รู้จักโรเล็กซ์ แต่เกาเฟยรู้จัก เกาเฟยบอกว่านาฬิกาข้อมือเรือนนั้นราคาเป็พันหยวน... การที่เหล่าฟางเอ่ยปากกระแนะกระแหนโจวเฉิง ก็เป็เพราะว่ารู้สึกเจ็บใจอยู่ลึกๆ เขารับเงินเดือนขั้น 17 ทุกเดือนได้ราว 100 หยวนกับอีกนิดหน่อย อีกทั้งต้องส่งเงินกลับบ้านเกิด สำหรับนาฬิกาที่เซี่ยเสี่ยวหลานให้โจวเฉิงเป็ของขวัญนั้น หากเหล่าฟางจะใช้เงินที่เหลือจากเงินเดือนของตนเองซื้อ ก็ต้องเก็บรวบรวมถึงสองปี!
ในครั้งนี้ เหล่าฟางจะแต่งงานกับเกาเฟย เขาก็ได้นำเงินออมทั้งหมดของเขาออกมามอบให้เกาเฟย ถือเป็การแสดงความจริงใจ ส่วนสี่สิ่งฟุ่มเฟือยที่กำลังเป็ที่นิยมอยู่นั้นเกาเฟยก็มีแล้ว เงินส่วนนี้จึงปล่อยให้เกาเฟยพิจารณาว่าจะจัดการอย่างไรเอาเองเสีย
ปรากฏว่าเกาเฟยซื้อโรเล็กซ์ให้เหล่าฟางเหมือนกัน
ถ้าจะให้เหล่าฟางเปรียบเทียบ นอกจากสีไม่เหมือนกันแล้ว มันไม่ต่างอะไรกับเรือนของโจวเฉิงเลย!
เกาเฟยสร้างเกียรติให้แก่เขา เหล่าฟางจึงชูหางระริกระรี้ ใช้ประโยชน์จาก่แจกขนมมงคล ต้องเสียดสีโจวเฉิงสักหน่อยให้ได้—คนต่างถิ่นกับคนปักกิ่งมีความแตกต่างกัน นายคบกับสาวต่างถิ่น มีปัญญาหาอาชีพการงานให้เธอหรือไม่? เธอคนนั้นเองมีปัญญาจัดการเื่งานในปักกิ่งหรือไม่? คนต่างถิ่นที่ไม่มีงานทำ ยังสู้เกาเฟยของเขาไม่ได้อยู่ดีนี่นา
ใจของเหล่าฟางคับแคบประหนึ่งปลายเข็ม โจวเฉิงรู้สึกว่าการคบค้าสมาคมกับคนแบบนี้คือความทรมานอย่างยิ่ง
โจวเฉิงเพิ่มเหตุผลในการเพียรพยายามอีกหนึ่งข้อให้ตนเอง เขาต้องก้าวหน้าต่อไป จากตำแหน่งเทียบเท่าเหล่าฟาง ต้องกลายเป็ผู้บังคับบัญชาเหนือเหล่าฟางให้ได้!
เหล่าฟางสนับสนุนให้โจวเฉิงหางานในปักกิ่งให้เซี่ยเสี่ยวหลานด้วยท่าทีถากถาง โจวเฉิงจึงหมดความอดทน “เสี่ยวหลานเขาต้องพึ่งผมเสียที่ไหน เธอจัดการเื่หางานเองได้!”
ใครบอกว่าเขากับเสี่ยวหลานจะสานสัมพันธ์ทางไกลไปตลอดเล่า ภรรยาของเขากำลังจะเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งแล้ว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหัวชิงยังต้องกลัวว่ารัฐจะไม่จัดสรรงานให้อีกหรือ?
เกาเฟยสวมกระโปรงสีแดง คู่รองเท้าหนังสีขาว สดใสอ่อนวัยสะดุดตา พอสมรสกับเหล่าฟางแล้ว เกาเฟยยิ่งมีกลิ่นอายทรงเสน่ห์ของสตรีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
“เหล่าฟาง คุณคุยอะไรกับโจวเฉิงเขาน่ะ”
เกาเฟยค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามา “ถ้าน้องสะใภ้อยากมาทำงานในปักกิ่ง ฉันช่วยถามให้ได้นะคะ แต่หน่วยงานที่เป็มาตรฐานต้องใช้วุฒิการศึกษาทั้งนั้น ต้องสอบเข้าทำงาน... ฐานะทางบ้านของน้องสะใภ้ดีนี่นา เช่นนั้นให้ครอบครัวเธอลองช่วยดีกว่าไหม?”
