หลิงไฉ่เวยมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์อย่างดุร้าย ก่อนกล่าวเสียงแหลมว่า "นางเด็กตัวเหม็นผู้นี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ แล้วกระมัง"
สีหน้าของทุกคนที่แสดงออกราวกับเห็นผี ความไม่กลัวตายของหลิงมู่เอ๋อร์ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจริงๆ เพื่อกระต่ายหนึ่งตัว จำเป็ต้องทำถึงเช่นนี้เชียวหรือ?
พวกเขาไม่เข้าใจความคิดของหลิงมู่เอ๋อร์ หลิงมู่เอ๋อร์สามารถไม่สนใจอาหารนี้ แต่ความเคียดแค้นที่เ้าของเดิมเคยได้รับทำให้นางไม่สามารถกล้ำกลืนลงไปได้ นางไม่้าเดินตามเส้นทางของเ้าของเดิม ถ้าหากว่าต้องกล้ำกลืนฝืนทนแบบในวันนี้ ปัญหาจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นในภายหลัง คนเหล่านี้เป็เสมือนตัวมอด ไม่มีวันที่จะสามารถเติมเต็มความ้าของพวกเขาได้
แน่นอนว่า การอดทนอดกลั้นก็ไม่ใช่นิสัยของนาง ถ้าหากอดทนในวันนี้แล้ว นั่นย่อมเป็การช่วยเพิ่มความเย่อหยิ่งของพวกเขา หลิงมู่เอ๋อร์ในชาติก่อนนั้นเป็บทเรียนที่ดี
“นางเด็กตัวเหม็น...” หลิงเวยนอนคว่ำอยู่บนพื้น สีหน้าดุร้าย ในเวลานี้ดวงตาทั้งคู่ของเขากลายเป็สีแดง สายตาดูชั่วร้ายเป็พิเศษ “จับนางไว้...”
หลิงมู่เอ๋อร์ชูปิ่นไม้ในมือ กล่าวอย่างเ็า “ขอแค่พวกท่านเข้ามา ข้าก็อยากจะรู้ว่าเป็ปิ่นไม้ของข้าที่คม หรือเล็บของพวกท่านที่คมกันแน่”
“นางเด็กตัวเหม็น เ้าไม่อยากอยู่ในหมู่บ้านนี้แล้วอย่างนั้นหรือ? ” หลิงไฉ่เวยหัวเราะเยาะ “แม้ว่าวันนี้เ้าจะหนีไปได้ พวกข้ายังสามารถไปชำระบัญชีกับมารดาที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นของเ้าได้ เ้าคิดว่านางจะคุกเข่าบนพื้นเพื่อขอขมากับพวกข้าหรือไม่? "
“ขอแค่พวกท่านมา ข้าก็จะอยู่ที่นั่นรอคอยการมาของพวกท่าน เมื่อก่อนข้าถือว่าท่านเป็ท่านป้า แต่ตอนนี้ข้าจะไม่ไว้หน้าท่านอีกแล้ว พวกท่านคิดอยากจะแย่งชิงของของข้า ถึงแม้ว่าก่อเื่ไปถึงหลี่เจิ้งที่นั่น พวกท่านก็ไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมที่จะเอาชนะได้ อย่าคิดว่าไม่มีผู้ใดเห็นในสิ่งที่พวกท่านได้กระทำ ขอกล่าวกับพวกท่านตามตรง กระต่ายตัวนี้มีคนโยนให้ข้ามา คนผู้นั้นพวกท่านก็น่าจะเคยเห็น ก็คือบุรุษผู้นั้นที่อาศัยอยู่ที่มุมของเชิงเขา" หลิงมู่เอ๋อร์หัวเราะเยาะพลางกล่าว "ก่อเื่ไปถึงหลี่เจิ้ง ข้าก็จะไปเชิญเขาออกมาเป็พยาน"
“เ้าหลอกพวกข้า! ” หลิงต้าหนิวกุมต้นขาที่าเ็เอาไว้ กล่าวอย่างเดือดดาล “กระต่ายตัวใหญ่เช่นนี้ เขาพูดจะไม่เอาก็แปลว่าไม่เอาแล้วโยนให้เ้าหรือ? เ้าคิดว่าตัวเ้าเป็เทพเซียนหรือ? พวกเ้าอย่าได้โดนนางเด็กผู้นี้หลอก นางแค่จงใจเอาคนผู้นั้นมาข่มขู่พวกเรา พวกเ้ารีบจับตัวนางไว้”
