เยี่ยโยวเหยาหันกลับมา สายตาเ็าเฝ้ามองซูจิ่นซีเดินกลับเข้าไปในเรือนอวิ๋นไคอย่างเงียบงันก่อนที่ตนเองจะหันหลังกลับไปยังตำหนักฝูอวิ๋น
เมื่อใกล้ถึงหน้าประตูตำหนักก็พูดกับหลินเฟิงว่า “ให้ฉินเทียนไปสืบ! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ในใจหลินเฟิงเต็มไปด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องใส่ใจพระชายาทว่าเหตุใดจึงไม่ยอมรับคำขอของพระชายาต่อหน้าเล่า?
เมื่อครู่พระชายาจะต้องเข้าใจผิด คิดว่าท่านอ๋องไม่ยอมช่วยนางเป็แน่ ท่านอ๋อง...เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้เล่า?
ซูจิ่นซีกลับเข้ามาในเรือนอวิ๋นไค
ตอนนี้ไม่มีเื่ให้นางทำ เื่คดีของฮองเฮา แม้นาง้ารีบร้อนสืบหาแต่ก็ไม่สามารถรีบร้อนได้ดังนั้นซูจิ่นซีจึงทำได้เพียงย้ายดอกไม้สองสามกระถางที่ปลูกไว้ไปมา
“พระชายา พ่อบ้านมาแล้วเพคะ! ”
แม่นมฮวาะโมาจากหน้าเรือน
“เชิญเข้ามา! ”
“พ่อบ้าน มีเื่อันใดหรือ? ” หลังจากที่พ่อบ้านเข้ามาซูจิ่นซีก็เอ่ยถาม
“เรียนพระชายา มีคนจากจวนแม่ทัพฮั่วมาพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าแม่ทัพฮั่ว...ขุนพลหนุ่มถูกพิษ้าเชิญพระชายาไปดูเสียหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
“เื่นี้ท่านอ๋องทรงทราบหรือไม่? ”
“กระหม่อมได้รายงานให้ท่านอ๋องทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องบอกว่ารับฟังความคิดเห็นของพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
ซูจิ่นซีอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางตำหนักฝูอวิ๋นผ่านหน้าต่างภายในใจของนางอุ่นวาบขึ้นมา
ดูเหมือนว่าเื่บางอย่าง เยี่ยโยวเหยายังคงเคารพสิทธิของนางอยู่!
เยี่ยโยวเหยายอมให้เกียรติอาชีพแพทย์ของนาง เมื่อได้ยินว่ามีผู้ป่วยถูกพิษแน่นอนว่านางจะต้องเป็คนแรกที่ตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธทันทีหรือควบคุมการกระทำของนาง
“ได้ เ้าให้คนของจวนสกุลฮั่วรอหน่อย ข้าเตรียมตัวเสร็จแล้วจะออกไป”
“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”
ซูจิ่นซีเก็บกระเป๋ารักษาพยาบาลของตนอย่างรวดเร็ว และพาลวี่หลีไปด้วย
ก่อนออกจากประตู ซูจิ่นซีก็นึกถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้กะทันหันเยี่ยโยวเหยามิใช่ว่ายังไม่ตอบรับนางเื่จะช่วยสืบเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของฮองเฮาหรอกหรือ?ซูจิ่นซีไม่ทราบว่าเยี่ยโยวเหยาชอบสิ่งใด เมื่อออกไปข้างนอกแล้ว นางจะได้หาซื้อของที่เขาชอบนำมาถวายให้กับเขาเพื่อเอาใจเสียหน่อยถือโอกาสกระชับความสัมพันธ์ ไม่แน่ว่าอาจจะพอมีความหวังให้เขาช่วยสืบเื่ให้
“แม่นมฮวา ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านอ๋องชอบสิ่งใด? ”
