บรรยากาศยามค่ำคืนเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บเมื่อสายลมมามาดุจดั่งใบมีดอันคมกริบที่บาดลงบนผิว กองทัพอันยิ่งใหญ่ของตระกูลซ่างกวนในยามนี้กำลังเตรียมพร้อมสำหรับศึกใหญ่อย่างเร่งรีบ ทว่าภายใต้ความเร่งรีบกลับเปี่ยมไปด้วยความเป็ระเบียบ เมื่อแสงแรกสาดส่องผ่านทิวเขาเหล่าทหารหารห้าแสนนายต้องพร้อมกรีฑาทัพเหยียบแผ่นดินต้าเหลียวให้ราบเป็หน้ากอง
ในความเป็จริงซ่างกวนจือหลินมิได้สนใจว่าตนจะมีกำลังเสริมหรือไม่ ด้วยกำลังทหารในยามนี้หญิงสาวมั่นใจถึงเก้าส่วนว่าจะสามารถคว้าชัยชนะมาได้ แม้จะต้องเสียเืเนื้อ แม้จะต้องสูญเสียพี่น้องร่วมรบ ทว่านี่เป็การสูญเสียเพื่อความสงบสุขของต้าซ่งไปอีกหลายร้อยปี
เมื่อข่าวสารถูกส่งออกไป เมื่อแคว้นต่างๆ ที่มีใจคิดไม่ซื่อได้รับรู้ถึงจุดจบของต้าเหลียว มันจะส่งผลให้พวกเขาต้องคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าการที่พวกเขาจะมารุกรานต้าซ่งจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากน้อยเพียงใด
หากพวกเ้าได้สิ่งใดกลับไป พวกเ้าจงสังวรไว้ว่าพวกเ้าจะสูญเสียมากยิ่งกว่า
หากพวกเ้ามาแล้วไม่ได้สิ่งใดแม้สักเสี้ยว จงรับรู้เอาไว้ว่านอกจากพวกเ้าจะสูญเสียหนึ่งครั้งนั้นไม่เพียงพอ ทว่าตัวข้าซ่างกวนจือหลินจะตามไปเก็บดอกผลจากบ้านเมืองของพวกเ้า จนไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้อีกหลายร้อยปี
ค่ำคืนนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป อาจกล่าวได้ว่าแผนการมิอาจเป็ดังใจหวัง ซ่างกวนจือ หลินบอกตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยามนี้เป็ความจริงหรือเป็เพียงมโนภาพ ที่ตัวนางจินตนาการขึ้นมาเพื่อปลอบประโลมตัวเอง ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนภายในกระโจมพักของตน บนร่างปราศจากชุดเกราะอันหนักอึ้งมีเพียงเอี๊ยมตัวบางกับกางเกงแพรเท่านั้น แม้สิ่งที่ปกปิดร่างกายจะเหลือเพียงน้อยชิ้นท่ามกล่างสภาพอากาศอันเลวร้ายเช่นนี้ ตัวนางก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บแม้แต่น้อย
ดวงตากลมโตที่บวมเป่งนิดๆ เนื่องจากผ่านการร้องไห้มาจ้องมองบุรุษหนึ่งเดียวที่อยู่ในกระโจมของนางยามนี้อย่างเลื่อนลอย ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ทุกส่วนของร่างกายล้วนบ่งบอกว่าเขาเป็บุรุษเต็มตัว บุรุษผู้มีเืเนื้อ มีความอยาก ความ้าดังเช่นบุรุษทั่วไป และดูจากลักษณะท่าทางของท่านผู้นี้แล้วความ้าของเขาคงจะมากล้นเกินกว่าที่ร่างเล็กๆ ของนางจะรับไหวเป็แน่
แล้วนี่นางกำลังคิดถึงเื่ไร้สาระอันใดอยู่ หญิงซื่อบื้อเช่นนาง ช่างกล้าบังอาจดูถูกความอดกลั้นของท่านอิงกั๋วกงผู้ยิ่งใหญ่ ราวกลับว่าชายหนุ่มจะทราบว่าตนกำลังถูกจ้องมองด้วยความสงสัยใคร่รู้เป็อย่างยิ่ง ร่างสูงที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมยาและผ้าพันแผลหันมามองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับใช้สายตายลุ่มลึกจ้องประสานสายตาอย่างตั้งคำถาม
