ใจของเนี่ยเทียนเต็มไปด้วยความสงสัย จึงเดินเตร็ดเตร่มาหยุดอยู่ด้านหน้าร่างของตู้คุน อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างของตู้คุนกันแน่
ตู้คุนที่มิอาจลุกขึ้นยืนได้อีก ยังคงชักกระตุกอย่างต่อเนื่อง เืสดเป็เส้นๆ ไหลออกมาจากหางตาของเขา
“แค่นี้ก็สูญเสียพลังในการรบแล้วหรือ?”
เนี่ยเทียนพึมพำหนึ่งประโยค นั่งยองๆ ลง เอามือกุมลำคอของตู้คุนแล้วบีบอย่างแรง
“กร๊อบ!”
เสียงกระดูกตรงลำคอที่แตกออกดังออกมาจากคอของตู้คุน ศีรษะของเขาเอียงกะเท่เร่ ตายอนาถทันที
“ดูเหมือนว่าสำนักภูตผีจะถนัดเวทลึกลับ บนตัวของเขาไม่รู้ว่าจะมีคาถาวิเศษประเภทนี้อยู่หรือไม่”
ดวงตาเนี่ยเทียนเปล่งประกายวาบ เริ่มค้นหาไปทั่วร่างของตู้คุนเพื่อ่ชิงเอาเวทลับที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนพลังจิตมา
ตามคำพูดของตู้คุน เนี่ยเทียนรู้ว่าพลังจิตของเขาต้องเหนือล้ำเกินกว่าคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันมากมายนัก
และเมื่อครู่นี้ที่เขาทดลองใช้พลังจิตจำนวนมากมหาศาลโจมตีให้ตู้คุนพ่ายแพ้ยับเยินทันทีทันใด นั่นทำให้เขาตระหนักรู้ถึงความมหัศจรรย์ของพลังจิต
น่าเสียดายที่เขาฝึกบำเพ็ญตบะอยู่ในตระกูลเนี่ยมาตลอดเวลา ไม่เคยได้ัักับความรู้ด้านพลังจิตมาก่อน นี่จึงทำให้การตระหนักรู้ในด้านพลังจิตของเขาแทบจะว่างเปล่า
หากสามารถค้นหาความลึกลับและมหัศจรรย์ของพลังจิตได้จากร่างตู้คุนที่ตายไป เขาเชื่อว่าพลังในการต่อสู้ของเขายังสามารถยกระดับขึ้นได้อีก
“ไม่มี ไม่มีตำราใดๆ เลย”
พลิกหาไปทั่วร่างของตู้คุนแล้ว เนี่ยเทียนก็ยังไม่สามารถหาคาถาวิเศษเกี่ยวกับการฝึกพลังจิตใดๆ เจอ ในใจเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ในถุงผ้าคาดเอวของตู้คุน เขาหาเจอแค่หินวิเศษสิบกว่าก้อน และยังมีป้ายประจำตัวของลูกศิษย์สำนักภูตผีอีกหนึ่งป้าย
หลังจากหยิบเอาหินวิเศษระดับต่ำและป้ายประจำตัวของลูกศิษย์สำนักภูตผีขึ้นมาแล้ว เขาก็หรี่ตามองไปยังทิศทางที่ตู้คุนคิดจะหนีไปแล้วครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าลูกศิษย์สำนักภูตผี สำนักโลหิตที่มีโม่ซีและอวี๋ถงเป็หัวหน้า เวลานี้คงกำลังพยายามไล่ตามพวกอันอิ่งอย่างเต็มกำลัง
เขาไม่รู้ว่าพวกอันอิ่งจะสามารถไปรวมตัวกับเจิ้งปินที่เขตูเาไฟได้ก่อนที่โม่ซีและอวี๋ถงจะตามทันหรือไม่
“ข้าฆ่าเ้าหมอนี่ ทำให้สำนักภูตผีมีคนลดน้อยลงไปอีกคน ก็ถือว่าช่วยพวกเขาแล้ว หลังจากข้าจากมา ทางนั้นยังเหลือคนอีกสิบเก้าคน น่าจะพอต้านทานสำนักภูตผีและสำนักโลหิตได้”
“หากพวกเขาได้เจอกับเจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้ ภารกิจของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตในโลกมายามรกตน่าจะล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบ”
“ข้ามาที่โลกมายามรกตก็เพื่อฝึกฝนตัวเอง เนื้อสัตว์วิเศษเ่าั้...จำเป็ต้องเผาผลาญให้ได้เร็วที่สุด ถึงจะไม่เรียกว่าสิ้นเปลือง”
“ที่ข้าสามารถทำได้ก็คืออยู่ที่นี่ หวังว่าหลังจากทางฝ่ายสำนักภูตผีและสำนักโลหิตพบว่าคนผู้นี้ตายไปแล้วจะส่งคนมาสังหารข้าต่อ”
คิดมาถึงตรงนี้เขาจึงนั่งลงข้างศพของตู้คุน หลับตาฝึกบำเพ็ญตบะ
......
