“อืม” เซี่ยเจิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งขยับตัวหันไปด้านข้าง... ความเคยชินของชวีเสี่ยวปอที่ชอบมือไม้อยู่ไม่สุขเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เป็ปัญหาอะไร แต่มันกลับทำให้ตัวเขารู้สึก
ทนไม่ไหว
“ต้องตุ๋นซี่โครงด้วยสินะ” ชวีเสี่ยวปอไม่ได้สนใจการแสดงออกที่ยากจะอธิบายได้นี้ของเซี่ยเจิงเลยแม้แต่น้อย แต่สายตาเขากลับมองไปยังซี่โครงหมู “ทำอะไรดี? ตุ๋นน้ำแดงไหม? ”
“ได้หมดเลย” เซี่ยเจิงแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง เพื่อระงับความรู้สึกแปลกๆ อย่างว่าที่ก่อตัวขึ้นมาตรงบริเวณท้องน้อย “แม่ฉันไม่กิน มีแค่เราสองคนกิน นายชอบแบบไหน? ”
“ฉันชอบดูนายทำ” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะอย่างมีเลศนัยขึ้นมา แล้วจึงแกะถุงพลาสติกที่ใส่ซี่โครงเอาไว้ออกมา “ตุ๋นน้ำแดงก็ได้”
“เริ่มเลยพ่อครัวน้อย” เซี่ยเจิงก้มลงไปหากะละมังจากตู้ด้านล่างขึ้นมา “เดี๋ยวฉันเป็ลูกมือให้เอง”
“นายบอกวิธี เดี๋ยวฉันลงมือทำเอง โอเคไหม” ชวีเสี่ยวปอก็ถือว่ายังรู้ระดับความสามารถของตัวเอง ถ้าเขาลงมือทำเองคนเดียว ไม่แน่ว่าคืนนี้พวกเขาทั้งสามคนอาจจะต้องกินลมจนอิ่มเป็แน่
“ได้” เซี่ยเจิงยื่นกะละมังส่งให้ชวีเสี่ยวปอ “ขั้นแรกล้างซี่โครงก่อน”
“โอเค” ชวีเสี่ยวปอหยิบซี่โครงมาใส่ไว้ในกะละมัง จากนั้นก็เปิดก๊อกน้ำให้น้ำไหลลงไป “นี่ เซี่ยเจิง นายทำกับข้าวเป็ั้แ่เมื่อไหร่เหรอ? ”
“ฉันน่ะเหรอ? ” เซี่ยเจิงวางมือค้ำไว้บนเขียง แล้วหรี่ตาลงนึกอยู่สักพักหนึ่ง “น่าจะประมาณหลังจากที่แม่ฉันหย่า? ที่จริงเมื่อก่อนก็ทำเป็นิดๆ หน่อยๆ พวกอาหารง่ายๆ อย่างมะเขือเทศผัดไข่อะไรทำนองนี้ ต่อมาพอเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วยิ่งทำก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ หลายปีก่อนตอนที่แม่ฉันร่างกายไม่แข็งแรงเอามากๆ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะลาออกจากโรงเรียนแล้วไปเป็พ่อครัวดีไหม ได้เรียนรู้ได้ฝึกฝีมือก็ดีอยู่เหมือนกันนะ”
“อ่อ” เมื่อชวีเสี่ยวปอได้ยินคำว่า “หลังจากหย่า” เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะพูดอะไรผิดไปอีกแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เห็นภาพของเซี่ยเจิงในตอนเด็กที่ยืนอยู่หน้าเตาไฟและกำลังยุ่งอยู่กับกระทะ ทั้งยังใช้แรงในการกวัดแกว่งตะหลิวไปมาแวบขึ้นมาในหัวของเขา ถึงแม้มันจะดูสนุกอยู่ไม่น้อย แต่ความรู้สึกส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมากลับคือความปวดใจ โดยเฉพาะความรู้สึกที่เด่นชัดออกมาว่า “ถูกบังคับให้เติบโต” ถ้าหากชวีเสี่ยวปอไม่ได้เพิ่งจะล้างซี่โครงเสร็จ เขาก็อยากที่จะดึงเซี่ยเจิงเข้ามากอดครู่หนึ่งอยู่เหมือนกัน “ล้างเสร็จแล้ว แล้วยังไงต่อ”
“เติมน้ำให้เต็มหม้อ” เซี่ยเจิงสั่ง “เพราะต้องเอาซี่โครงไปลวกให้เืออกไปให้หมด”
น่าสนใจมาก
เซี่ยเจิงมองใบหน้าด้านข้างของชวีเสี่ยวปอ เขากำลังเติมน้ำใส่หม้อ ปากก็พึมพัมคำพูดของเซี่ยเจิงซ้ำอีกรอบ ทำราวกับว่าถ้าหากไม่พูดหลายรอบเขาก็จะลืมมันไปอย่างง่ายดาย ห้องครัว สถานที่เช่นนี้ช่างไม่เหมาะกับชวีเสี่ยวปอเอาเสียจริงๆ ดังนั้นมันจึงทำให้เขาดูเงอะๆ งะๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ในขณะนั้นเซี่ยเจิงก็มองเห็นบางอย่างบนตัวของชวีเสี่ยวปอด้วยเช่นกัน