“ชอบสิ่งใดอย่างนั้นหรือเพคะ... ”
แม้แม่นมฮวาจะเห็นเยี่ยโยวเหยามาั้แ่เล็กจนโต ทว่านี่เป็ครั้งแรกที่มีคนถามคำถามเช่นนี้เหมือนกับว่าหลายปีมานี้ทุกคนล้วนทราบดีว่าท่านอ๋องไม่ชอบสิ่งใด ทว่ากลับไม่มีผู้ใดทราบว่าท่านอ๋องโปรดปรานสิ่งใด
แม่นมฮวามองรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าของซูจิ่นซี ดูเหมือนว่าซูจิ่นซี้าจะซื้อของบางอย่างที่ท่านอ๋องชอบเพื่อเอาใจเขา!แม่นมฮวาไม่อยากพลาดโอกาสที่พวกเขาจะได้กระชับความสัมพันธ์ด้วยเหตุนี้จึงครุ่นคิดอยู่นาน
“เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในวังมีคนส่งสุราดอกเหมยจากหอสุราตู้คัง [1] นอกเมืองมาให้ท่านอ๋องราวสองถึงสามไหหลังจากท่านอ๋องเสวยหมดก็สั่งให้ฉินเทียนไปซื้อมาอีกสองสามไหหลายปีนี้ข้าน้อยเห็นท่านอ๋องพบเจอสุราดอกเหมยจากหอสุราตู้คังทีไรก็จะเสวยเสียหลายจอกหน่อยเพคะพระชายา... มิเช่นนั้นท่านลองถวายสุราดอกเหมยให้ท่านอ๋องดูดีหรือไม่เพคะ? ”
“ตกลงตามนั้น! ”
ซูจิ่นซียิ้มอย่างงดงามสดใสเป็พิเศษ
จวนสกุลฮั่วส่งคนมารับซูจิ่นซีโดยเฉพาะ ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึงจวนสกุลฮั่ว
พอเดินเข้าประตูมา ซูจิ่นซีก็เจอบุคคลสองคนที่ไม่อยากจะพบมากที่สุด
ฮั่วอวี้เจียวและหวาหรงจวิ้นจู่
โลกนี้ช่างกลมเสียจริง วันเดียวได้พบพวกนางถึงสองครั้ง
“ซูจิ่นซี เ้ามาทำกระไรที่นี่? ”
เมื่อหวาหรงจวิ้นจู่เห็นซูจิ่นซีก็พลันไม่สบอารมณ์
“ข้ามาตามคำเชิญของท่านแม่ทัพฮั่ว มาเพื่อถอนพิษให้กับหัวหน้าขุนพลฮั่ว ไม่ได้มาเป็ปรปักษ์กับพวกเ้า”
“เหอะ ข้าไม่ได้ฟังผิดกระมัง? ซูจิ่นซีเ้าบอกว่าเ้ามาถอนพิษให้ท่านพี่ซืออวี่? พวกเราต้องพึ่งเ้าหรือ? ”
ซูจิ่นซีจ้องไปยังดวงตาของหวาหรงจวิ้นจู่อย่างไม่แสดงความอ่อนแอแววตาของนางเต็มไปด้วยความแน่วแน่มั่นใจ ก็ต้องพึ่งนางอย่างไรเล่า
“เหอะ! ”
หวาหรงจวิ้นจู่หัวเราะเยาะเย้ย
“ซูจิ่นซี มีผู้ใดบ้างไม่ทราบว่าเมื่อก่อนเ้าเป็เพียงคนโง่ผู้หนึ่งเดิมทีซูจ้งไม่ได้สอนทักษะอันใดเกี่ยวกับการแพทย์ให้เ้าเลยคาดไม่ถึงว่าเ้าจะคุยโวโอ้อวดว่าเ้าสามารถถอนพิษได้ ช่าง... หน้าไม่อายเสียจริงหน้าไม่อายเสียจนแม้แต่ผียังกลัวเลย”
หวาหรงจวิ้นจู่จงใจเน้นน้ำหนักเพียงคำหลังไม่กี่คำ
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างเ็า ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงเื่ไร้สาระกับพวกนางให้มากความซูจิ่นซีเดินอ้อมผ่านหวาหรงจวิ้นจู่และเดินตรงเข้าไปพร้อมกับผู้นำทางในทันที
“หยุดนะ! ”
คราก่อนในร้านจวีเซียงฟางที่พบกับซูจิ่นซีนั้น ฮั่วอวี้เจียวยังคงรักษาภาพลักษณ์ของสตรีผู้สูงศักดิ์และสุภาพให้เกียรติต่อซูจิ่นซีทัศนคติเช่นนั้น ทว่าในครานี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
