อูสิงอวิ๋นเอื้อมมือตบลงจุดสำคัญสามจุดบนหน้าอกอย่างรุนแรง กระอักพ่นเืเสียสีดำเข้มออกมาคำหนึ่ง สภาวะพลังบนร่างกายพลันเพิ่มขึ้นอย่างดุเดือดบ้าคลั่ง
จ้านอู๋มิ่งประหลาดใจอย่างใหญ่หลวง พลันสภาวะพลังของอูสิงอวิ๋นก็ทะลวงผ่านราชันาสูงสุดแล้ว บรรลุถึงจักรพรรดิาหนึ่งดาว สภาวะพลังยังคงไม่หยุด ทะยานเพิ่มขึ้นอย่างดุเดือดบ้าคลั่งต่อไป จักรพรรดิาสองดาว…จักรพรรดิาสามดาว…
กลิ่นอายของอูสิงอวิ๋นจวบจนกระทั่งบรรลุจักรพรรดิาสี่ดาวจึงค่อยๆ หยุดนิ่งลง รอยแผลาเ็เล็กๆ บนร่างกายของเขาก็หายสนิทอย่างรวดเร็วทันที พลังแก่นแท้จิติญญาไร้ที่สิ้นสุดกำลังพลุ่งพล่านเข้ามาเหมือนกระแสน้ำหลาก หลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างอูสิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว
“เ้าเป็คนแรกที่บังคับให้ข้าต้องปลดผนึกออก!” ในน้ำเสียงของอูสิงอวิ๋นไม่มีความโกรธเคือง เรียบสงบเสมือนคุยกับตนเอง
จ้านอู๋มิ่งมองดูอูสิงอวิ๋นในขอบเขตจักรพรรดิาระดับกลาง สูดลมหายใจลึกๆ คำหนึ่ง สิบราชันล้วนเป็อัจฉริยะเปี่ยมพร์ที่หายากในใต้หล้าอย่างแท้จริง อูสิงอวิ๋นถึงกับเป็จักรพรรดิาระดับกลางแล้ว กลับจงใจซ่อนเร้นกำลังตลอดมา ถ้าหากสิบราชันจัดอันดับกันใหม่ ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นสมควรเป็อันดับหนึ่ง
“คาดไม่ถึงว่าเ้าถึงกับผ่านพระนิพพานบรรลุจักรพรรดิาเนิ่นนานแล้ว ทักษะการปิดผนึกของเ้าช่างสูงส่งยิ่งนักจริงๆ” จ้านอู๋มิ่งตบปากคราหนึ่ง คนที่เผชิญหน้าคือจักรพรรดิาไม่ใช่ราชันา พลันทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันหนักหน่วงดุจขุนเขาบรรพต ราชันิญญาทำให้เขาประหลาดใจ เหนือความคาดหมายจริงๆ
“เ้าสมควรรู้สึกเป็เกียรติ ปรมาจารย์น้อยๆ ผู้หนึ่ง ถึงกับสามารถบีบบังคับให้ข้าต้องปลดผนึกออก น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าร่วมในเส้นทางจักรพรรดิาแล้ว เดิมคิดจะเข้าร่วมในเส้นทางจักรพรรดิาแล้วค่อยปลดผนึกออก ดังนั้น เ้าจำเป็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมา!” ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นสูดลมหายใจลึกๆ คำหนึ่ง ความเกลียดชังแผ่กระจายเต็มหัวใจเขา
ชายชราทำนายดวงชะตาของจ้านอู๋มิ่ง บอกว่าสะกดข่มสิบราชันโดยเฉพาะ เวลานี้ในที่สุดเขาก็ได้ประสบรับรู้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าวันนี้สังหารเขาไม่สำเร็จ ในอนาคตตนเองก็จะเป็หินรองฝ่าเท้าให้คนผู้นี้อย่างแน่นอน ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดผู้หนึ่งก็สามารถบังคับตนที่เป็ราชันาสูงสุดให้หงายไพ่ตายออกมาทั้งหมด
“เ้าไม่จำเป็ต้องเข้าร่วมในเส้นทางของจักรพรรดิาแล้ว เนื่องจากคนที่แย่งสมบัติวิเศษกับข้าล้วนตายหมดสิ้นแล้ว เ้าก็ไม่อยู่นอกเหนือไปจากนั้นเช่นกัน!” จ้านอู๋มิ่งสูดลมหายใจลึกๆ คำหนึ่ง ยิ้มอย่างไม่หวั่นเกรงใดๆ
อูสิงอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้านอู๋มิ่งมองเห็นเงาร่างไหลลื่นะเิออกต่อหน้าเขามากมายนับไม่ถ้วน คมกระบี่กระจ่างใสราวกับน้ำของอูสิงอวิ๋นแผ่ขยายออกเหมือนนกยูงรำแพน งดงามพร่างพราวตาเกินจะบรรยาย
รังสีกระบี่คมกริบสกัดกั้นพื้นที่จนหมดสิ้นรอบด้าน ขณะที่กระบี่เล่มนั้นแผ่ขยายเงาไหลลื่นนับพันนับหมื่นสายออกมานั้น อาศัยจ้านอู๋มิ่งเป็ศูนย์กลางก่อเกิดเป็วงกระบี่ปิดล้อมรอบด้านขึ้นมาลูกหนึ่ง กระบี่คมจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนฟาดฟันเข้ามาทางจ้านอู๋มิ่ง
“แสงระยิบระยับพันเงา!” จ้านอู๋มิ่งโพล่งเสียงต่ำคำหนึ่ง
นี่เป็หนึ่งในเคล็ดวิชากระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของสำนักิญญา์ เงากระบี่นับพันของผู้อื่นบางทีอาจเป็เพียงเงามายา แต่กระบี่ของสำนักิญญา์ กระบี่พันเล่มล้วนจริงแท้ จากหนึ่งกลายเป็นับพันนับหมื่น ช่างลึกซึ้งและสูงส่งสุดหยั่งคาด
“มีความรอบรู้อยู่บ้าง แต่เ้าก็ยังต้องตายอยู่ดี!” เงาร่างของอูสิงอวิ๋นหลอมรวมเข้าไปในเงากระบี่จนหมดสิ้น พื้นที่ทุกตารางนิ้วถูกตัดกระจุยเป็ชิ้นๆ ด้วยเงากระบี่
“ข้าเคยเห็นเคล็ดวิชาดาบชุดหนึ่งมาก่อน ไม่ได้ด้อยไปกว่าเ้า เ้าของเคล็ดวิชานั้นมีนามว่าเถี่ยมู่เหอ!” จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำออกมาคำหนึ่ง ทันใดนั้นในมือเพิ่มแท่งเหล็กหนาและยาวออกมาท่อนหนึ่ง ดุจดั่งเสาค้ำฟ้าท่อนหนึ่ง กระแทกดันออกไปทิศทางหนึ่งอย่างกะทันหัน
“ตูมมม…” วงกระบี่พร่างพราวตา ไม่สามารถสกัดกั้นเสาค้ำฟ้าท่อนนี้ที่พุ่งออกมาจากด้านใน ถูกกระแทกออกเป็โพรงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง แสงกระบี่นับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนกลายเป็ลำแสง จ้านอู๋มิ่งพุ่งทะยานออกมาจากในลำแสงทันใด
“ฉึก…ฉึก…ฉึก…” รังสีกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนทะลุผ่านอากาศ แทงใส่บนต้นไม้ั์ ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่แข็งพอๆ กับสมบัติจิติญญาถูกแทงเป็รูเล็กๆ มากมายนับไม่ถ้วน
จ้านอู๋มิ่งพอทะลวงตาข่ายกระบี่ออก พลันก็รู้สึกถึงรังสีกระบี่นับไม่ถ้วนหลั่งไหลมาทางด้านหลังเหมือนกระแสน้ำหลากในทันใด กระบี่ของอูสิงอวิ๋นเหมือนเช่นเงาตามตัว ไม่ยอมให้จ้านอู๋มิ่งได้มีโอกาสหายใจใดๆ
อูสิงอวิ๋นเองก็ใมากเช่นกัน แท่งเหล็กในมือจ้านอู๋มิ่งแผ่ขยายรังสีิญญาชั่วร้ายอันเข้มข้นแข็งแกร่งออกมา กลับส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์แบบของร่างแหกระบี่ของเขาแล้ว ทว่าความแตกต่างระหว่างจักรพรรดิาและราชันานั้นมากเกินไป ขอเพียงอยู่ภายในบริเวณเขตแดนของตน อูสิงอวิ๋นสามารถโจมตีได้ตาม้า ดังนั้น ถึงแม้จ้านอู๋มิ่งจะทะลุทะลวงผ่านแสงระยิบระยับพันเงาของเขาแล้ว แต่กลับไม่สามารถทะลวงออกจากบริเวณเขตแดนของตนได้ การโจมตีของอูสิงอวิ๋นกำลังไล่ตามมาเหมือนตัวหนอนเกาะติดกระดูกก็ปาน
