ทันทีที่จวินจิ่วเฉินขยับเขยื้อน เฉิงอี้เฟยกับจวินฮั่นหยิ่นก็สังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหว ทว่าเมื่อพวกเขาไล่ตามมาถึงกลับไม่พบร่องรอยอะไรสักอย่าง
เฉิงอี้เฟยกระวนกระวายใจแล้ว “คนล่ะ? ”
จวินฮั่นหยิ่นแปลกใจมาก “เร็วเหลือเกิน! ”
เฉิงอี้เฟยมองไปรอบข้างก่อนจะเอ่ยถามด้วยความจริงจัง “มีความเป็ไปได้หรือไม่ว่าจะเป็วิชาอำพรางสายตา ที่จริงแล้วพวกเขายังอยู่ใกล้ๆ ? ”
จวินฮั่นหยิ่นไร้ซึ่งความคิด “รอดูก่อนเถอะ บางทีแพทย์หญิงกูอาจจะะโเรียกอีกครั้ง”
เฉิงอี้เฟยรอไหวเสียที่ไหน “องค์ชายแปด ท่านรีบพาคนไปปิดล้อมบริเวณโดยรอบ ข้าจะไปตามหาอีกครั้ง! ”
จวินฮั่นหยิ่นลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าขึ้นลง
ทันทีที่เฉิงอี้เฟยจากไป จวินฮั่นหยิ่นก็ตบลงไปบนไหล่ทันที ในคราวนี้เขาไม่ได้รังเกียจความสกปรก แต่แค้นใจในลูกศรคมของเฉิงอี้เฟยเมื่อสักครู่นี้ แน่นอนว่าเขามองออกว่าเฉิงอี้เฟยนำเขามาเป็ตัวเปรียบเทียบ
“มันจะกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้วนะ การที่เปิ่นหวงจื่อให้เกียรติเ้าแล้วเ้าจึงคิดว่าจะจูงจมูกได้หรือ? รอไปเถอะ! ”
จวินฮั่นหยิ่นสบถเบาๆ ก่อนจะออกจากทุ่งดอกโหยวไช่ไป
ในขณะนี้จวิ่นเฉินกับกูเฟยเยี่ยนกำลังอยู่ในส่วนลึกของทุ่งบุปผาที่มีระยะห่างกับเฉิงอี้เฟยค่อนข้างไกล
หลังจากที่จวินจิ่วเฉินแน่ใจแล้วว่าบริเวณโดยรอบมีความปลอดภัย แต่ก็ยังไม่ปล่อยกูเฟยเยี่ยนโดยทันที เขายังคงโอบกอดนางจากทางด้านหลังโดยที่มือข้างหนึ่งปิดปากนาง เขาไม่รอช้าแล้วกล่าวเตือนเสียงทุ้ม “อยู่ให้ห่างจากจวินฮั่นหยิ่นหน่อย เขาไม่ใช่คนดี”
กูเฟยเยี่ยนประหลาดใจมาก นางคิดไม่ถึงว่าหมอนี่จะรู้ก้นบึ้งขององค์ชายแปด นี่นับได้ว่าเขาเตือนด้วยความจริงใจหรือไม่? นางอยากจะพูดแต่น่าเสียดายที่ปากถูกปิดเอาไว้แน่น นางอยากจะดิ้นรนแต่จวินจิ่วเฉินกลับใช้มือข้างหนึ่งกดเอาไว้อย่างเนืองแน่น นางไม่สามารถออกแรงได้จึงไม่สิ้นเปลืองแรงแต่เอื้อมมือเล็กๆ เข้าไปในแขนเสื้อของตน
จวินจิ่วเฉินกำลังจะเอ่ยต่อแต่สังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวของมือเล็ก เขาจึงไม่ลังเลที่จะปล่อยเอวนางแล้วคว้าไปที่ข้อมือบาง ในมือของกูเฟยเยี่ยนมียาพิษ แต่น่าเสียดายที่จวินจิ่วเฉินไม่ตกหลุมพรางแบบเดิมอีกเป็ครั้งที่สอง! เพราะเขาได้กลั้นหายใจมาเป็ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ครั้งแรกที่เขาพบนางก็ล้มลงเพราะยาพิษของนาง
ทันทีที่เอวของกูเฟยเยี่ยนถูกปล่อยออกมาแล้วนางจึงฉวยโอกาสดีดดิ้นพลางหันกลับมาสะบัดมือของจวินจิ่วเฉินที่ประกบอยู่บนริมฝีปากของนางออก ก่อนจะะโร้องทันที
ทันทีที่จวิ่นจิ่วเฉินกระวนกระวายใจเขาก็ปิดปากของหญิงสาวอีกครั้ง กูเฟยเยี่ยนไม่คล้อยตามจึงพยายามจะดึงหน้ากากเขาออกอีกครั้ง ในที่สุดจวินจิ่วเฉินก็เดือดพล่าน เขาจับมือทั้งสองข้างของนางอย่างดุดันและในขณะเดียวกันก็ปิดผนึกริมฝีปากบางด้วยริมฝีปากของเขา
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงอย่างฉับพลัน ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง จวินจิ่วเฉินลืมตาขึ้นเช่นกัน แต่ภายในดวงตาลึกลับคู่นั้นเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