ทั่วทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ทว่าบรรยากาศระหว่างชายหนุ่มกับเด็กสาวก็ไม่ได้ช่วยให้อึดอัดเท่าไหร่นัก คนตัวเล็กที่รับบทเป็คนเจ็บได้แต่ส่งยิ้มหวานให้พี่ชายตัวโตอย่างกล้าหาญ แม้ในใจจะขัดเขินเล็กน้อยที่ต้องมานั่งในสภาพล่อแหลมเป็อาหารตาเช่นนี้ ทว่านี่อิงกั๋วกงเฉินอี้เชียวหนาได้บุคคลเช่นนี้มาปรนนิบัติถอดชุดเกราะ ใส่ยา ทำแผลและปิดท้ายด้วยการเป็เตาพกมีชีวิตที่ใช้อุ่นเตียงอันหนาวเหน็บ ถือว่าคุ้มค่า คุ้มค่าสุดๆ
"ในสมองเล็กๆ ของของเ้าอัดแน่นไปด้วยความคิดเช่นใดอยู่ หืม"เฉินอี้เดินถือถาดใส่อุปกรณ์ทำแผลมานั่งลงข้างกายคู่หมั้นตัวน้อย พร้อมกับลงมือแกะผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบเอวคอดเล็กออกทันที ทุกััของชายหนุ่มล้วนแฝงไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน
มันช่างเต็มไปด้วยความเอาใจใส่จนซ่างกวนจือหลินมิกล้าคิดว่านี่จะเป็ความจริงมากกว่าความฝัน เมื่อผ้าพันแผลถูกแกะออกก็เผยให้เห็นาแที่ถูกกรีดเป็ทางยาวบริเวณสีข้างด้านขวา ตัวาแถูกเย็บอย่างเป็ระเบียบด้วยเส้นไหมน้ำแข็ง เนื่องจากเ้าตัวดูแลาแดื่มยาไม่ขาดสภาพการพื้นตัวจึงเป็ไปในทิศทางที่ดี
"มันคงเป็แผลเป็น่าเกลียด"ซ่างกวนจือหลินไม่ได้ตอบคำถามคนตรงหน้าทว่ากลับเปลี่ยนไปสนทนาอีกเื่อย่างช่วยไม่ได้
"คนเป็ทหารหากไร้ซึ่งาแจากการกรำศึก จะเรียกตนเองว่าเป็ทหารได้เช่นไร"เฉินอี้ตอบคำถามโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจากาแที่ตนเองกำลังตั้งใจทำความสะอาด และใส่ยาเลยแม้แต่น้อย
"ในฐานะสตรี ในฐานะคู่หมั้น ในฐานะภรรยา...หากร่างกายมีตำหนิจะเป็ที่ยอมรับได้เช่นไร"นี่เป็เื่ที่ยากจะมองข้าม แม้ว่านางจะมีอำนาจ มาจากตระกูลชั้นสูงผู้ร่วมก่อตั้งแคว้น ทว่าเมื่อปลดเปลื้องเปลือกนอกเหล่านี้ออกไป ตัวนางก็เป็เพียงสตรีคนหนึ่งที่อยากจะมีคนที่รักและเขาก็รักนางอย่างจริงใจ
แม้ว่านางจะมีบทเรียนอันเเสนเ็ปมาแล้ว ทว่ามนุษย์นั้นขึ้นชื่อว่าเป็สิ่งมีชีวิตที่โง่เขลา รู้ว่าจะต้องเ็ปในเื่ที่เคยเผชิญมาแล้ว ทว่าเมื่อมีโอกาสอีกคราก็จะไม่ลังเลที่จะไขว่คว้าหาสิ่งเดิมๆ เพื่อหวังว่าการเริ่มต้นครั้งใหม่นี้ผลลัพธ์จะต่างออกไปจากเดิม
ช่างเป็การเดิมพันที่โง่เขลา
มีสองหนทางที่เ้าจะต้องพบเจอ
คือความสุขชั่วชีวิต หรือความเ็ปเจียนตายที่ยากจะลืมเลือน
"ข้ามิใช่เศษสวะดังเช่นหลี่หยวนเฮ่า"
คำตอบที่ได้ยินทำให้ซ่างกวนจือหลินเบิกตากว้างพร้อมกับจ้องชายหนุ่มเพื่อค้นคว้าหาความจริงบางอย่าง เจ็บ...ความเจ็บเมื่อคนตัวโตผูกปมผ้าพันแผลเป็ทบสุดท้ายทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีว่าความฝันไม่อาจรับรู้ถึงความเ็ปได้เช่นความเป็จริง
"ท่าน..."
