คลื่นพลังที่หลิววั่นซานััได้นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้เป็อย่างมาก
เมื่อเห็นผู้าุโชิวลงมือขัดขวาง เขาจึงทำได้แค่มองอย่างมิกล้าเสียมารยาท ก่อนจะคำนับแล้วกล่าวว่า “ผู้าุโชิวจะเข้ามาแทรกแซงเื่ระหว่างข้ากับตระกูลเซียวอย่างนั้นหรือ?”
“มิใช่การแทรกแซง เพียงแต่อยากเตือนผู้นำหลิว เป็มนุษย์อย่าโหดร้ายเกินไป มิเช่นนั้นจะอยู่ไม่มั่นคง!”
“ขอบคุณผู้าุโชิวที่ตักเตือน แต่เื่ได้เกิดขึ้นถึงเพียงนี้แล้ว ข้ากับตระกูลเซียวที่เปรียบเสมือนน้ำกับไฟ มิอาจหลีกหนีกันได้”
เจียงอิงพุ่งออกมาจากอีกด้านโดยที่ไม่ได้สนใจผู้าุโชิวที่กำลังกล่าวเตือนหลิววั่นซานอยู่ เขาจ้องไปยังเซียวหานกับเซียวจั้นที่หมดสติไปแล้ว
“โอ้”
เจียงอิงถูกพลังปราณแข็งแกร่งควบคุมอยู่กลางอากาศ สองขาถูกเชือกมัดให้เหยียดตรง ก่อนที่ศีรษะจะทิ่มลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว
เขาแผ่มือออกไป ก่อนจะใช้ปราณดาราผลักหินบนพื้นให้แตกกระจายเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายร้ายแรง
“พลังจิตแข็งแกร่งเป็อย่างมาก อย่างน้อยก็เทียบได้กับนักยุทธ์ระดับจันทราขั้นหนึ่ง!”
เจียงอิงมีสีหน้าไม่พอใจ เขามองหาที่มาของพลังจิตนั้น ก่อนที่สตรีสวมชุดกระโปรงยาวคอปกสีดำจะปรากฏกายขึ้นเงียบๆ ต่อหน้าผู้คน
ดวงตาของเขาเบิกโพลงทันทีที่ได้เห็นเสี่ยวเมิ่ง จากนั้นจึงแสดงท่าทีที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
ดูแล้วคงเป็หญิงอายุสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะมีระดับพลังจิตเทียบเท่ากับระดับจันทรา!
“ไม่นึกว่าผู้าุโกวนจะมาด้วย”
ผู้จัดการฉางก้มหัวให้เสี่ยวเมิ่ง แม้จะแสดงท่าทีเป็กันเองออกมา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเคารพ
“ผู้าุโ! หญิงผู้นี้เป็ผู้าุโของโรงประมูล! แสดงว่านางคือนักสร้างระดับปรมาจารย์อันเลื่องชื่อแห่งเมืองเทียนอวิ่นอย่างนั้นหรือ!?”
“นักสร้างระดับปรมาจารย์มีอายุเพียงแค่สิบหกสิบเจ็ดปี ตัวตนนี้ช่างน่าใเสียจริง! หญิงผู้นี้ไม่เพียงมีความงามอันไร้ที่ติ แต่ยังมีพลังจิตที่แข็งแกร่งอีกด้วย”
“เจียงอิงเป็นักยุทธ์ระดับจันทราวงแหวนใหญ่ขั้นสี่ แม้จะถูกเซียวจั้นกระชากแขนออกไปจนทำให้พลังลดลงเป็อย่างมาก แต่อย่างน้อยพลังบ่มเพาะของเขาก็ยังอยู่ในระดับจันทราขั้นหนึ่ง”
“นึกไม่ถึงว่าเจียงอิงจะถูกพลังจิตของนางทำให้กลายเป็ตัวตลก ครั้งนี้ถือว่าได้สั่งสมประสบการณ์ใหม่ๆ แล้ว”
การปรากฏตัวของเสี่ยวเมิ่งทำให้เสียงอื้ออึงของผู้คนดังขึ้นในทันที สตรีที่มีทั้งใบหน้าอันงดงามและพลังที่แข็งแกร่ง กลายเป็สิ่งที่ทุกคนต่างชื่นชม
นางค่อยๆ เหาะมาอยู่ข้างหยวนจุนแล้วถามว่า “ได้สิ่งใดมาบ้าง?”
