วันต่อมาหลี่ซานไปบอกเฟิงซื่อว่า สามารถนำถั่วเหลืองมาแลกเต้าหู้ได้ รวมไปถึงเื่ที่จะขายเต้าหู้ให้ตระกูลหวังเพิ่มอีกหกร้อยชั่ง เฟิงซื่อดีใจเป็อย่างยิ่ง ถึงกับตอบรับด้วยความเต็มใจ
ในวันเดียวกัน คนตระกูลหวังก็นำถั่วเหลืองทั้งหมดในตระกูลมาแลกเต้าหู้ตระกูลหลี่
หวังเยี่ยนบอกความเห็นของตนให้เฟิงซื่อฟังว่า “ท่านแม่ พวกเราไปรับซื้อถั่วเหลืองจากนอกหมู่บ้านเข้ามาดีหรือไม่เ้าคะ สิบชั่งราคาสิบสองทองแดง หากเป็เช่นนี้ทุกสิบชั่งเราจะประหยัดเงินได้อีกสามทองแดง”
“บิดาเ้าไม่อยู่บ้าน ส่วนข้าก็ต้องไปขายเต้าหู้ จะมีเวลาไปหาซื้อถั่วเหลืองที่ไหนกัน?”
หวังเยี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ในตระกูลมีคนว่างมากมาย ขอเพียงท่านประกาศออกไปว่า พวกเรารับซื้อถั่วเหลืองสิบชั่งสิบสองทองแดง ย่อมมีคนออกไปหาซื้อจากนอกหมู่บ้านแน่นอน”
“ข้าคิดว่าให้คนในตระกูลสิบชั่งสิบสามทองแดงเถิด พวกเราได้เงินลดลงเพียงเล็กน้อย”
หวังเยี่ยนยิ้ม “โบราณว่า แม้ยุงจะตัวเล็กเพียงใดก็ยังนับเป็เนื้อ พวกเรานั่งอยู่ที่บ้านไม่ต้องขยับเขยื้อนก็หาเงินได้แล้ว ได้น้อยลงไปบ้างก็ไม่เป็ไรเ้าค่ะ”
เฟิงซื่อเป็คนพูดคำไหนคำนั้น นางรีบให้หวังเยี่ยนไปเรียกสตรีในตระกูลที่มีความสัมพันธ์ดีต่อกันมาหา แจ้งว่าั้แ่พรุ่งนี้เป็ต้นไปจะมีส่วนแบ่งเต้าหู้ให้แต่ละบ้านเพิ่มอีกหลายสิบชั่ง จากนั้นก็บอกเื่รับซื้อถั่วเหลือง
สตรีหลายนางดวงตาเปล่งประกายราวแสงจันทร์ ในที่สุดก็มีข่าวดีเื่ส่วนแบ่งเพิ่มเติมของเต้าหู้ตระกูลหลี่แล้ว นี่ทำให้พวกนางทั้งประหลาดใจและยินดี ส่วนเื่รับซื้อถั่วเหลือง พวกนางสามารถหาซื้อถั่วเหลืองกลับมาตอนที่ออกไปขายเต้าหู้ในแต่ละหมู่บ้านได้ เคลื่อนไหวครั้งเดียวได้ประโยชน์สองทาง ไม่เสียเวลาและยังทำเงินได้อีกด้วย
เฟิงซื่อบอกเื่นี้กับสตรีเพียงไม่กี่คน ทว่าไม่อาจปิดบังคนในตระกูลคนอื่นๆ ได้ เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็มีผู้าุโและสตรีของหลายครอบครัวนำของขวัญมาหาถึงบ้าน
เฟิงซื่อรับของขวัญไว้แล้วจัดแจงเื่รับซื้อถั่วเหลืองลงไป
ชีวิตของครอบครัวหวังไห่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่ละวันมีเงินจำนวนมากเข้ามา ทั้งยังมีคนนำของขวัญมาให้ไม่ขาด ทำให้หวังลี่ตงและหวังชุนเฟิงอิจฉาตาร้อน
ทุกวันนี้หวังลี่ตงไม่มีชวีหงคอยออกความเห็นให้แล้ว ตอนนี้เขาลุกไม่ไหว าแบนร่างกายก็ยังไม่หายดี ทำได้เพียงนอนโกรธเกรี้ยวอยู่ในห้อง บางครั้งก็ด่าหวังซื่อนิวไปหลายประโยคเพื่อระบายโทสะ
ส่วนหวังชุนเฟิงที่มีความคิดแย่ๆ อัดอยู่เต็มสมองย่อมไม่ต้องให้ผู้ใดออกความคิดแทนเขา เขารีบวิ่งตรงไปถึงหน้าเฟิงซื่อแล้วเอะอะโวยวายยกใหญ่
เฟิงซื่อรำคาญหวังชุนเฟิงยิ่งนัก “บิดาเ้าไม่อยู่บ้าน หากเ้าอยากโวยวายก็ไปะโข้างหูบิดาเ้าเถิด อย่ามาะโตรงหน้าข้า ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายปี”