จุดลึกของทะเลทรายร้าง
อวี๋ถงแห่งสำนักโลหิตหยิบเอาเข็มทิศโลหิตออกมาตรวจสอบตำแหน่งของพวกอันอิ่งอีกครั้ง
“ใกล้มากแล้ว!”
โม่ซีก้มหน้าลงมองตำแหน่งที่เป็ตัวแทนของพวกอันอิ่ง แสยะปากยิ้มชั่วร้าย “อีกวันเดียวพวกเราก็จะตามไปทันพวกเขา สังหารพวกเขาได้ก่อนที่พวกเขาจะหนีออกไปจากทะเลทรายร้าง!”
เขามองเข็มทิศอีกครั้ง พอเห็นจุดสีเืที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวหนึ่งจุดก็กล่าวว่า “มีแค่จุดแสงจุดเดียว ตู้คุนน่าจะทำสำเร็จแล้ว”
“ท่าไม่ค่อยดีแล้ว” อวี๋ถงขมวดคิ้ว ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้าสังเกตเห็นว่าจุดแสงนั่นไม่ได้เคลื่อนที่ หากตู้คุนทำสำเร็จแล้วย่อมไม่มีทางหยุดอยู่ที่เดิมอย่างแน่นอน”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ ไม่เพียงแต่โม่ซีเท่านั้น ลูกศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักโลหิตและสำนักภูตผีต่างก็ตื่นตระหนกไปตามๆ กัน
“เ้าว่าอะไรนะ? เ้าจะบอกว่า... คนที่ตายก็คือตู้คุนรึ?” โม่ซีสีหน้ามืดคล้ำ
“ข้าก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก ไม่คิดว่าตู้คุนจะทำพลาด ทว่าความจริงก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว” อวี๋ถงกล่าวเนิบนาบ
โม่ซีเงียบงันไปครู่หนึ่งก็ออกคำสั่งกะทันหัน “ซ่งเหิง! เ้าตามไปดูสิ!”
“อย่า” อวี๋ถงเอ่ยห้ามด้วยความสงบ “ในเมื่อคนที่ตายคือตู้คุน ซ่งเหิงไปคนเดียวก็ใช่ว่าจะปลอดภัย แต่หากส่งคนไปมากกว่าเดิม พวกเราก็จะมีคนไม่พอ ต่อให้ไล่ตามพวกคนของหอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋นทันก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าจะชนะ”
“เขาฆ่าตู้คุน! เขาต้องตาย!” โม่ซีตวาด
“ข้าเข้าใจ” อวี๋ถงพยักหน้า “ความหมายของข้าก็คือพวกเราต้องแยกแยะความสำคัญให้ได้ รอพวกเราฆ่าทั้งสิบเก้าคนนั้นแล้ว เมื่อกลับมาอีกครั้งก็จะสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย”
“ในเมื่อเขายังคงอยู่ที่ทะเลทราย มีเข็มทิศโลหิตอยู่ในมือ เขาหนีไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรเสียข้าก็ต้องหาเขาเจอ”
โม่ซีคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รู้ว่าการตัดสินใจของนางนั้นชาญฉลาด “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ก็แล้วกัน ปล่อยให้เขาได้มีชีวิตอยู่อีกสักสองสามวัน!”
......
หลังจากจัดการกับตู้คุนเสร็จ ขณะที่เนี่ยเทียนกำลังกลืนกินเนื้อของสัตว์วิเศษ ก็เปลี่ยนมาเป็ระมัดระวังตัวมากขึ้น
เขามักจะปล่อยกระแสจิตออกไปตลอดเวลา เพื่อทดสอบคลื่นชีวิตที่อยู่รอบด้าน เขากำลังป้องกันคนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตที่อาจจะตามมาภายหลัง ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา
ทว่าสองวันหลังจากนั้น เขากลับไม่ได้เผชิญหน้ากับศัตรู
จากเวลาสองวันนี้ เนื้อของกิ้งก่าดินถูกเขากินเข้าไปอีกไม่น้อย ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น
มหาสมุทริญญาของเขาก็ขยายไปแล้วถึงแปดส่วน ขอแค่ให้เวลาเขาอีกสามวัน เขาเชื่อว่าจะต้องสามารถฝ่าทะลุหลอมลมปราณแปดได้!
“ขั้นที่แปด!”
พอนึกถึงว่าเมื่ออยู่ในโลกมายามรกต เขาสามารถฝ่าทะลุจากหลอมลมปราณขั้นหกไปยังขั้นแปดได้โดยตรง เขาก็แอบฮึกเหิมอยู่กับตัวเอง
ขอแค่ตอนอายุสิบห้าสามารถบรรลุถึงหลอมลมปราณขั้นเก้า เขาก็จะถูกสำนักหลิงอวิ๋นมารับตัวขึ้นูเา กลายเป็ลูกศิษย์ที่แท้จริงของสำนักหลิงอวิ๋น!