ฮั่วอวี้เจียวก้าวเดินไปข้างหน้าซูจิ่นซีทีละก้าวๆ อย่างไม่เกรงใจ
“พระชายาโยวอ๋อง ไม่ว่าเ้าจะถอนพิษได้หรือไม่ แต่ที่นี่เป็สกุลฮั่วที่นี่ไม่ต้อนรับเ้า เชิญเ้าออกไป”
ซูจิ่นซีหรี่ตาเล็กน้อย มองไปที่ฮั่วอวี้เจียว
ใช่ว่านางจะเดินออกไปไม่ได้ เื่เช่นนี้นางเองไม่รีบร้อนอยู่แล้วนางจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับธุระกงการของชาวบ้านให้มากเื่อย่างเด็ดขาด
ทว่าซูจิ่นซีรับรองได้ว่า วันนี้ฮั่วซืออวี่คงถูกพิษในปริมาณมากและต้องเป็อันตรายมากเช่นกันนอกจากนั้นสกุลฮั่วได้ตามหมอหลวงมารักษาแล้วอย่างแน่นอน ทว่าในสถานการณ์ที่หมอหลวงไม่มีวิธีรักษาแล้วจึงได้มาตามนาง
“คุณหนูฮั่ว วันนี้หากข้าก้าวออกจากประตูจวนสกุลฮั่วของพวกเ้าแล้วหากอยากเชิญข้าเข้ามาอีก จะต้องมีของแลกเปลี่ยนแล้วนะ หวังว่าพวกเ้าจะไม่เสียใจภายหลังลวี่หลี พวกเรากลับ! ”
หลังจากที่ซูจิ่นซีเอ่ยจบ ก็เดินออกจากจวนสกุลฮั่วอย่างไม่คิดหันหลังกลับมามอง
ทว่าซูจิ่นซียังไม่ทันได้ขึ้นรถม้า ก็มีเสียงของฮูหยินนางหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง
“พระชายาโยวอ๋อง โปรดรอก่อนเพคะ! ”
ซูจิ่นซีหันศีรษะกลับมา เห็นเป็ฮูหยินที่เกล้ามวยผมงดงาม นางสวมเสื้อผ้าสีเหลืองอมส้มเข้มดูจากลักษณะนิสัยและการแต่งตัวแล้ว เดาได้ว่าอาจเป็ฮูหยินฮั่ว
“หม่อมฉันฮั่วซื่อ คารวะพระชายาโยวอ๋องเพคะ”
ฮั่วซื่อคำนับซูจิ่นซี
“ท่านป้า ท่านฐานะใด ซูจิ่นซีฐานะใด ท่านไม่ต้องสุภาพกับนางถึงเพียงนี้ มันจะเป็การลดคุณค่าของท่านลง”
หวาหรงจวิ้นจู่ที่ตามมาด้านหลังกล่าวขึ้น
ฮูหยินฮั่วสงบนิ่งอย่างยิ่ง นางขมวดคิ้วมุ่น “องค์หญิงตามลำดับชั้นยศ หม่อมฉันไม่เกินระดับเก้า พระชายาระดับสี่ หม่อมฉันพบพระชายา ตามกฎธรรมเนียมปฏิบัติต้องเคารพพระชายาเพคะ”
“ถุย นางเป็พระชายาระดับสี่ที่ใดกันเล่า? นางพึ่งเพียงฐานะของเสด็จอาโยวอ๋องของข้านะสิ”
“องค์หญิงอย่าพูดเช่นนั้นเพคะ พระชายาได้รับอภิเษกสมรสพระราชทานตามพระราชโองการอีกทั้งท่านอ๋องยังอภิเษกสมรสอย่างถูกต้องตามประเพณีด้วย”
แม้สถานะของฮูหยินฮั่วจะต่ำศักดิ์กว่าหวาหรงจวิ้นจู่ ทว่าฮูหยินฮั่วเป็ป้าแท้ๆของหวาหรงจวิ้นจู่ นางมักจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับผู้าุโเสมอ
หวาหรงส่งเสียงหึออกทางจมูกอย่างเ็า นางหันกลับมาทำปากบึ้งตึง และไม่เอ่ยอันใดอีก
“พระชายากรุณาให้เกียรติมา หม่อมฉันผิดที่ไม่ได้ให้การต้อนรับ ขอให้พระชายาโปรดอภัยด้วยเพคะ” ฮูหยินฮั่วกล่าวขอโทษต่อซูจิ่นซี
ซูจิ่นซียิ้มแล้วพยักหน้า
“พระชายา บุตรชายหม่อมฉันถูกพิษร้ายแรง ขอให้พระชายาช่วยชีวิตด้วยเพคะ!”