“พวกท่านไม่เชื่อ อย่างไรก็ก่อเื่ขึ้นมาแล้ว พวกท่านอย่าได้คิดหาประโยชน์จากเื่นี้ ข้าไม่เชื่อว่าในหมู่บ้านขนาดใหญ่เช่นนี้จะไม่มีคนสักคนที่พูดคุยกันด้วยเหตุผล” หลิงมู่เอ๋อร์หัวเราะเย้ยหยัน
“ชายผู้นั้นไม่ง่ายที่จะหาเื่ด้วย ถ้าหากเป็เขาที่ให้นางจริง...” จวงต้าหลินพูดข้างหูของหลิงไฉ่เวย “เด็กคนนี้ไม่กล้าโกหกพวกเราด้วยคำโกหกที่ชัดเจนขนาดนี้แน่”
“หรือว่าจะปล่อยนางไปอย่างนั้นหรือ? ไม่ มันไม่ง่ายขนาดนั้น” หลิงไฉ่เวยพูดอย่างเ็า “พี่ใหญ่เวยถูกนางเตะจนาเ็ พี่ชายหนิวถูกนางแทงจนาเ็ นางจะต้องใช้กระต่ายเพื่อชดใช้”
พูดไปพูดมา ยังคงเป็เพราะกระต่ายตัวนี้ หลิงมู่เอ๋อร์หัวเราะเยาะในใจ เพียงแต่ว่า แค่พวกเขา้า นางก็ต้องให้หรือ? เห็นนางเป็ลูกพลับอ่อน [1] จริงๆ หรืออย่างไร
“พวกท่านอยากได้ ก็สามารถไปหาคนผู้นั้นได้ กระต่ายเป็ของเขา ถ้าเขายินยอมให้พวกท่าน ข้าก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าหากวันนี้พวกท่านยังกล้าที่จะแย่งชิงไปอีก ข้าก็จะไม่เกรงใจพวกท่านแล้ว คนผู้นั้นมักจะล่าสัตว์ในูเา ครั้งหน้าพบเขาอีก ถ้าหากเผลอพูดอันใดออกไป ข้าเองคงควบคุมตนเองไม่ได้เช่นกัน” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างเ็า
“เ้ากำลังข่มขู่พวกเราอยู่หรือ? ” หลิงไฉ่เวยม้วนแขนเสื้อขึ้น ทำท่าทางจะคว้าไปทางข้างแก้มของหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์หลบไปด้านข้าง กวาดสายตาอันเ็ามองสบ สายตาที่เดือดดาลทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน
นางเด็กผู้นี้มีแววตาที่เฉียบคมเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด? เมื่อก่อนนางเป็ดั่งกระต่ายขาวตัวน้อย ไม่คาดคิดว่าจะเป็หมาป่าดุร้าย ถูกจ้องด้วยตาคู่นี้ ก็คล้ายกับถูกหมาป่าจ้องเขม็ง
“ท่านป้าเล็กที่รักของข้า...” หลิงมู่เอ๋อร์เดินไปหาหลิงไฉ่เวย หญิงสาวเดินเข้าหานางอย่างช้าๆ ทว่าหลิงไฉ่เวยกลับกลัวเกินกว่าจะขยับตัวได้
ความโเี้ของหลิงมู่เอ๋อเมื่อครู่ไม่ได้ต่างจากบุรุษเ่าั้เลยสักนิด ถ้าหากนาง้าทิ้งรอยปิ่นปักผมสักรอยไว้บนใบหน้าของหลิงไฉ่เวย ใบหน้าเล็กๆ ที่ได้รับการดูแลเป็อย่างดีนั้นก็จะถูกทำลายลง
หลิงไฉ่เวยถูกหลิงมู่เอ๋อร์ข่มขู่เป็ครั้งแรก ท่าทางของนางเมื่อสักครู่น่ากลัวเป็อย่างยิ่ง นางจับแขนของจวงต้าหลินไว้ มองนางอย่างระมัดระวัง “เ้า้าทำอันใด? ”
“ข้าไม่้าทำสิ่งใดเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์พูดอยู่ข้างหูของนาง “ข้าเพียงแค่จะเตือนท่าน ท่านกับจวงต้าหลินยังไม่ได้แต่งงานกัน หากท้องโตขึ้นใน่ที่เขาไว้ทุกข์ ท่านคิดว่าชาวบ้านในหมู่บ้านจะให้การยอมรับท่านหรือ? อีกอย่าง เขาเป็บัณฑิต นั่นหมายความว่าต้องสอบเค่อจวี่ สิ่งที่องค์ฮ่องเต้รัชสมัยนี้ให้ความสำคัญที่สุดก็คือความกตัญญู หากเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นใน่ไว้ทุกข์ อย่าว่าแต่การสอบเค่อจวี่เลย แม้แต่จะถูกตัดสินลงโทษหรือไม่ก็ยังเป็เื่ยากที่จะบอก หากท่าน้ารับราชการ ก็สร้างปัญหาให้น้อยลง มิฉะนั้นแล้ว ข้าอาจควบคุมปากตนเองไม่ไหว”