ไม่ได้เป็ความเ็าที่จะปฏิเสธผู้คนให้อยู่ห่างออกไป แต่กลับเป็ความมีชีวิตชีวาที่ปราศจากการตั้งรับป้องกัน
ชวีเสี่ยวปอหยิบซี่โครงมาใส่ลงในหม้อ แล้วเขาก็บิดจุกลูกบิดของเตาแก๊สจนไฟติด หลังจากนั้นจึงถอนหายใจยาวออกมา
“ทำให้นายลำบากใจหรือเปล่าเนี่ย? ” เซี่ยเจิงหยิบขิงแผ่นและต้นหอมที่เพิ่งหันเสร็จเมื่อครู่โยนใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นก็เหยาะเหล้าสำหรับประกอบอาหารใส่ลงไปด้วยเล็กน้อย
“ไม่ใช่ น่าจะเป็เพราะเรียนทำอาหารครั้งแรก” ชวีเสี่ยวปอกดน้ำยาล้างมือออกมา แล้วล้างคราบน้ำมันบนมือออกให้สะอาด “แล้วอีกอย่างความรู้สึกที่ใช้มือจับเนื้อโดยตรงมันรู้สึกสะอิดสะเอียนนิดหน่อย”
“ความรู้สึกัั ใช่ไหมล่ะ” เซี่ยเจิงพยักหน้าแสดงถึงความเข้าใจ พูดไปด้วยพลางเอามือคลำไปในกระเป๋ากางเกงด้วย
“ไม่ใช่ว่ารู้สึกกลุ้มใจถึงค่อยสูบเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอถาม
“ง่วงนิดหน่อยน่ะ” เซี่ยเจิงหาว แล้วดึงมือออกมาขยี้ตา “ช่างเถอะไม่สูบแล้วก็ได้ เดี๋ยวตอนกินข้าวแม่ฉันจะได้กลิ่นเอา”
“ฉันรู้สึกว่าคุณป้าดูเชื่อฟังนายมากเลยนะ” ชวีเสี่ยวปอยิ้ม “ระหว่างนายกับแม่ เหมือนนายจะดูแลแม่กว่าเลย”
“ไม่งั้นล่ะ” เซี่ยเจิงเอียงคอพลางยิ้มออกมาด้วย
ชวีเสี่ยวปอมองรอยยิ้มอันไม่สะทกสะท้านนั้นจนผงะไปอยู่ครู่หนึ่ง
ใช่แล้ว ไม่งั้นล่ะ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะผ่านวัยที่พอไม่ได้รับความเป็ธรรมก็กลับไปร้องไห้กับแม่มานานแล้ว แต่ในความจริงเซี่ยเจิงอาจจะไม่มีวัยนี้เลยก็ได้ ซ้ำยังต้องช่วยแม่ทำความเข้าใจและแบกรับความไม่เป็ธรรมมากมายไปด้วยกันอีก
ชวีเสี่ยวปอไม่รู้ว่าทำไมเมื่อนึกเื่เช่นนี้ของเซี่ยเจิงขึ้นมาทีไร เขาถึงได้อารมณ์อ่อนไหวง่ายขึ้นมาทุกที และถ้าหากจำเป็จะต้องหาสาเหตุ นั่นก็คงจะเป็เพราะประจำเดือนใกล้จะมาแล้ว...บ้าเหรอ เป็เพราะอากาศที่เย็นขึ้นจึงทำให้อารมณ์และจิตใจของผู้คนไม่ดีตามไปด้วย
“จะเรียนรู้จากพี่เจิงนะครับ” ชวีเสี่ยวปอเปิดฝาหม้อขึ้นมาดู แล้วซี่โครงก็เปลี่ยนสีไปเป็ที่เรียบร้อย บนหม้อยังมีฟองของเืลอยอยู่ด้วย “อีกเดี๋ยวพี่เจิงต้องกินซี่โครงหลายอันหน่อยนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว นายเข้าครัวครั้งแรกนี่” เซี่ยเจิงชะโงกศีรษะไปดู “ตักซี่โครงขึ้นมาได้เลย”
“แล้วหลังจากนั้นละ? ” ชวีเสี่ยวปอตักซี่โครงขึ้นมาวางไว้ในกะละมัง พร้อมทั้งถามออกไปด้วย
“เตรียมผัด” เซี่ยเจิงพูด “พยายามทำให้น้ำแห้งมากที่สุด”
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะเื่อะไรก็ตามถ้าเป็ครั้งแรกก็คงจะเป็เช่นนี้ ดังนั้นตอนที่เทน้ำมันมือเขาก็สั่นไปทั้งมือ และทำให้น้ำมันถูกเทลงไปเกือบหมดขวด
“ผัดซี่โครงนะไม่ได้ทอดปาท่องโก๋” เซี่ยเจิงหลุดขำออกมา
“แล้วทำยังไงละทีนี้ !” ชวีเสี่ยวปอหยิบกระบวยขึ้นมากำลังเตรียมที่จะตักน้ำมันออกมาอย่างรีบร้อน
“ช่างมันเถอะ ใส่น้ำมันเยอะหน่อยก็ไม่เป็ไร”
น้ำมันมีควันสีขาวแผ่ปกคลุมขึ้นมาแล้ว แต่ใบหน้าของชวีเสี่ยวปอกลับเต็มไปด้วยความกล้าหาญไม่กลัวตาย ราวกับว่าเขาไม่ได้จะผัดกับข้าว แต่กำลังจะพลีชีพอย่างกล้าหาญ
“ตอนใส่ลงไปต้องทำเร็วๆ หน่อยนะ เพราะเดี๋ยวน้ำมัน...”
