เจิ้งหยวนเห็นคุณพ่อโกรธขนาดนี้ก็ไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก เธอกลับชาติมาเกิดโดยมีเป้าหมายที่จะทำให้พ่อแม่และครอบครัวมีความสุข เธอย่อมไม่อยากทะเลาะกับเจิ้งเฉวียนกัง หรือยั่วโมโหเขา แต่คราวนี้คุณพ่อทำเกินไปจริงๆ ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ทั้งที่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอถูกไหม? เจิ้งหยวนรู้ว่าหากอยู่ตรงนี้ต่อไป
เธออาจระงับความโกรธไม่อยู่จนทะเลาะกับพ่อได้ จึงไม่พูดอะไรทั้งสิ้น
หันหลังกลับเข้าห้องตนเองทันที
ถึงกระนั้น ก็ทำเจิ้งเฉวียนกังโกรธจนชี้ไปยังห้องของเจิ้งหยวนตามหลัง แล้วตบโต๊ะอย่างแรง “ถ้าแกไม่ขอโทษ เย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว!”
เจิ้งเจวียนจะกลับเข้าห้องตามเจิ้งหยวน แต่โดนเฉินชุ่ยอวิ๋นถลึงตาเรียกกลับมา เธอบอกบุตรสาวคนเล็ก “แกยกกับข้าวออกมา พวกเราควรกินข้าวกันได้แล้ว”
เจิ้งเจวียนมองเข้าไปในห้องอย่างอาลัยอาวรณ์ รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย แต่ไม่อาจละเลยคำพูดมารดาได้ จำใจเดินเข้าห้องครัวไปด้วยความไม่ยินยอม
ส่วนเฉินชุ่ยอวิ๋นหันหลังเดินตามเจิ้งหยวนไป ก่อนปิดประตูหลังเข้ามาในห้อง
ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด แสงในห้องสลัว เลยยังมองเห็นเงาคนอยู่ เฉินชุ่ยอวิ๋นเดินเข้ามาตีเจิ้งหยวนที่เอนหลังบนเตียงพลางว่า “รีบลุกขึ้นเลยนะ เดี๋ยวจะกินข้าวกันแล้ว กินข้าวเสร็จพวกแกยังต้องไปทำงานอีกไม่ใช่เหรอ”
่ฤดูกาลเพาะปลูก ต้องอาศัยสภาพอากาศดีๆ เก็บข้าวสาลีไว้ ดังนั้นทุกคนเลยต้องออกไปทำงานตอนกลางคืน เจิ้งหยวนเหนื่อยจนไม่อยากขยับตัวแล้ว เธอฮึมฮัมตอบเสียงหนึ่ง ทว่าก็ยังไม่ลุกขึ้น
เฉินชุ่ยอวิ๋นนั่งลงข้างเตียงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนตบขาเจิ้งหยวนเบาๆ ขณะเอ่ย “หยวนหยวนเอ๋ย แกฟังพ่อแก ไปขอโทษที่บ้านลุงใหญ่เถอะ”
“มีสิทธิ์อะไรล่ะ? พ่อเขาไร้เหตุผลเอง ไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อย”
เจิ้งหยวนเอาหน้ามุดหมอน เสียงที่ดังออกมาจึงอู้อี้
“จะมีอะไรได้ ก็สิทธิ์เขาเป็คุณลุงของแก เป็พี่ชายแท้ๆ ของพ่อแกไง” เฉินชุ่ยอวิ๋นบอก “แกอย่าเห็นว่าคนแซ่เจิ้งในหมู่บ้านเราเยอะ แล้วเป็คนในตระกูลเราเสียหมดเล่า ความจริงคุณปู่แกเป็ลูกชายคนเดียว คุณทวดก็เหมือนกัน พอมาถึงรุ่นพ่อแก ถึงมีลูกชายสามคน ตอนยังไม่แยกบ้าน คุณปู่เคยพูดกับลูกชายสามคนไว้ว่าพวกเขาคือครอบครัวเดียวกันตลอดไป หากบ้านเราเกิดเหตุอะไรขึ้นในอนาคต ครอบครัวคุณลุงก็ช่วยพวกเราได้ไม่ใช่เหรอ?”
เจิ้งหยวนหัวเราะเยาะในใจ ช่วยเหลือ? ช่วยบ้าอะไร! ใช่ว่าชาติที่แล้วบ้านไม่เคยเกิดเื่มาก่อนสักหน่อย! คุณพ่อมองเขาเป็คนในครอบครัว เขาอาจไม่ได้มองพ่อเป็คนในครอบครัวก็ได้! เธอยังจำได้ดีว่าหลังสมาชิกครอบครัวทยอยเกิดเื่จนในบ้านเหลือเพียงลูกของพี่ชายใหญ่สองคน
ฝ่ายคุณลุงไม่เพียงยึดบ้านของครอบครัวเธอ ยังไล่ลูกสองคนของพี่ชายออกไป
ซิงซิงในขณะนั้นอายุเพิ่งสิบห้าปี ส่วนหนิวหนิวสิบขวบ! หากไม่ใช่เพราะเธอหาตัวเด็กสองคนเจอหลังกลับมาจากเมืองนอก
เธอคงไม่รู้ความชั่วช้าของครอบครัวลุงใหญ่!
เฉินชุ่ยอวิ๋นถอนหายใจเมื่อเห็นว่าโน้มน้าวบุตรสาวไม่ได้ เธอเลี้ยงดูลูกสาวดื้อรั้นคนนี้ออกมาเอง จะทำอะไรได้ ไม่ไปก็ไม่ไป จึงไม่พูดให้เปลืองน้ำลายอีก เพียงเอ่ยว่า “เอาละ แกไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป รีบลุกมากินข้าวเถอะ” สิ้นเสียงก็ผละออกไป
เมื่อเธอออกไปแล้ว เจิ้งหยวนจึงยันตัวขึ้นมานั่งข้างเตียงสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปในมิติเพื่อหยิบลูกอมผลไม้กล่องเล็กออกมา เธอฉีกห่อวางไว้ใต้หมอน เตรียมแบ่งให้เจิ้งเจวียนตอนถึงเวลานอน
พอได้ยินเสียงเรียกกินข้าวข้างนอก เธอก็เดินอย่างเชื่องช้าออกจากห้อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้