“เ้า...เ้าพูดจาเหลวไหล” หลิงไฉ่เวยจ้องที่นางด้วยใบหน้าน่าเกลียดที่เปี่ยมไปด้วยโทสะ
“ข้าพูดจาเหลวไหลหรือไม่ ในใจท่านย่อมรู้ดีที่สุด หากท่านก่อเื่ ข้าก็จะบอกแก่ทุกคน ขอเพียงแต่หาหญิงชราหนึ่งคนมาตรวจร่างกายของท่าน ความจริงทั้งหมดก็จะกระจ่าง” หลิงมู่เอ๋อร์ยกยิ้มสว่างไสว “ท่านเป็ท่านป้าเล็กของข้า ข้าก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงของท่านเสียหาย แต่ว่าท่านหาเื่ข้าเช่นนี้เสมอ ข้าเองก็ทุกข์ใจมากเช่นกัน คนเ่าั้เป็สุนัขรับใช้ของท่าน ท่านดูแลพวกเขาให้ดี มิเช่นนั้นอย่าโทษข้าที่โมโหไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้น"
“เ้าพูดอันใดกับไฉ่เวย? ” หลิงหูเตี๋ยวิ่งเข้ามา ผลักหลิงมู่เอ๋อร์ออกไป
หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่หลิงไฉ่เวยด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม "ระหว่างข้าและท่านป้าเล็กมีเื่จะพูดคุยมากมาย หากอยากฟัง ข้าก็บอกได้เช่นกัน"
"หุบปาก! " หลิงไฉ่เวยแผดเสียงตวาดด้วยใบหน้าขาวซีด "เ้ายังไม่รีบกลับไป อีก ครอบครัวยากจนเช่นเ้า ท่านป้าเช่นข้ามิได้หมายตาสิ่งของของเ้า"
“นั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์พูดอย่างเ็า “ต่อไปท่านอย่าได้หมายตาของของข้า หาไม่แล้วข้าจะตอบแทนท่านอย่างดี”
บนขาของหลิงต้าหนิวยังคงมีเืไหลอยู่ เขาพูดอย่างโกรธเคือง "จะปล่อยนางไปเช่นนี้หรือ? ขาของข้าเจ็บเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องให้นางนำกระต่ายมาชดใช้ให้กับพวกเราให้ได้"
"กระต่ายเป็ของชายผู้นั้น เ้ากล้าที่จะเอา แต่พวกเราไม่กล้ากิน" หลิงไฉ่เวยพูดอย่างหงุดหงิด "นางสารเลวนั่น ข้าจะไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน"
งิ้วตลกหนึ่งฉาก หลิงต้าหนิวได้รับาเ็ หลิงเวยถูกเตะของสำคัญจนได้รับาเ็ หลิงหูเตี๋ยและหลิงไฉ่เวยประสบเื่ตื่นใกลัว มีเพียงแค่จวงต้าหลินและหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้เอ่ยวาจาเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หญิงสาวนางนั้นกับจวงต้าหลินมองหน้ากันอย่างเงียบๆ ดวงตาของทั้งสองคนส่องประกายแสงซับซ้อน
ในเวลานี้หลิงไฉ่เวยกระวนกระวายเป็อย่างยิ่ง ตามที่หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว นางกับจวงต้าหลินมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ประจำเดือนของนางก็ล่าช้าไปครึ่งเดือนด้วย ระยะนี้นางมักจะคลื่นไส้อาเจียน สภาพจิตใจก็ไม่ค่อยดีนัก อาการเหล่านี้คล้ายกับอาการของพี่สะใภ้นางตอนที่ตั้งครรภ์เป็อย่างยิ่ง