“ข้าด่าแม่เ้า หากไม่ด่าตรงหน้าเ้าแล้วจะไปด่าตรงหน้าผู้ใด ว่ากันว่าเด็กที่ร้องไห้เป็ย่อมมีนมให้กินไม่ใช่หรือ ตอนนี้ข้าร้องไห้อยู่หน้าเ้า หากเ้าให้ข้ากินนมข้าก็ไปแล้ว” หวังชุนเฟิงอายุน้อยกว่าเฟิงซื่อเพียงหนึ่งปี แต่ปากกลับกล่าวด่ามารดาของอีกฝ่าย ทั้งยังกล่าวถึงกินนมอันใดนั่นอีก ไม่รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองจริงๆ
เฟิงซื่อทนฟังคำหยาบคายของหวังชุนเฟิงไม่ไหว นางขมวดคิ้วมุ่น กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เ้าคนไร้อนาคต เ้าก็แค่อยากซื้อเต้าหู้เพิ่มมิใช่หรือ ทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่จริงๆ ข้าจะจัดการให้เ้าเพิ่มอีกสิบชั่ง”
หวังชุนเฟิงเอะอะโวยวายอยู่นาน กระทั่งเื่กินนมก็ยังพูดออกมาแล้ว ในที่สุดก็ได้เต้าหู้เพิ่มมาสิบชั่ง ในใจย่อมรู้สึกพึงพอใจและยินดี เขาจึงยอมกล่าวคำพูดดีๆ กับเฟิงซื่ออย่างไม่รู้สึกอับอายไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็ต่อไปนี้จะกตัญญูต่อนางหรือหากมีของกินดีๆ จะแบ่งให้นางล้วนพูดออกมาหมด
เฟิงซื่อไม่ฟังคำประจบประแจงของหวังชุนเฟิง ได้แต่โบกมือพลางกล่าวอย่างอดรนทนไม่ไหวว่า “คำพูดเหล่านี้ข้าฟังจนหูเน่าหมดแล้ว เ้าอย่าหาเื่ให้ข้าเป็พอ รีบกลับไปเสีย”
เมื่อหวังชุนเฟิงออกไปก็รีบไปกินดื่มกับสหายทันที ทำให้เขาทราบว่า เฟิงซื่อขายเต้าหู้ให้ผู้อื่นเพิ่มถึงยี่สิบชั่ง มากกว่าที่ตนได้ถึงเท่าตัว เขาโมโหจนเกือบทำถ้วยชามของผู้อื่นแตก “แม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยงจริงๆ ปฏิบัติต่อข้าแย่เกินไปแล้ว!”
กว่าหวังชุนเฟิงจะกลับมาถึงบ้านก็เย็นแล้ว เขาไปทุบประตูบ้านของหวังไห่ ทว่าเฟิงซื่อ หวังเยี่ยน และหวังจื้อเกา ไม่ยอมเปิดประตูให้ เขาก็ไม่กล้าปีนกำแพงเข้าไป จึงกลับไปที่บ้านของตน
ชวีฮวากลายเป็ที่รองรับโทสะของหวังชุนเฟิง นางถูกเขาที่ดื่มสุราจนเมามายตบตีไปยกหนึ่ง
คราวนี้หวังชุนเฟิงลงมือค่อนข้างโเี้ ชวีฮวาถูกตบจนฟันร่วงไปหนึ่งซี่ ชวีฮวาทั้งหวาดกลัวและโกรธเกรี้ยว วันต่อมาจึงถือโอกาสหนีกลับบ้านเดิม ตอนที่หวังชุนเฟิงออกไปขายเต้าหู้
เมื่อหวังชุนเฟิงกลับมาจากการขายเต้าหู้ก็ทั้งหิวทั้งหนาว แต่กลับไม่พบภรรยาเสียแล้ว ในบ้านมีเพียงหม้อเย็นๆ และเตาเย็นๆ บุตรชายสี่คนก็เอาแต่จับจ้องมาที่ตน รอให้ไปทำอาหารให้กิน บุตรชายที่เล็กที่สุดยังร้องไห้งอแงจนน้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้า
เมื่อเป็เช่นนี้หวังชุนเฟิงจึงไม่มีทางเลือก นำเงินสิบทองแดงและไข่ไก่หกฟองออกมา ให้หวังต้านิวบุตรคนโตและหวังเอ้อร์นิวบุตรคนรองไปรับชวีฮวากลับบ้าน
ชวีหงกำลังเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้านพอดี นางได้ยินคนในหมู่บ้านกำลังคุยเื่ที่หวังชุนเฟิงขายเต้าหู้ได้เงินมากและตบตีชวีฮวาอย่างหนัก แต่เห็นแก่บุตรชายทั้งสี่ของตนจึงจะมารับชวีฮวากลับไป
“หึ... หวังชุนเฟิงนั่นเป็ตัวี้เีโดยแท้ ี้เียิ่งกว่าหมูนับสิบเท่า หากเขาหาเงินได้ข้ายอมเขียนชื่อกลับด้านเลย” ชวีหงไม่เชื่อว่าหวังชุนเฟิงจะหาเงินได้จริงๆ