“หนึ่งพลังทลายหมื่นเคล็ดวิชา ทักษะกลเม็ดแยบยลใดๆ ล้วนเป็จินตภาพ” จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำคำหนึ่ง กระบองเทิดฟ้าในมือขยายใหญ่ขึ้นทันใด ดุจดั่งเสาต้นใหญ่ กระหน่ำฟาดใส่ความว่างเปล่าเบื้องหน้าโดยตรง
อูสิงอวิ๋นแปลกใจอยู่บ้าง กระบองยาวในมือจ้านอู๋มิ่งกลับมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลง ต้องเป็อาวุธจิติญญาระดับสุดยอดอย่างแน่นอน แต่ว่าสำหรับเขาหนึ่งพลังทลายหมื่นเคล็ดวิชาเป็แค่เื่ตลกดีๆ นี่เอง เนื่องจากจ้านอู๋มิ่งยังอยู่ในเขตแดนของเขา
“ตูมมม…” กระบองจ้านอู๋มิ่งตีใส่ความว่างเปล่า ฟาดลงบนต้นไม้ใหญ่ด้านข้าง เงากระบี่ของอูสิงอวิ๋นได้เปลี่ยนทิศทางไปแล้ว เฉียงผ่านจากด้านข้าง เข้าใกล้อย่างเ้าเล่ห์
“หนึ่งพลังทลายหมื่นเคล็ดวิชา ก็แค่การกระทำมุทะลุป่าเถื่อน…” อูสิงอวิ๋นหัวเราะเย้ยหยัน
“บัดซบ!” จ้านอู๋มิ่งขุ่นข้องใจ เผชิญกับดาบทลายนภากาศของเถี่ยมู่เหอ กระบวนท่าที่ทรงพลังเหมือนกัน ตนสามารถใช้หนึ่งพลังทลายหมื่นเคล็ดวิชาทำลายสิ้น แต่กลับใช้ไม่ได้ผลใดๆ กับอูสิงอวิ๋นทั้งสิ้น นี่ก็คือความแตกต่างของจักรพรรดิากับปรมาจารย์นักยุทธ์ จักรพรรดิามีตำแหน่งการโจมตีนับไม่ถ้วน สามารถหลีกเลี่ยงทิศทางการใช้พลังของท่าน พลังท่านแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถโจมตีถูกเขาเช่นกัน
จ้านอู๋มิ่งใช้ท่าร่างทะยานล่าถอย ยามนี้เขาจึงได้ตระหนักอย่างแท้จริงว่า ราชันาหลังจากผ่านพระนิพพานบรรลุเป็จักรพรรดิาแล้ว ความเข้าใจเื่เขตแดนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ราชันาร้อยคนยากจะมีจักรพรรดิาสักคนเดียว สำเร็จเป็จักรพรรดิาไม่ใช่เื่ง่าย ได้แต่เกลียดชังอูสิงอวิ๋นที่บรรลุจักรพรรดิาไปแล้ว ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าก็คือ การสะกดข่มของเจตจำนงคุนเผิงได้สลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาสามารถใช้พลังโจมตีออกมาอย่างเต็มที่
“เ้าไม่สามารถพุ่งออกจากเขตแดนของข้า ภายในเขตแดนนี้ ข้าก็คือผู้เป็ใหญ่ที่ปกครอง!” อูสิงอวิ๋นหัวเราะอย่างภาคภูมิ เขาชื่นชอบที่จะเห็นจ้านอู๋มิ่งในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“เขตแดนมีอันใดพิเศษยอดเยี่ยม!” จ้านอู๋มิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คำหนึ่ง ขืนเป็เช่นนี้ต่อไป ตนเองได้แต่รอการถูกจัดการอย่างโหดร้ายทารุณ