ถ้าหากหลิงมู่เอ๋อร์ไม่พูด นางก็ไม่ได้คิดใคร่ครวญทางนั้นเลย ตอนนี้พอคิดถึงมัน ไหนเลยจะมีจิตใจหาเื่กับหลิงมู่เอ๋อร์อีก ตอนนี้นางกำลังประสบกับปัญหาใหญ่
“ท่านพี่จวง” หลิงไฉ่เวยจับมือจวงต้าหลิน "พวกเรากลับกันเถิด! "
“พวกเราเพิ่งจะขึ้นูเา ยังไม่ได้อันใดเลย จะกลับไปได้อย่างไร? ระยะนี้ทุกคนล้วนหิวโหย ในเมื่อมาแล้ว จะต้องหาอะไรเล็กน้อยกลับไปถึงจะดี! ” จวงต้าหลินที่รักใคร่หลิงไฉ่เวยมาโดยตลอด นางพูดสิ่งใดย่อมเป็สิ่งนั้น ทว่าเบื้องหน้าคือท้องที่หิวโหย เื่ความรักใคร่จุดนั่นไม่นับว่าเป็อันใด
“ทุกคนล้วนได้รับาเ็ ผู้ใดจะมีอารมณ์อยากหาอาหารกัน? หากท่านอยากไปก็ไปเองเถิด” หลิงไฉ่เวยโกรธแล้ว นางหันหลังวิ่งลงจากูเาไป
นางไม่มีอารมณ์จะคิดเื่อื่นในตอนนี้ ถ้าหากว่าท้องจริงๆ ท่านแม่ของนางไม่ปล่อยนางเอาไว้แน่ นางต้องพิสูจน์การคาดเดานี้ ถ้าหากเป็เพียงเื่ที่ตื่นใไปเอง ก็คงจะดีอย่างยิ่ง ทว่าในใจของนางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
หลิงมู่เอ๋อร์อุ้มกระต่ายลงจากูเา กระทั่งนางอยู่ห่างไกลจากหลิงไฉ่เวยและคนอื่นๆ แล้วนางถึงหยุดพักอยู่ครู่หนึ่ง
นางสะบัดแขน แขนที่เจ็บทำให้นางขมวดคิ้วด้วยความเ็ป
เมื่อสักครู่เป็เื่ยากยิ่งที่จะจัดการกับคนเ่าั้ ร่างกายนี้้าการฝึกฝนอย่างดี พรุ่งนี้เป็ต้นไป นางจะใช้วิธีการจากชาติก่อนเพื่อฝึกฝนร่างกายนี้
“นางหนูมู่ เ้าจับกระต่ายจากที่ใด? ” เพิ่งลงจากูเาไม่นาน บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม บุรุษผู้นั้นจ้องมองกระต่ายในมือของนางด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาเอื้อมมือไปจับกระต่าย หากเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ถอยกลับไป นางจับกระต่ายแน่นก่อนถอยหลังสองก้าว เขาจ้องนางอย่างไม่พอใจ “ข้าเป็ท่านอาเ้า หรือว่ากระต่ายนี่เ้าไม่ควรมอบให้ข้าเพื่อแสดงความเคารพหรือ? ”
“โอ้! มอบของแสดงความเคารพให้ท่าน หลังจากนั้นแขวนความตายทั้งครอบครัวของพวกข้าไว้ที่ประตูบ้านท่าน? ท่านรู้หรือไม่ว่าครอบครัวของพวกข้าไม่ได้กินอาหารมานานเท่าใดแล้ว ถ้าไม่กินอีก ก็จะมีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น อย่าพูดถึงว่าท่านไม่ใช่อาแท้ๆ ของข้า แต่แม้ว่าท่านจะเป็ท่านอาของข้า หากกล้าที่จะแย่งชิงกระต่ายตัวนี้ของข้า ข้าก็จะสู้สุดชีวิตกับท่านเช่นกัน” หลิงมู่เอ๋อร์พูดจบอย่างเ็า อุ้มกระต่ายแล้วเดินสาวเท้าก้าวใหญ่เดินจากไป
บุรุษวัยกลางคนอุทานเสียงดังเพย [2] จ้องไปที่แผ่นหลังของนางอย่างดุร้าย "นางเด็กตัวเหม็น จิ้งจิ่วไม่กินกินฝาจิ่ว [3] "