“คัมภีร์วิชายุทธ์หนึ่งม้วนกับสร้อยข้อมือหนึ่งเส้น”
หยวนจุนตอบอย่างไม่อ้อมค้อม เขาถอดหมวกของเสื้อคลุมยุทธ์ออก เผยให้เห็นใบหน้างามที่ดูสะอาดสะอ้าน
“ตอนนี้เป็โอกาสดีที่จะลงมือฆ่าเจียงอิง! เซียวจั้นได้กระชากแขนของเขาออกไปข้างหนึ่งจึงทำให้พลังยุทธ์ลดลงเป็อย่างมาก หากข้ากับเ้าร่วมกันแสดงพลังหงส์คู่องอาจ จะต้องจัดการเขาได้อย่างแน่นอน!”
เมื่อหยวนจุนกล่าวถึงเื่นี้ เสี่ยวเมิ่งจึงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างหนักแน่น
ทั้งสองจ้องไปยังเจียงอิงที่ยังคงตกตะลึง จากนั้นจึงแยกกันแสดงดรรชนีพลังจิตออกมา
เงาหงส์ตัวผู้สีทองบนหน้าอกของหยวนจุนตื่นขึ้นก่อนจะปลุกเงาหงส์ตัวเมียบนแผ่นหลังของเสี่ยวเมิ่ง เมื่อเงาของหงส์ตัวเมียตื่นแล้ว พวกมันจึงปรากฏขึ้นจากทางด้านหน้าและทางด้านหลังของร่างทั้งสอง
เงาของหงส์ตัวผู้และเงาของหงส์ตัวเมียเกี่ยวพันกันก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ฟ้าดินมืดมนปั่นป่วนในทันที
อสนีบาตสีทองส่องลงมาจากท้องฟ้าเป็ระยะจนทำให้เกิดเสียงคำรามกึกก้อง ผู้คนที่ถูกดึงดูดด้วยปรากฏการณ์นี้ต่างเงยหน้าขึ้นและมองไปยังกลุ่มเมฆสีดำบนท้องฟ้าทันที
หงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียที่บินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้ากำลังอ้าปากกลืนกินอสนีบาต เงาของพวกมันสว่างชัดมากขึ้นกว่าเดิมจนสุดท้ายกลายเป็สีทองเหมือนกับอสนีบาต
“ฮู่”
เมื่อร่างกายของหยวนจุนร้อนผ่าว จุดตันเถียนบนจึงขยายออกมาสามเท่าในทันที พลังจิตมากมายได้หลั่งไหลเข้ามายังพื้นที่ภายใน ไม่นานพลังของเขากับเสี่ยวเมิ่งก็ประสานกัน ส่งผลให้คลื่นพลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย
ซึ่งคลื่นพลังพิเศษนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพลังจิตอยู่ในระดับสูงสุดเท่านั้น
เมื่อผู้าุโชิวและผู้จัดการฉางเห็นพลังนี้ด้วยตาของตนเอง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สิ่งนี้คือวิถีพลังจิตที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์วิชายุทธ์ที่เสี่ยวเมิ่งใช้อาวุธระดับิญญาขั้นสองสิบชิ้นแลกมา
อย่างที่เคยกล่าวไว้ หากนักยุทธ์สองคนฝึกหงส์คู่องอาจสำเร็จจะสามารถใช้พลังที่เหนือกว่าวิชายุทธ์ทั่วไปร่วมกันได้! ซึ่งผู้าุโชิวกับผู้จัดการฉางนั้นยังไม่เคยได้เห็นเสียที วันนี้ถือว่าโชคดีที่ได้เห็นหยวนจุนและเสี่ยวเมิ่งแสดงหงส์คู่องอาจ ทำให้พวกเขาสองคนรู้สึกตื่นเต้นและใไปพร้อมกัน
“ไม่นึกเลยว่าหยวนจุนจะฝึกฝนพลังจิตด้วย! แม้พลังจิตของเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับผู้าุโกวน แต่ก็ถือได้ว่ามีพลังแข็งแกร่งพอสมควร!”