"มีสิ่งใดจะกล่าวอีกหรือไม่ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านยังคงอาลัยอาวรณ์ไอ้ไก่อ่อนผู้นั้นอยู่อีก"น้ำเสียงที่เ็าขึ้นหลายส่วนของเฉินอี้บ่งบอกได้ว่า เขามิค่อยพอใจกับท่าทางของเด็กสาวหัวดื้อเบื้องหน้าสักเท่าใด อยู่ต่อหน้าคู่หมั้นแท้ๆ แต่กลับนำว่าที่สามีของตนไปเปรียบกับคนรักเก่า มันน่าจะจับตีซะให้เข็ดหลาบ
"ไม่ใช่...ข้าแค่..."นี่เขารู้ได้เช่นไร! หรือว่าเขาก็เป็เช่นข้าระลึกอดีตได้เช่นกัน
"ทำไมหรือ เด็กน้อยที่โง่เขลาที่สุดในต้าซ่งอย่างเ้ายังระลึกได้ แล้วกั๋วกงเช่นข้าจะระลึกเื่ราวต่างๆ ไม่ได้?"เฉินอี้งอนิ้วเคาะหน้าผากกลมมนอย่างเห็นขัน แม้เขาจะพูออกไปเช่นนั้นแต่ความจริงแล้วสิ่งมีชีวิตอย่างเ้าหลี่หยวนเฮ่าไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย
"เช่นนี้เอง...แล้วมีสักครั้งหรือไม่เ้าคะ..."นางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกล้าของอีกฝ่ายพร้อมกับเค้นคำถามออกมาอย่างยากเย็น
"..."
"มีสัครั้งหรือไม่ที่ท่านกล่าวโทษว่าเป็ความผิดของข้า"ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือนเพราะความทรงจำต่างๆ มันถาโถมเข้ามา ที่จริงตัวนางไม่สมควรได้รับการปฏิบัติด้วยความห่วงใยและเอาใจใส่เช่นนี้
วันที่ข้าเดินทางไปขอถอนหมั้นถึงหน้าประตูจวนอิงกั๋วกง มารดาที่ป่วยหนักของท่านได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจจนสิ้นลม
คนทั้งเปี้ยนจิงหัวเราะเยาะตระกูลเฉินว่าฐานะสูงส่งทว่ากลับถูกคนมาขอถอนหมั้นถึงหน้าประตูเพื่อที่เ้าตัวจะบินสูงไปเป็พระชายาเอกของท่าอ๋องผู้สูงศักดิ์
ตระกูลนักรบอันสูงส่งต้องมาแปดเปื้อนมัวหมองเพราะคนเห็นแก่ตัวเช่นข้า เฉินอี้...ท่านสามารถให้อภัยแก่บาปที่ข้างก่อได้จริงหรือ
"กั๋วกงเช่นข้ารู้ถึงความเป็ไปของเื่ราวอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้ามิอาจโกธรแค้นเหยื่อผู้ถูกกระทำเช่นเ้าได้ลง เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่ต่างจากคนที่หูตามืดบอด มองไม่เห็น ฟังไม่ได้ยิน ที่ข้าเสียใจมีเพียงอย่างเดียวคือการไม่ได้จับเ้ามัดแล้วขังไว้ในห้องไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน พอจัดการเ้าสวะหลี่หยวนเฮ่าแล้วค่อยปล่อยเ้าออกมา"เฉินอี้เลิกคิ้วมองคนตัวเล็กที่เบิกตากว้างราวกับคาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
"ท่านจะกักขังข้าดังเช่นโจรลักพาตัวพวกนั้นหรือ"ซ่างกวนจือหลินถามเสียงสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อ คนที่สงบนิ่งเช่นพี่ชายผู้นี้จะมีความคิดดังเช่นโจรเด็ดบุปผาพวกนั้น!