จ้านอู๋มิ่งตัดสินใจอย่างโหดร้ายเด็ดขาดขึ้นมา พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาที่สะสมในร่างกายพลันะเิออกพร้อมจิติญญาแห่งการต่อสู้เสียงดัง "ตูมมม" สภาวะพลังไร้ผู้ทัดเทียมชนิดหนึ่งเพิ่มพรวดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
……
ภายนอกถ้ำคุนเผิง กองกำลังที่มีเสวียนเสวียนจื่อเป็ศูนย์กลาง ถล่มใส่ประตูใหญ่ของถ้ำเหมือนคลื่นซัดสาดระลอกแล้วระลอกเล่า ประตูถ้ำภายใต้การโจมตีอันแข็งแกร่งของฝูงชน เริ่มมีรอยแตกร้าวเล็กน้อยแล้ว แรงสะท้อนจากถ้ำถูกส่งผ่านต่อไปยังช่องว่างภายนอกแนวโขดหินโดยค่ายกลที่สร้างขึ้น ความว่างเปล่านั้นถูกกระแทกออกจนเป็รอยร้าวแตกระแหง
ทุกคนล้วนตื่นเต้นแล้ว เปิดประตูของถ้ำคุนเผิงออกเป็เื่ที่สามารถนับวันรอคอยได้ ทุกคนตั้งตารอที่จะเข้าไปและเสาะแสวงหาโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น
ขณะรอยร้าวที่ประตูถ้ำของคุนเผิงชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็มีแรงกดดันที่ทำให้ใจของทุกคนสั่นสะท้านแผ่ออกมาจากภายในถ้ำของคุนเผิง กลิ่นอายนั้นมีความผันผวนเนิ่นนานมาแล้ว คล้ายดั่งสัตว์ร้ายยุคสมัยาที่หลับใหลพลันตื่นขึ้นมาในทันใด การกดดันชนิดนี้มาจากความสั่นสะท้านของจิติญญา ราวกับเหล่าบรรดาทวยเทพแห่ง์เสด็จลงมาเยือนอย่างกะทันหัน
การโจมตีทั้งหมดหยุดชะงักลงทันที คนส่วนหนึ่งถึงกับสั่นสะท้าน อุทานอย่างใ “คุนเผิงยังไม่ตาย…”
สีหน้าของเสวียนเสวียนจื่อกับเหยียนเต้าจื่อและคนอื่นๆ ก็กลายเป็ไม่น่าดูอย่างยิ่งเช่นกัน กลิ่นอายที่ออกมาจากถ้ำของคุนเผิงในตอนนี้ไม่รุนแรงนัก แต่กลับเหนือกว่าระดับชีวิตอื่นในโลกหล้านี้มากมายนัก ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกที่้าคุกเข่าลง
“เป็ไปไม่ได้ หรือว่าคุนเผิงจะยังไม่ตายจริงๆ?” เสวียนเสวียนจื่อก็อดที่จะสงสัยไม่ได้เช่นกัน
ไม่มีผู้ใดกล้าโจมตีถ้ำของคุนเผิงอีกต่อไปแล้ว ไม่มีผู้ใด้าทำลายถ้ำคุนเผิงแล้ว เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวผู้หนึ่ง ถ้าคุนเผิงยังไม่ตาย ระหว่างฟ้าดินผู้ใดจะหาญกล้าที่จะต่อกรด้วย?
“ศิษย์พี่เสวียนเสวียน พวกเรายัง้าเปิดถ้ำคุนเผิงออกอีกหรือไม่?” เหยียนเต้าจื่อถามด้วยความสำนึกผิดอยู่บ้าง
เสวียนเสวียนจื่อรู้สึกสับสนอยู่บ้าง คิดๆ แล้ว กัดฟันคราหนึ่ง พูดว่า “คุนเผิงผ่านไปนับหมื่นปีแล้ว ถ้าหากว่ายังมีชีวิตอยู่ ขณะที่พวกเราเข้าไปสู่สถานพำนัก จะต้องทำลายพวกเราจนพินาศย่อยยับหมดสิ้นอย่างแน่นอน ไฉนจะต้องรอจนกระทั่งเรากำลังจะทุบถ้ำของมันแล้วจึงแผ่สภาวะพลังออกมากดดันพวกเรา? เวลานี้ แม้ว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ ก็จะต้องได้รับาเ็สาหัสเช่นกัน ไร้เรี่ยวแรงที่จะลงมือกับพวกเราได้ ดังนั้นจึงคิดทำให้พวกเราใล่าถอยกลับไป บางทีพวกเราเข้าไปข้างในอาจจะอันตรายอย่างยิ่ง แต่ก็มีโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”