จบคำของฮูหยินฮั่ว ทันใดนั้นก็มีเสียง “ตุบ” ฮูหยินฮั่วคุกเข่าลงกับพื้น
“ฮูหยินฮั่ว ใช่ว่าข้าไม่ยอมช่วย เพียงแต่เมื่อครู่ข้าได้เข้ามายังจวนสกุลฮั่วแล้วเป็เพราะธรณีประตู [2] จวนสกุลฮั่วของเ้าสูงเกินไปพระชายาอย่างข้าดูเหมือนจะไม่เป็ที่ต้อนรับนัก! ”
ฮูหยินฮั่วเข้าใจความหมายในทันที นางดึงแขนเสื้อของฮั่วอวี้เจียว “พระชายา เป็เพราะอวี้เจียวยังเด็กไม่รู้ความเพคะ นางลบหลู่พระชายาแล้วขอท่านได้โปรดอภัยให้ด้วย บุตรชายของหม่อมฉันตอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียงความเป็ความตายรออยู่ตรงหน้า เื่ของชีวิตคนมีความสำคัญใหญ่หลวงยิ่ง ขอพระองค์โปรดตามหม่อมฉันเข้าไปเถิดเพคะ!”
น่าเสียดาย ฮูหยินฮั่วทางนี้ก็วิงวอนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ทว่าฮั่วอวี้เจียวนั้นกลับดูเหมือนคนปกติที่ไม่รู้เื่ไม่รู้ราวอย่างไรอย่างนั้นนางเงยหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสราวกับนกยูง ไม่คิดที่จะยอมแพ้แก่ซูจิ่นซีเลย
บัดนี้ซูจิ่นซีได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุระกงการของจวนสกุลฮั่ว
เหตุผลไม่ใช่เพียงเพราะฮั่วอวี้เจียวเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือทั้งจวนสกุลฮั่วนอกจากฮูหยินฮั่วแล้ว เดิมทีก็ไม่มีผู้ใดให้ความสำคัญกับนางเลย
ในเมื่อฮูหยินฮั่วทราบข่าวว่าซูจิ่นซีมาถึงแล้ว แม่ทัพฮั่วก็ควรทราบด้วยใช่หรือไม่?หากปฏิบัติตามมารยาทของจงหนิงอย่างเคร่งครัด ซูจิ่นซี...พระชายาโยวอ๋องให้เกียรติมาที่จวนเช่นนี้แม่ทัพฮั่ว...ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่ควรกระทำก็คือพาทุกคนออกมาต้อนรับทว่าจนถึงตอนนี้ แม้แต่เงาของแม่ทัพฮั่วก็ยังไม่ปรากฏให้เห็นเลย
ความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นใช้หาผลประโยชน์เข้าตัวเช่นนี้ทั้งความรู้สึกเลินเล่อไม่สนใจและยังต้องถูกสงสัยนี่ มันช่างน่าอึดอัดเสียจริง
......
เชิงอรรถ
[1] ตู้คัง บุคคลในประวัติศาสตร์จีนผู้คิดค้นวิธีการผลิตสุรา (ในสมัยราชวงศ์โจว)
[2] ธรณีประตู คือคำเปรียบเปรยหมายถึง การเอาเปรียบผู้อื่น ฐานะสูงส่ง หรือคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้