หากกลายเป็ลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นได้สำเร็จ ตำแหน่งของท่านตาของเขาในตระกูลเนี่ยก็จะเพิ่มขึ้นตามเขาไปด้วย
ความอัปยศทั้งหมดที่ป้าใหญ่ของเขาได้รับมาหลายปีนี้ บางทีอาจจะได้ทวงคืนความยุติธรรมเพราะเขาก็เป็ได้
“ข้ารับปากท่านป้าใหญ่ไว้ว่าจะต้องกลายเป็ลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นให้ได้! รอข้าเดินออกไปจากโลกมายามรกตเมื่อไหร่ อีกไม่นานนักข้าก็น่าจะทำคำสัญญาให้กลายเป็จริง!”
เขากัดเนื้อสัตว์วิเศษอย่างแรง กลืนเข้าไปคำใหญ่ แล้วก็เริ่มชุบหลอมมหาสมุทริญญาให้แผ่กว้างอีกครั้ง
เวลาค่อยๆ ผันผ่านไป
เวลาสามวันพริบตาเดียวก็หมดลง เนื้อสัตว์วิเศษเ่าั้ที่เหลืออยู่ก็ถูกเขากินเข้าไปหมดแล้ว
เขาที่หลับตาทั้งคู่แน่น นั่งนิ่งสงบอยู่กับที่ กำลังใช้คาถาหลอมลมปราณชักนำพลังงานเ่าั้ไปเปลี่ยนแปลงมหาสมุทริญญาในจุดตันเถียน
เขาที่ตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะ มีความสามารถในการรับััที่เฉียบคมอย่างถึงที่สุด เขาพลันััได้ว่าความรู้สึกร้อนอบอ้าวตลอดเวลาที่อยู่ในทะเลทรายร้างเริ่มลดน้อยลง
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ รูขุมขนของเขาจึงค่อยๆ ตั้งชันขึ้น
เขาที่รู้ถึงความผิดปกติ หยุดการเปลี่ยนแปลงมหาสมุทริญญารอบสุดท้ายชั่วคราว ปลดปล่อยกระแสจิตขยายออกไปรอบด้าน
เขาเข้าใจว่าคนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตมาตามหาตัวเขา
คลื่นชีวิตที่เปี่ยมล้นอย่างถึงที่สุดระลอกหนึ่งพลันพุ่งเข้าสู่จิตใจของเขา เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที หันขวับไปมองยังทิศทางหนึ่ง
กระแสจิตของเขาที่แผ่ออกไปััได้ถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก ปราณเืเข้มข้นถึงระดับนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของมนุษย์!
“สัตว์วิเศษ! สัตว์วิเศษระดับสองเช่นเดียวกับกิ้งก่าดิน!”
เขาลุกพรวดขึ้นยืน จ้องเขม็งไปยังทิศทางที่กระแสจิตััถึง ตั้งท่าพร้อมรบเต็มที่
เป็ดังที่คาดเอาไว้!
สิบกว่าวินาทีต่อมา เส้นสายตาที่เขามองไปพลันมีเรือนร่างขนาดั์ร่างหนึ่งโผล่ออกมา!
“งูเหลือมน้ำแข็งั์!” เนี่ยเทียนตะลึงลาน
งูเหลือมน้ำแข็งั์ตัวนั้นที่ทุกคนตามหาอย่างยากลำบากตอนอยู่ในเขตเกาะน้ำแข็ง แต่กลับไม่เจอแม้แต่ร่องรอยของมัน ยามนี้มาปรากฏตัวอยู่ที่ทะเลทรายร้างอย่างน่าพิศวง!
งูเหลือมน้ำแข็งั์คือสัตว์วิเศษระดับสองตัวหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกมายามรกต อีกทั้งงูเหลือมตัวนี้ก็ดูเหมือนว่าจะมีสติปัญญาในระดับที่ไม่ต่ำด้วย
ในเกาะน้ำแข็ง พองูเหลือมน้ำแข็งั์เห็นกิ้งก่าดินได้รับาเ็และหนีไป มันจึงหนีไปทันควันเช่นกัน
ตอนที่อยู่ในเกาะน้ำแข็งเหมือนมันจะรู้ว่าทุกคนกำลังตามจับเพื่อสังหารมันอยู่ ดังนั้นจึงซ่อนตัวเอาไว้ตลอดเวลา ไม่เคยเผยร่างให้เห็น
ไม่เหมือนกับกิ้งก่าดิน มันไม่เคยถูกอันอิ่ง เจิ้งรุ่ยทำร้ายมาก่อน เพียงแค่สูญเสียพละกำลังไปนิดหน่อยเท่านั้น เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ มันก็น่าจะฟื้นตัวได้นานแล้ว
นี่หมายความว่า ที่ตอนนี้เนี่ยเทียนกำลังเผชิญหน้าอยู่ คืองูเหลือมน้ำแข็งั์ที่อยู่ในสภาวะพร้อมรบสูงสุดแล้ว!
-----