ผู้จัดการฉางพยักหน้าด้วยความชื่นชม เขารู้สึกว่าหยวนจุนเป็อัจฉริยะที่แท้จริง เพราะแค่เพียงมีพลังคู่จิตยุทธ์ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว แต่นี่ยังสามารถฝึกฝนวิถีพลังจิตกับเสี่ยวเมิ่งจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ภายในเวลาอันสั้นอีก เช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนต้องแปลกใจกับความสามารถ
“ช้าก่อน!” เจียงอิงััได้ว่าพลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นกำลังพุ่งเป้ามาที่ตน เขาจึงถามออกไปด้วยความกลัวว่า “เจียงอิงได้กระทำสิ่งใดที่ล่วงเกินผู้าุโกวนหรือไม่?”
เมื่อเอ่ยถึงสาเหตุที่ตระกูลเจียงล่วงเกิน เสี่ยวเมิ่งก็รู้สึกเ็ปในหัวใจจนแทบจะทนไม่ไหว ภาพที่ปู่ของตนเองต้องทรมานก่อนตาย เป็เหมือนเงาที่คอยหลอกหลอนอยู่ในใจมาโดยตลอด
“เจียงอิง ในเมื่อข้าจะส่งเ้าไปสู่ความตายแล้ว เช่นนั้นข้าจะบอกให้เ้ารู้ไว้!”
หยวนจุนยิ้มเยาะ เขากล่าวออกมาด้วยสายตาเยือกเย็นว่า “เจียงเฮ่อตายด้วยน้ำมือของข้า เจียงชางและเจียงเทียนมิ่งก็ตายด้วยน้ำมือของข้าเช่นกัน!”
“หากมิใช่เพราะเจียงเฮ่อหยิ่งผยอง ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา และใช้วิธีโหดร้ายเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์ ตระกูลเจียงของเ้าคงไม่ต้องเป็อย่างทุกวันนี้!”
“ทั้งหมดนี้เป็เพราะตระกูลเจียงหาเื่ให้ตนเอง! หากจะโทษก็ต้องโทษบุตรชายอันเป็ที่รักของเ้าที่อยู่ในปรโลก!”
เสียงของหยวนจุนดังกึกก้องไปทั่วฟ้า ก่อนจะส่งผ่านไปยังใบหูของนักยุทธ์ทุกคนอย่างชัดเจน เื่นี้เป็เหมือนกับลมหนาวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเยือกเย็นั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า
ขณะที่เจียงอิงกำลังจะเปิดปากพูด ลำคอของเขาก็ถูกบางอย่างขัดขวางไว้จนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เจียงอิงก็เปล่งเสียงออกมาจากลำคอ เสียงนั้นแหลมราวกับคมของเศษโลหะกระทบกัน เขาะโด้วยความโมโหว่า “หยวนจุน ข้าจะฆ่าเ้า!”
“สายไปแล้ว!”
เสี่ยวเมิ่งและหยวนจุนต่างรู้ใจกัน พวกเขาพุ่งเป้าไปยังเจียงอิงที่กำลังใช้มือข้างเดียวป้องกัน เงาของหงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียที่กลืนกินอสนีบาตสีทองส่งเสียงครั่นครืนท่ามกลางหมู่เมฆและพายุ
“เปรี้ยง เปรี้ยง”
ลำแสงตกลงมาจากท้องฟ้า หงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียโฉบผ่านท้องฟ้าที่มืดมิด ด้านหลังของพวกมันเต็มไปด้วยพลังของอสนีบาต ซึ่งเมื่อส่งเสียงออกมา พลังนั้นจะล้อมรอบตัวของเจียงอิงไว้ทันที
พลังนั้นะเิออกเป็คลื่นขนาดมหึมา คลื่นนั้นแผ่กระจายออกไปหลายพันจั้ง ทำให้ทุกสิ่งที่ได้รับผลกระทบกลายเป็ผงธุลีไปจนหมดสิ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้