เหยียนเต้าจื่อคิดๆ ดู รู้สึกว่าที่เสวียนเสวียนจื่อพูดมามีเหตุผล คิดถึงราชันิญญา อูสิงอวิ๋น ศิษย์ที่ภาคภูมิใจที่สุดของตนยังคงอยู่ภายในถ้ำคุนเผิง เมื่อครู่อูสิงอวิ๋นถูกบีบบังคับจนต้องปลดผนึกออก อาจเป็เพราะเจอกับคุนเผิงที่าเ็สาหัสแล้วก็ได้ นึกถึงตรงนี้ จึงกัดฟันพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่เสวียนเสวียน ข้าจะฟังตามที่ท่านพูดมา ถึงจะต้องตาย ก็ต้องขอประจักษ์แก่สายตาว่าคุนเผิงผู้สูงส่งมีลักษณะเป็อย่างไร”
“ประเสริฐ! พวกเราโจมตีต่อไป…” เสวียนเสวียนจื่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาด สั่งการกองกำลังโจมตีต่อไป
……
ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นรู้สึกแค่ว่าจิตสมาธิสั่นสะท้าน เขตแดนของตนพังทลายลงทันที ความกดดันที่มาจากร่างจ้านอู๋มิ่งสายนั้นไม่ใช่การสะกดข่มของขอบเขต แต่มาจากการสะกดข่มของจิติญญา แล้วจึงส่องสะท้อนจากิญญาสู่ความเป็จริง พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของเขาพังทลายลงในทันที
“มาลองดูหนึ่งพลังทลายหมื่นเคล็ดวิชาอีกครั้งเถอะ!” จ้านอู๋มิ่งคำรามลั่นด้วยความโกรธ ะโขึ้นในทันใด แล้วกระบองเทิดฟ้าก็กระหน่ำลงมาดุจดั่งเสาค้ำฟ้าก็มิปาน
เขตแดนพังทลายลง อูสิงอวิ๋นที่พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้แตกกระจาย สติแจ่มใสกลับคืนมา ทว่ากลับไม่มีเขตแดนคอยสนับสนุน ได้แต่ต้านทานการโจมตีของจ้านอู๋มิ่งสุดตัว
“เคร้ง…” อูสิงอวิ๋นรู้สึกกระบองนี้ของจ้านอู๋มิ่งคล้ายดั่งูเามหาบรรพตลูกหนึ่งถล่มกดทับ พลังประหลาดมหาศาลนั้นทำให้กระบี่จิติญญาในมือคร่ำครวญอย่างโศกเศร้าออกมาคราหนึ่ง ถึงกับหักลงแล้ว
“ครืด…” สองขาของอูสิงอวิ๋นทรุดจมลงไปในพื้นดินของถ้ำคุนเผิง เขาได้ยินเสียงกระดูกหักแตกร้าว "กร๊อบ" ดังขึ้น กล้าจินตนาการว่าพลังของมนุษย์ถึงกับสามารถะเิออกมาอย่างรุนแรงหนักหน่วงถึงเพียงนี้ จ้านอู๋มิ่งเหมือนเช่นดั่งคุนเผิงขนาดย่อส่วนลงมาตัวหนึ่ง
“จะให้เ้าได้เห็นว่าอันใดคือหนึ่งพลังทลายหมื่นเคล็ดวิชา!” จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำอีกครา กระบองเทิดฟ้าแปรเปลี่ยนเป็ประกายแสงสีดำสายหนึ่ง โจมตีลงมาอีกครั้ง
ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นฝืนสะกดข่มโลหิตสดๆ กลางทรวงอกที่้ากระอักพ่นออกมา ดึงสองขาที่จมลงพื้นขึ้น ทะยานร่างล่าถอย
“โครม…” อูสิงอวิ๋นถอยออกมารวดเร็วยิ่งนัก กล่าวถึงที่สุดแล้วเขามีพลังของจักรพรรดิา แต่ทว่าก็ยังคงถูกกระแสลมของกระบองเทิดฟ้ากวาดโดน กระแทกร่างลงบนต้นไม้ั์อย่างรุนแรงหนักหน่วง