"เหตุใดจะทำเช่นนั้นไม่ได้เล่า...หากขัดขืนมากนักก็ให้เ้าคลอดบุตรสักสองสามคน สตรีเมื่อมีบุตรย่อมว่านอนสอนง่ายจริงหรือไม่ หืม"ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างที่คนชั่วช้าชอบทำกัน นั่นทำให้คนตัวเล็กถึงกับอ้าปากค้างราวกับไม่อาจรับความจริงได้
"ก็...จริง"ซ่างกวนจือหลินที่กำลังะเืใจอย่างหนักตอบคำถามของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไร้สติ
"เด็กดี เอาล่ะพักผ่อนกันได้แล้วพรุ่งนี้ยังมีเื่ให้ขบคิดอีกมาก"เฉินอี้ประคองร่างเล็กลงนอนอย่างนุ่มนวลด้วยเกรงว่าจะกระทบกระเทือนาแของนาง เมื่อห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้วคนร่างสูงที่กำลังจะหันกายเดินออกไปก็ต้องหยุดชะงักด้วยมือเล็กยื่นมาจับฝ่ามือใหญ่เอาไว้
"ท่านจะไปที่ใด"
"ไปดับตะเกียง"
"อืม"
ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทว่าในความเชื่องช้านั้นกลับเป็สิ่งที่เติมเต็มความรู้สึกของหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีที่ชะตาชีวิตของพวกเขาได้พลัดพรากกันมาหนึ่งภพชาติ แม้คำกล่าวที่ว่าโชคชะตาชีวิตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยสองมือของตน
ทว่ามีบางเื่ที่เรามิอาจเปลี่ยนแปลงมันได้ดั่งใจนึก ชะตาของคู่ชีวิต คู่บุพเพสันนิวาส แม้พลัดพรากกันมาหลายภพชาติแต่สุดท้ายพวกเขาทั้งคู่ก็ได้กลับมาพบกับในสักวันหนึ่ง
เมื่อถึงยามนั้นต่อให้ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย
แม้กระทั่งความตายก็มิอาจแยกพวกเขาออกจากันได้
เฮือก!
ซ่างกวนจือหลินสะดุ้งตื่นจากนิทราเพราะเสียงอึกกระทึกด้านนอก เมื่อรวบรวมความคิดได้นางก็รับรู้ว่ายามนี้ตนเองกำลังอยู่ในขณะออกรบ แผนการรบต่อไปคือบุกต้าเหลียว ตัดรากถอนโคนคนสกุลเย่ว์ลู่ให้สิ้นซาก
หญิงสาวพยุงร่างลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างเชื่องช้าพร้อมกับใช้สายตาสำรวจไปจนทั่วกระโจม ทุกอย่างยังคงเป็ดังเช่นเดิม ไม่มีสิ่งใดขาดหายและก็ไม่มีสิ่งใดเพิ่มขึ้นมา จนทำให้ซ่างกวนจือหหลินเกิดความสับสนในใจเมื่อเ้าตัวเอื้อมมือไปััที่นอนข้างกายก็พบแต่ความเย็นเฉียบ เพื่อยืนยันกันตนเองนางถึงขั้นก้มลงไปใช้จมูกดมหากลิ่นของคนผู้นั้น เมื่อได้กลิ่นอันบางเบาที่ใครบางคนทิ้งไว้ริมฝีปากจิ้มลิ้มของนางก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
จับก็จับแล้ว ลูบก็ลูบแล้ว แถมยังหอมข้าเหมือนเป็ดังขนมหวานจานโปรด พอรุ่งเช้ากลับหายหัว
หึ...อยากจะรู้นักหากข้าไปเคาะประตูจวนถามหาความรับผิดชอบคนหน้าหนาอย่างท่านจะทำสีหน้าเช่นไร!
เฉิน อี้ ท่าน เสร็จ ข้า แล้ว!!