ตอนที่หลิงมู่เอ๋อร์กลับถึงบ้าน หยางซื่อกำลังตามหานางทุกที่ นางเห็นหลิงมู่เอ๋อร์กลับมา นางก็รีบร้อนมารับ เมื่อเห็นกระต่ายอยู่ในมือของนาง ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง รับมันไปพลางพูดไปพลาง "นี่เกิดอันใดขึ้น จับกระต่ายได้อีกตัวหนึ่งแล้ว? "
หลิงมู่เอ๋อร์คิดถึงหมีดำตัวนั้นที่ยังคงอยู่ในมือของซั่งกวนเซ่าเฉิน ในภายหลังต้องไปหาเขาบ่อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นย่อมปิดหยางซื่อไม่ได้ นางมองข้ามต่อความหวาดเสียวนั้น นำเื่ราวเมื่อสักครู่พูดสรุปอย่างง่ายๆ
เมื่อหยางซื่อได้ฟัง ก็ปิดปากและมองหลิงมู่เอ๋อร์ด้วยความใ นางจับมือบุตรสาวไว้ มองสำรวจนาง น้ำตาไหลอาบใบหน้า “ลูกผู้น่าสงสารของข้า! โชคดีที่เ้าไม่เป็อันใด ถ้าหากเ้ามีภัยอันตราย ข้าจะอยู่อย่างไร? ต่อไปเ้าไม่ต้องไปที่นั่นอีก แม่ยอมหิวตาย แต่ไม่ยอมให้เ้าไปเสี่ยงอันตราย”
“ท่านแม่ ข้ามิใช่สบายดีหรือเ้าคะ? ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดนั้น” หลิงมู่เอ๋อร์ตบที่หลังมือของหยางซื่อ “แต่ว่าข้าเพิ่งจะพบหลิงไฉ่เวยมา ยังได้พบท่านลุงหูที่อยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้านด้วย พวกเขาเห็นข้าอุ้มกระต่ายแล้ว เกรงว่าอีกสักครู่ท่านย่าก็จะมาหาเื่พวกเรา ท่านย่อมรู้ นางไม่สนใจความเป็ความตายของพวกเรา"
“ข้าจะนำสิ่งของไปซ่อนไว้ก่อน” เมื่อหยางซื่อได้ยิน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง
ไก่ป่าหนึ่งตัวและกระต่ายหนึ่งตัวของเมื่อวานนี้ล้วนถูกฆ่าหมดแล้ว ตอนนี้ยังคงวางไว้อยู่ในครัว เรือนของพวกเขาเล็กมากถึงเพียงนี้ ไม่มีที่ที่จะสามารถซ่อนสิ่งของไว้ได้อย่างแน่นอน
“ท่านแม่ หิมะด้านนอกหนาอย่างยิ่ง ท่านจงฝังเอาไว้ในหิมะเถิด กระต่ายตัวนี้ก็ฆ่าเสียก่อน จะได้ไม่วิ่งหนีไป” หลิงมู่เอ๋อร์ให้ความเห็นกับหยางซื่อ “พี่ชายล่ะเ้าคะ? ”
“เมื่อครู่นี้หลี่เจิ้งมาหนึ่งหน บอกว่าถนนบนูเาพังถล่ม ถ้าหากเป็แบบนี้ต่อไปพวกเราทั้งหมดจะถูกขังตายอยู่ที่นี่ เขาขอให้แต่ละครอบครัวส่งคนงานที่แข็งแรงหนึ่งคนไปทำความสะอาดถนน” หยางซื่อกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว “อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ขาพี่ชายของเ้าอีกยังเป็อย่างนั้น ข้าเป็ห่วงเขาจริงๆ "
เชิงอรรถ
[1] ลูกพลับอ่อน หมายถึง คนผู้นี้รังแกง่ายกว่าหรืออยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอ
[2] เสียงดังเพย หมายถึง ถุยน้ำลาย , ถุ้ยๆ
[3] จิ้งจิ่วไม่กินกินฝาจิ่ว หมายถึง จิ้งจิ่ว(敬酒)เหล้าที่ใช้ดื่มอวยพรแสดงความยินดี ฝาจิ่ว(罚酒)เหล้าที่ให้ดื่มเมื่อถูกปรับแพ้หรือถูกลงโทษ ใช้อุปมาว่า ในเมื่อพูดด้วยดีๆ ไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