“ฟู่…” อูสิงอวิ๋นไม่สามารถข่มกลั้นได้อีกต่อไป โลหิตย้อนขึ้นจนต้องกระอักพ่นออกมาคำหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งไม่ได้หยุดการโจมตีแต่อย่างใด วันนี้เขากับอูสิงอวิ๋นมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตรอดจากไป สิบราชันล้วนไม่มีเจตนาดีอันใดต่อเขาสักคน และจ้านอู๋มิ่งก็ไม่้าให้ผู้อื่นทราบว่าไข่คุนเผิงถูกตนเองคว้าไปแล้ว ถึงเวลานั้นในแผ่นดินพั่วเหยียนก็จะไม่มีสถานที่ให้เขาปักหลักดำเนินชีวิตอีกต่อไปแล้ว ขณะที่คนผู้หนึ่งกลายเป็เนื้อชิ้นใหญ่ในสายตาของคนทั่วใต้หล้าไปแล้ว ชะตาชีวิตของเขาจะต้องเศร้าสลดไร้ความสุขอย่างแน่นอน
“ตูมมม…” อูสิงอวิ๋นเพิ่งจะดิ้นรนลุกขึ้นมา คิดจะเปิดเขตแดนขึ้นอีกครั้ง กระบองของจ้านอู๋มิ่งก็ฟาดกระหน่ำลงมาตรงๆ อีกครั้ง อูสิงอวิ๋นไม่มีโอกาสที่จะหลบเลี่ยงอีกแล้ว
อูสิงอวิ๋นพบว่าท่อนแขนที่สกัดขวางกระบองไว้หายไปแล้ว ความรู้สึกที่เ็ปแสนสาหัสยังมิทันได้ส่งไปถึงในสมอง ก็รู้สึกถึงความมืดเบื้องหน้า ทุกสิ่งล้วนไม่ดำรงคงอยู่อีกต่อไปแล้ว
จ้านอู๋มิ่งมองดูอูสิงอวิ๋นที่สิ้นชีวิตไป ถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา อัจฉริยะเหล่านี้ต้องมาตายด้วยมือตนเอง เสียของเกินไปแล้ว
จ้านอู๋มิ่งยื่นแขนโบกๆ มือ รับเอาจิติญญาชีวิตของอูสิงอวิ๋นมาอย่างง่ายดาย ยามนี้ ในธาตุแห่งชีวิตของจ้านอู๋มิ่งมีธาตุทอง ไม้ วารี อัคคี ดิน วายุและความมืด ธาตุทั้งเจ็ดแล้ว ในธาตุแห่งชีวิตของอูสิงอวิ๋นมีเพียงธาตุทองเท่านั้น สำหรับจ้านอู๋มิ่งแล้ว เป็เพียงการเพิ่มพลังส่วนหนึ่งให้ถ้ำนภาธาตุทองในจิติญญาชีวิตของเขาเท่านั้น
ความสุขที่สุดของจ้านอู๋มิ่งก็คือการได้แหวนจักรวาลของอูสิงอวิ๋น สิ่งของต่างๆ ในนั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก เขาก็ได้รับสิ่งของต่างๆ ในถ้ำของคุนเผิงเช่นกัน
สุดท้ายคือเก็บไข่คุนเผิงฟองนั้น การเปิดผนึกโล่ฝาครอบสีเขียวชั้นนั้นของคุนเผิงออก ยังคงต้องใช้ฝีมืออยู่บ้างเล็กน้อย บนโล่ฝาครอบล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยพลังธาตุวายุของคุนเผิง จ้านอู๋มิ่งใช้สอยโล่ฝาครอบอันนั้นเป็พลังงานโดยตรง ดูดซับมาจนหมดสิ้น สระน้ำจิติญญาก็เปิดเผยออกมาแล้ว
สระน้ำจิติญญานั้นไม่สามารถขนไปได้ แต่อุทกจิติญญาเต็มสระกลับปล่อยทิ้งให้สูญเปล่าไม่ได้ จ้านอู๋มิ่งดูดใส่เข้าไปในสมบัติวิเศษพื้นที่มิติของเขาโดยตรง พลังเหนือธรรมชาติในสมบัติวิเศษพื้นที่มิติเข้มข้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว นอกจากนี้ไข่ของคุนเผิงก็ไม่ได้สูญเสียการหล่อเลี้ยงของอุทกจิติญญาเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมเช่นกัน ส่วนจะจัดการกับไข่ั์ฟองนี้อย่างไรนั้น นั่นคือเื่ของอนาคต
เก็บไข่คุนเผิงเสร็จสิ้น จ้านอู๋มิ่งมุ่งหน้าติดตามเครื่องหมายของเหยียนชิงชิงและสื่อรั่วหนานต่อไป