ฐานะครอบครัวเลิศล้ำขนาดไหนกันแน่ เอาออกมาโอ้อวดเสียหน่อยสิ
มีเงินเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย ปัจจุบันรัฐอนุญาตการประกอบกิจการส่วนตัวแล้ว เกาเฟยรู้ว่ามีคนบางกลุ่มสร้างเนื้อสร้างตัวจากการตั้งแผงลอยค้าขาย
เซี่ยเสี่ยวหลานถ่อมาถึงหน่วยงานเพื่อป่าวประกาศว่ามีเงินมากใช่ไหม แล้วอย่างไรเล่า มีความสามารถหางานเป็หลักแหล่งในปักกิ่งเมื่อไร เกาเฟยถึงจะนับถือจริงๆ ! ในยุคนี้ ต่อให้เป็บัณฑิตมีวุฒิการศึกษา เมื่อถูกกำหนดงานให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ว่าอยากเปลี่ยนก็สามารถเปลี่ยนได้ทันที รัฐบรรจุคุณเข้าทำงานที่ไหนก็ต้องเป็ที่นั่น จะย้ายงานข้ามภูมิภาคได้ต้องใช้พลังมากมายขนาดไหนกันนะ
อีกอย่าง เกาเฟยสงสัยอย่างจริงจังว่าความจริงแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีงานการทำด้วยซ้ำ
“ผมขอขอบคุณในความห่วงใยของพวกคุณสองคนแทนเสี่ยวหลานด้วย แต่ตอนนี้เธอยังไม่ต้องพะวงใจเื่งานหรอกครับ เพราะตอนนี้เธอยังเรียนอยู่เลย!”
สีหน้าของโจวเฉิงดูเยือกเย็นยิ่งนัก
อายุของเกาเฟยกับเหล่าฟางรวมกันได้ตั้งเท่าไร กลับกัดนักศึกษาคนหนึ่งไม่ปล่อย ไม่รู้สึกละอายรึ?
“หา?”
ยังเรียนอยู่ ดูไม่เหมือนเอาเสียเลย!
เกาเฟยกำลังจะจุ้นจ้านถามไถ่อีกสักหน่อย ทว่าด้านล่างมีคนวิ่งมารายงานข่าวแก่โจวเฉิงอย่างรีบร้อน “หัวหน้า ผมเห็นพี่สะใภ้ที่หน้าประตู!”
เสี่ยวหลานมา?
เป็ไปได้อย่างไร เสี่ยวหลานควรอยู่ที่เผิงเฉิงสิ
โจวเฉิงรู้สึกไม่เชื่อ แต่ก็ไม่อยากทิ้งความหวังอันน้อยนิด จึงตามคนรายงานไป
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ไม่ใช่เซี่ยเสี่ยวหลานคนงามของเขาหรอกหรือ วันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานสวมชุดกระโปรงสีแดงเช่นเดียวกับเกาเฟย ความยาวถึงข้อเท้า เสื้อปกพับและเข้ารูป ชายกระโปรงจับจีบ พร้อมด้วยรองเท้าแตะหนังเปิดส้นหนึ่งคู่ เธอยังกังวลอยู่เลยว่าจะมาหน่วยงานโจวเฉิงอย่างไร ขณะกำลังหารถก็พบรถเข้าเมืองไปกลับสำหรับขนส่งเสบียงของหน่วยงานโจวเฉิงพอดี คราวก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานสร้างความตื่นตาตื่นใจใหญ่โตขนาดนั้น ใครจะไม่รู้จักเธอกัน?
จนกระทั่งถึงหน้าประตูหน่วยงาน ถึงลงทะเบียนตามกฎ หลังจากนั้นจึงแจ้งโจวเฉิงให้มา ‘รับญาติ’
เซี่ยเสี่ยวหลานถอดเฝือกบริเวณข้อมือทันทีที่ลงจากเครื่องบิน ทางโรงพยาบาลบอกว่าอาการกระดูกร้าวน่าจะประสานกันได้ดี ขอเพียงไม่ใช้แรงหนักก็พอ
ชุดกระโปรงยาวปิดแขนขาไม่ใช่เพื่อป้องกันแสงแดดเท่านั้น แต่เพื่อปิดบังรอยแผลที่ยังไม่หายดีบนข้อศอกและหัวเข่าตลอดจนบริเวณอื่นๆ จากสายตาของโจวเฉิงด้วย
ตัวเธอที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าโจวเฉิงนั้น คือเซี่ยเสี่ยวหลานผู้ไม่เผยความผิดปกติใดๆ และงดงามดุจดั่งในความทรงจำของโจวเฉิง
“ที่รัก เธอผอมลง!”