เขาไม่ขยับเขยื้อน แต่กูเฟยเยี่ยนก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วและเริ่มหันหน้าหนี จวินจิ่วเฉินจึงยื่นมือไปกดที่ศีรษะด้านหลังของนางทันทีเพื่อไม่ให้นางเคลื่อนไหว
ทั้งสองคนหยุดอีกครั้ง
กูเฟยเยี่ยนประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ลมหายใจของหญิงสาวค่อยๆ กระชั้นชิด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงชัดเจน ลมหายใจของจวินจิ่วเฉินก็ค่อยๆ กระชั้นชิดและหนักหน่วงเช่นกัน เขาไม่เหมือนกับประหม่าแต่เหมือนกับโกรธอยู่
ทันใดนั้นมือซ้ายของกูเฟยเยี่ยนที่ถูกปล่อยออกก็ยื่นไปคว้าหน้ากากของจวินจิ่วเฉินอีกครั้ง ทว่าในขณะที่นางจะดึงออกจู่ๆ จวินจิ่วเฉินก็ดึงข้อมือของนาง และในขณะเดียวกันเขาก็ดุนดันฟันของนางออกพลางจุมพิตรุกรานเข้าไปอย่างดุเดือด!
กูเฟยเยี่ยนใมากจนภายในหัวสมองมีแต่ความว่างเปล่าที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นคืนสติกลับมา นางไม่ขยับเขยื้อนปล่อยให้จวินจิ่วเฉินดื่มด่ำไปตามอำเภอใจ
ดูเหมือนว่าจวินจิ่วเฉินจะใกับการกระทำของตนเองเช่นกัน ผ่านไปไม่นานเขาก็หยุดลงกะทันหัน ก่อนจะปล่อยริมฝีปากบางออกพร้อมกับมองไปที่หญิงสาว
บัดนี้กูเฟยเยี่ยนเหมือนจะยังไม่ได้สติกลับมาเพราะนางตกตะลึงมองไปที่เขาอย่างเลื่อนลอยจนลืมที่จะะโเรียกร้อง
ทั้งสองคนสบตากันราวกับเวลาหยุดตัวลงชั่วขณะ นอกจากลมหายใจกระชั้นชิดของทั้งคู่แล้วบริเวณรอบข้างล้วนเงียบสงบ โลกทั้งใบก็ดูเหมือนว่าจะเงียบไปด้วยเช่นกัน
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงแต่จวินจิ่วเฉินมีสติดี เขาจ้องมองไปที่นาง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาได้สติจนต้องหยุดกะทันหัน ทว่าบัดนี้แววตากลับค่อยๆ หม่นหมองลง เขามองแล้วมองอีกราวกับจะเทหมดหน้าตัก ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากของกูเฟยเยี่ยนอีกครั้ง
ในครั้งนี้ไม่ได้เป็เพราะโทสะเฉกเช่นครั้งก่อน แต่ให้ความดุดันและความหวงแหนที่เมื่อสักครู่นี้ไม่มีแทรกเข้ามา เขาทำการโจมตีราวกับว่า้าทุกสิ่งทุกอย่างของกูเฟยเยี่ยน
เมื่อจุมพิตนี้ค่อยๆ ลึกซึ้งและดุดันขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็ได้สติกลับมา นางไม่เพียงตกตะลึง แต่ยังหวาดกลัวอีกด้วย หญิงสาวพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่มือทั้งสองข้างล้วนถูกรวบเอาไว้จนไม่สามารถดีดดิ้นได้เลย สุดท้ายจึงถูกจวินจิ่วเฉินทับลงไปบนพื้น
นางกำลังจะดิ้นรนอีก แต่จู่ๆ จวินจิ่วเฉินก็หยุดลงแล้วกระซิบแ่เบาบริเวณริมฝีปากนางว่า “เลิกดิ้นได้แล้ว มิฉะนั้น…จะต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมาเอง! ”
กูเฟยเยี่ยนใกับน้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ต่อให้นางมีความกล้ามากเพียงใดและมีนิสัยที่สงบนิ่งมากเท่าไหร่แต่ยังไงนางก็เป็ผู้หญิงนะ! นี่คือจูบแรกของนาง
นี่อาจเป็ครั้งแรกในชีวิตที่นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง จวบจนกระทั่งบัดนี้สมองของกูเฟยเยี่ยนก็ยังคงว่างเปล่า
เมื่อแน่ใจว่ากูเฟยเยี่ยนสงบเสงี่ยมลงแล้ว จวินจิ่วเฉินจึงปล่อยริมฝีปากนางออก เขามองหญิงสาวพลางเอ่ยน้ำเสียงเ็าออกมา “ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ต้องสืบว่าข้าเป็ใคร แล้วสักวันเ้าจะรู้เอง”