ะโถอยออกมา
เซี่ยเจิงยังไม่ทันได้พูดจบ ก็เห็นชวีเสี่ยวปอหยิบกะละมังใบเล็กนั้นเทลงไปในกระทะด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็มีเสียงดีดของน้ำมันดังขึ้นมา และตามาด้วยเสียงดังลั่นของชวีเสี่ยวปอว่า “บ้าเอ๊ย” ทันใดนั้นทั้งตัวของชวีเสี่ยวปอก็แทรกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเซี่ยเจิง
กอดเอาไว้โดยใช้ทั้งมือและเท้า
ท่าทางเหมือนกับถอดแบบโคอาลามาอย่างไรอย่างนั้นเลย
การะโเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวนั้น ทำให้เซี่ยเจิงจำต้องถอยหลังไปสองก้าว มือก็ประคองชวีเสี่ยวปอไว้ สะโพกพิงอยู่ที่อ่างล้างจาน ซึ่งมันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะยืนอย่างมั่นคงขึ้นมาได้ เพราะเดิมทีชวีเสี่ยวปอเองก็สูงพอๆ กับเขาอยู่แล้ว ท่าทางที่ชวีเสี่ยวปอมากอดอยู่บนตัวเขาเช่นนี้จึงสลัดให้หลุดออกไปได้ยากกว่าปกติ พอเซี่ยเจิงขยับ เขาก็เหมือนถูกลากให้เดินไปด้วย
“นี่มันะเิดินปืนชัดๆ !!!”
ชวีเสี่ยวปอยังไม่รู้สึกตัวว่ามีอะไรผิดปกติไป ยังคงกอดอยู่บนตัวของเซี่ยเจิงแล้วะโออกไปด้วยความใว่า “ทำไมน้ำมันมันกระเด็นออกมาหมดเลย !”
“น้ำต้มซี่โครงเทไม่หมดน่ะสิ” ตอผมแข็งๆ ของเ้าหัวกีวีขยับไปมาตรงใต้คางของเขาอยู่ตลอด รู้สึกจั๊กจี้สุดๆ เซี่ยเจิงจึงต้องเอียงศีรษะไปทางด้านข้าง “กระเด็นโดนตัวแล้วเหรอ พองหรือเปล่า? ”
“เปล่า ฉันแค่ใน่ะ” และในที่สุดชวีเสี่ยวปอก็ปล่อยมือออกจากเซี่ยเจิงแล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ ไถลลงมาจากบนตัวของเซี่ยเจิง
“นายขี้ขลาดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? ” เซี่ยเจิงตบหลังเขาไปเบาๆ แล้วค่อยชักมือกลับมาโดยที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
เห็นๆ อยู่ว่ามันไม่มีอะไร แต่ทั้งสองคนกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา
แปลกประหลาด
อธิบายไม่ถูก
ไม่คาดคิดมาก่อน
แต่ทว่าเสียงน้ำมันกระเด็นก็ค่อยๆ เบาลงไป เซี่ยเจิงรีบเก็บกะละมังใบที่ชวีเสี่ยวปอโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีเมื่อครู่ขึ้นมาล้างให้สะอาด จากนั้นเขาก็กลับด้านซี่โครงในกระทะไปหนึ่งรอบ
“มันไหมไปนิดนึงหรือเปล่าอะ” ชวีเสี่ยวปอสูดหายใจเข้าไป
“นิดหน่อย ไม่ได้ร้ายแรงอะไร” เซี่ยเจิงเทขิงและกระเทียมสับใส่ลงไป แล้วจึงผัดไปมา ทันใดนั้นกลิ่นหอมก็โชยออกมาทันที
“ให้ตายเถอะ หอมมาก” แม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้น แต่ชวีเสี่ยวปอก็ยังคงหวาดกลัวอยู่ เขายืนห่างไปไกลมากทำเพียงชะโงกศีรษะเข้ามาดู
“พ่อครัวน้อย” เซี่ยเจิงรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องที่ด้านหลังศีรษะของตัวเองอยู่ “เมื่อกี้ฉันนึกว่านายจะคว่ำกระทะแล้วซะอีก”