หลังกลั้นใจอยู่นานสองนาน โจวเฉิงพูดออกมาแค่ประโยคนี้ ยังต้องถามอีกหรือว่าทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงปรากฏตัวที่หน่วยงานอย่างกะทันหัน? วันนี้คือวันเกิดของเสี่ยวหลาน แน่นอนว่าภรรยาที่รักคิดถึงเขาเหมือนกัน! ความคิดถึงของโจวเฉิงแทบกลายเป็ความคุ้มคลั่ง ั้แ่โจวเฉิงไปซางตูคราวก่อน ก็ผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานต้องมุ่งมั่นกับการสอบเกาเข่า ทำให้มี่เวลาสำหรับติดต่อโจวเฉิงไม่มากนัก
พอเซี่ยเสี่ยวหลานพบโจวเฉิงก็รู้สึกดีใจไม่แพ้กัน จะหยิกจะข่วนสั่งสอนตอนนี้ก็คงไม่ดีเท่าไร ความเบิกบานปริ่มล้นหัวใจของโจวเฉิงที่แสดงออกมานั้นไม่ใช่การเสแสร้ง
ในเวลาแบบนี้ กลับมีพวกไม่รู้ความรีบเซ่อซ่าเข้ามาใหทารุณเสียได้
เธอสนิทสนมกับเกาเฟยมากหรือ ทำไมอีกฝ่ายถึงห่วงใยเธอขนาดนี้?
สำหรับคู่เกาเฟยและผู้บังคับการฟางทั้งสองคนนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกรำคาญมากเช่นกัน
เกาเฟยเดินเข้ามาถามเธอว่ายังเรียนหนังสืออยู่ใช่หรือไม่ เมื่อไรถึงจะสิ้นสุดรักทางไกลกับโจวเฉิง สนใจใคร่รู้ยิ่งกว่ามารดาบังเกิดเกล้าของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียอีก!
เกาเฟยเห็นความรำคาญบนใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานก็แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เธอแสดงต่อไปเสียสิ ทำไมตอนนี้ถึงไม่พูดแล้วเล่า? หญิงสาวจากบ้านนอกคอกนา ท่าทางเหมือนนักศึกษาที่ไหนกัน!
นอกจากนี้ดันใส่กระโปรงแดงเหมือนตนอีก เกาเฟยไม่สบอารมณ์เป็ที่สุดเมื่อเห็นดังนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานหัวเราะหึๆ ในลำคอ “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวลแทนหรอกค่ะ ปีนี้ฉันยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในปักกิ่งแล้ว พอเดือนกันยายนก็จะมาเรียนที่นี่ ต่อจากนี้ไปโอกาสเจอกับโจวเฉิงยังมีอีกเยอะแยะ โจวเฉิงของฉันเป็ที่ชื่นชอบของสาวๆ ขนาดนี้ มีพวกหน้าไม่อายเข้าหาเขาอยู่เรื่อย ฉันควรต้องมาจับตาดูอย่างเข้มงวดสักหน่อย”
เกาเฟยหายใจติดขัด เธอไม่ยอมรับหรอกว่าคนหน้าไม่อายที่เซี่ยเสี่ยวหลานพูดถึงก็คือเธอ เธอได้แต่ฝืนยิ้มตอบกลับ “ปีนี้เธอเพิ่งสอบเกาเข่ารึ? ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยไหนในปักกิ่งกัน ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ฉันยังพอเสนอความคิดเห็นให้เธอได้ มหาวิทยาลัยในปักกิ่งเป็ที่นิยมมากมาโดยตลอด เกณฑ์คะแนนไม่ต่ำหรอกนะ...”
เกาเฟยอาจไม่ใช่นักเรียนดีเด่น แต่เธอก็เป็บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ตัวจริงเสียงจริง สำหรับความรู้ในด้านนี้ เธอมีความสามารถมากพอจะโอ้อวด
“ขอบคุณที่พี่สะใภ้ห่วงใย ฉันยื่นเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงค่ะ”
อะไรนะ?!
เกาเฟยเกือบหลุดหัวเราะออกมา สาวน้อยโง่เง่าคนนี้คุยโวเก่งเชียว
เธอกล่าวด้วยน้ำใสใจจริง “น้องสะใภ้จ๊ะ การกรอกความประสงค์น่ะ จะหวังสูงเกินตัวไม่ได้นะ”