เขากำลังจะลุกขึ้น แต่ก็หยุดชะงักอีกครั้งพลางโน้มกายลงมากระซิบข้างใบหูหญิงสาว “ข้า ข้า…ชอบเ้านิดหน่อย”
เมื่อเขาพูดจบก็ลุกขึ้นทันที เขาเผชิญหน้ากับกูเฟยเยี่ยนแล้วถอยเข้าไปในพุ่มไม้จากนั้นจึงหายตัวไป
กูเฟยเยี่ยนนอนหงายอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกโหยวไช่ หญิงสาวเหม่อมองไปบนท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง เดิมทีที่หายใจอย่างระมัดระวังก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็หายใจลึกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้กระทั่งใบหูของนางก็ยังคงมีเสียงที่นายก้อนน้ำแข็งพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้วนเวียนอยู่ เขาบอกว่าเขาไม่มีเจตนาร้าย เขาบอกว่าเขา…ชอบนางนิดหน่อย
นางค่อยๆ ยื่นมือออกมาลูบไปที่ริมฝีปากราวกับยังคงััได้ถึงกลิ่นอายและอุณหภูมิของเขาที่หลงเหลืออยู่ เมื่อลูบไปเบาๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าดูเหมือนว่านางจะได้สติกลับมาและค่อยๆ เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้
ทันใดนั้นกูเฟยเยี่ยนก็ร้องะโออกมาเสียงดัง “อ้า…”
สารเลว!
นายก้อนน้ำแข็งเหม็น!
เป็แบบนี้ไปได้อย่างไร?
เ้าเป็ใครกันแน่!
เสียงะโของกูเฟยเยี่ยนดึงดูดความสนใจของเฉิงอี้เฟยทันที ในขณะที่นางยังไม่ได้สติกลับมาจากการถูกจุมพิตอย่างสมบูรณ์ เฉิงอี้เฟยก็พบนางแล้ว
“แพทย์หญิงน้อย เ้าเป็อย่างไรบ้าง? ”
ทันทีที่เฉิงอี้เฟยเห็นกูเฟยเยี่ยนนอนอยู่บนพื้น เขาก็รีบเข้าไปดูด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
กูเฟยเยี่ยนลุกขึ้นนั่งด้วยใจที่ยังคงกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง
“แพทย์หญิงน้อย เ้าไม่เป็อะไรใช่ไหม? หมอนั่นรังแกเ้าหรือไม่? มันล่ะ? ”
เฉิงอี้เฟยถามไปพร้อมกับพิจารณากูเฟยเยี่ยนั้แ่หัวจรดปลายเท้า ริมฝีปากของกูเฟยเยี่ยนแดงก่ำแต่ไม่บวม เขาจึงมองไม่ออก แต่เห็นได้ชัดว่านางใจนขวัญหายหมดแล้ว
“แพทย์หญิงน้อย ไม่เป็อะไรแล้วๆ ข้าอยู่นี่ ข้ารับรองว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเ้า”
ไม่รู้ว่าคำพูดของเฉิงอี้เฟยเป็การปลอบใจตนเองหรือปลอบใจกูเฟยเยี่ยนกันแน่ เขาอยากจะดึงมือของกูเฟยเยี่ยนมา ทว่ากูเฟยเยี่ยนเลี่ยงออก
กูเฟยเยี่ยนลุกขึ้นด้วยแววตาที่ทอประกายความซับซ้อน หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงได้เอ่ยออกมา “เฉิงอี้เฟย ข้า ข้าไม่เป็อะไร หมอนั่นหลบหนีไปทางขวาแล้ว”
เฉิงอี้เฟยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ทั้งทุ่งบุปผาและหมู่บ้านูเาล้วนถูกล้อมรอบหมดแล้ว เขาหนีไม่พ้นหรอก ไป ข้าพาเ้ากลับไปก่อน”
สายตาของกูเฟยเยี่ยนเหม่อลอยไปทางขวาแล้วแอบคิดว่าหมอนั่นเร็วมาก น่าจะหลบหนีพ้นใช่หรือไม่? แต่ไม่ช้านางก็ส่ายศีรษะมองข้ามความกังวลนี้ไป
หมอนั่นเป็ไอ้สารเลวนะ! เขาแค่บอกว่าเขาไม่มีเจตนาร้าย แล้วนางเชื่ออย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน?
เมื่อคิดถึงเื่เมื่อสักครู่นี้กูเฟยเยี่ยนจึงกัดไปบนริมฝีปากด้วยความโกรธและอายโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงที่สุดแล้วนางก็ไม่ได้บอกความจริงเฉิงอี้เฟยว่าจวินจิ่วเฉินไปทางใดกันแน่…