คนในหมู่บ้านพากันกล่าวดูแคลน “เ้าไม่เชื่อได้หรือ ตอนนี้แต่ละครอบครัวในหมู่บ้านหลี่ขายเต้าหู้หาเงินได้กันทุกครอบครัวแล้ว รวมถึงบ้านเ้าด้วย ซื่อนิวของเ้าก็ออกไปขายเต้าหู้นอกหมู่บ้าน นางก็หาเงินได้เช่นกัน”
“ทุกครอบครัวในตระกูลหวังอาศัยขายเต้าหู้ตระกูลหลี่จนร่ำรวย ข้าว่านะชวีหง เ้าถูกหวังลี่ตงหย่าไปแล้ว หากไม่ใช่คนตระกูลหวังก็มิอาจเสพสุขไปกับความร่ำรวยของพวกเขา วาสนาเ้าแย่จริงๆ”
“ชวีหง พอหวังลี่ตงหย่ากับเ้าแล้ว ไม่นานก็มีแม่สื่อมาคุยเื่แต่งงานกับเขาถึงประตูบ้าน ฝ่ายหญิงเป็ดรุณีน้อยนางหนึ่ง”
“หวังลี่ตงมีเงินแล้ว ไม่ว่าจะเป็สตรีใดเขาก็แต่งได้ ชวีหง เ้าอย่าฝันเฟื่องไปเลย หวังลี่ตงไม่มาหาเ้าแน่”
ชวีหงขบฟันด้วยความโกรธเกรี้ยวจนเืไหล ด่าหวังลี่ตงว่าเป็พวกชอบล้อเล่นกับสตรี แช่งให้คนตระกูลหวังแต่ละคนไม่ตายดี
คนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะ “เ้าจะด่าอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ หวังลี่ตงก็ไม่ได้ยิน คนตระกูลหวังก็ยังมีชีวิตที่ดีต่อไป”
ชวีหงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโกรธจัด ในใจสาปแช่งให้คนในหมู่บ้านไปตายเสียให้หมด นางไม่อาจอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อีก แต่ละคนเห็นนางก็เอาแต่ดูถูกและหัวเราะเยาะ บ้านเดิมก็ไม่ยอมให้นางเข้าไปเหยียบแม้แต่ประตู
นางเจ็บใจสุดเปรียบ เดินออกไปจากหมู่บ้านคิดระบายทุกข์กับใครสักคนหนึ่ง นางเดินมาถึงปากทางหมู่บ้านหลี่โดยบังเอิญ ขณะนั้นมีคนตระกูลหวังหลายคนเดินสวนมาพอดี นางจึงรีบหลบหลังต้นไม้ใหญ่
“ข้าได้ยินว่า หลี่สือทำเต้าหู้เป็”
“หลี่สือเป็คนโง่ จะทำเต้าหู้เป็ได้อย่างไร”
“ข้าได้ยินมากับหูที่หลี่ซานพูดกับเฟิงซื่อ เขาว่าน้องชายของเขามีความสามารถมากกว่าเขา ตอนนี้ก็ทำเต้าหู้เป็แล้ว”
“ที่ผ่านมาหลี่ซานไม่เคยโกหก หากหลี่ซานพูดเช่นนี้ หลี่สือคงทำเต้าหู้เป็จริงๆ”
“หลี่สือมีความสามารถจริงๆ”
ผู้กล่าวมิได้มีเจตนา แต่ผู้ที่ได้ยินกลับมีความคิดบางอย่าง คนตระกูลหวังไหนเลยจะรู้ว่า คำพูดของพวกเขาจะถูกชวีหงได้ยินเข้าจนทำให้เกิดเื่ราวใหญ่โต
ท้องฟ้าแจ่มใส ดวงตะวันขึ้นสูง เมื่อผ่านหิมะไป อุณหภูมิก็ต่ำกว่าวันวาน กระทั่งพื้นดินสองข้างทางเดินก็กลายเป็น้ำแข็งจนหมด
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำสองคนและชายชราร่างผอมตัวเตี้ยคนหนึ่งเดินอยู่บนถนนของหมู่บ้านหลี่ ดวงตาสามคู่มองสำรวจซ้ายขวาด้วยเจตนาร้าย
“ได้ยินเสียงลาร้องหรือไม่”
“ได้ยินแล้ว”
“ที่หมู่บ้านหลี่ มีแต่บ้านนี้ที่มีลา ทั้งยังมีถึงสามตัวด้วย”
คนทั้งสามเดินตามเสียงร้องของลาเข้าไปในหมู่บ้าน จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้ารั้วของบ้านหลังหนึ่ง
“บ้านที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านหลี่ ในบ้านมีบ่อน้ำ ใช่แล้ว... เป็บ้านนี้”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้