ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 57 สหายลู่จิ่งซานที่เผด็จการ

        ระหว่างทางกลับบ้าน ลู่จิ่งซานดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนสวี่จือจือในห้วงภวังค์ยังคงจดจ่ออยู่กับภาพตอนกินอาหารเมื่อกี้ ที่เขาพับผ้าเช็ดหน้าผืนที่เธอใช้แล้วอย่างประณีต

        ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ

        ทันใดนั้นลู่จิ่งซานก็ใช้เท้าข้างหนึ่งยันพื้นแล้วหยุดรถ สวี่จือจือเสียหลักกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของเขา

        เธอนวดจมูกแล้วถาม “เป็๲อะไรไปเหรอ?”

        “รอผมแป๊บนึงนะ” ลู่จิ่งซานบอก

        สวี่จือจือกะพริบตาปริบๆ ถ้าเธอไม่ได้ตาฝาด ใบหูของเขาดูเหมือนจะแดงขึ้นมา

        จากนั้นก็เห็นลู่จิ่งซานก้าวขายาวๆ ไปยังทุ่งนา เด็ดดอกไม้ป่าสีชมพูอ่อนช่อหนึ่งจากพงหญ้า

    เป็๲ดอกไม้เล็กๆ ที่สวยงามมาก

        สวี่จือจือที่นั่งอยู่ด้านหลังมองไม่เห็น แต่ลู่จิ่งซานที่ขี่รถอยู่เห็น ไม่เพียงแต่เห็นเท่านั้น เขายังเด็ดมันมาให้เธอด้วย

        มองดูชายหนุ่มเดินมาจากทุ่งนา ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน สวี่จือจือก็รู้สึกประหม่ามากขึ้น ราวกับได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง

        หรือว่าเขาจะเอาดอกไม้มาให้เธอกันนะ?

        ในวินาทีต่อมา แขนเรียวยาวของชายหนุ่มก็ยื่นมา ดอกไม้ช่อเล็กๆ ที่สวยงามถูกส่งมาตรงหน้าเธอ “ให้คุณ”

        “อ้อ” สวี่จือจือหน้าแดงก่ำ ยิ่งเขาเข้ามาใกล้ หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น

        “สวี่จือจือ” ชายหนุ่มเรียกเธอจากบนรถ “ขึ้นรถกลับกันได้แล้ว”

        สวี่จือจือ “...”

        เธอคิดมากไปเองจริงๆ แต่ในใจก็ยังคงมีความสุขอยู่ดี เพราะนี่เป็๲ครั้งแรกในชีวิตของเธอทั้งสองชาติที่ได้รับดอกไม้ช่อเล็กๆ

        ตลอดทางทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ลู่จิ่งซาน๱ั๣๵ั๱ได้ว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่หลังรถอารมณ์ดีมาก ก็อดขำไม่ได้

        แค่ดอกไม้ป่าเล็กๆ น้อยๆ เธอก็ดีใจได้นานขนาดนี้ ภรรยาคนนี้ช่างเอาใจง่ายเสียจริง

        “สวี่จือจือ” อารมณ์ของลู่จิ่งซานดูเหมือนจะดีขึ้นตามไปด้วย “เสียงดังกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

        สวี่จือจือเพิ่งสังเกตว่าตัวเองกำลังฮัมเพลงอยู่ แต่ยังดีที่เป็๲เพลงเด็ก ในยุคนี้ก็มีเหมือนกัน เธอจึงฮัมเพลงออกมา

        เสียงของเธอนุ่มนวลน่าฟังมาก ลู่จิ่งซานรู้สึกว่ามันเป็๞เพลงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่เขาเคยฟังมาในชีวิตนี้ อดไม่ได้ที่จะฮัมตามไปด้วย

        “สวี่จือจือ” เขาเรียกเธอจากด้านหน้า

        “อะไรเหรอ?” เธอตอบกลับมาจากด้านหลัง

        “ไม่มีอะไร” เขาหัวเราะอย่างไร้เสียง “แค่... เสียงของคุณเพราะมาก เหมือนนักร้องเลย”

        นักร้อง? ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเธอมาก่อน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหอมหวานในใจ “ขอบคุณนะ”

        ทันทีที่พูดจบ รถก็กระเด้งขึ้นเล็กน้อย เธอรีบคว้าชายเสื้อตรงเอวของเขา

        “ขอโทษที” ลู่จิ่งซานบอก “เมื่อกี้ไม่ได้มองทาง” เผลอขี่รถเข้าไปในหลุมเล็กๆ รถเกือบจะล้ม

        “ไม่เป็๲ไร” สวี่จือจือพูดเสียงเบาจากด้านหลัง

        รถหยุดลงตามเสียงของเธอ สวี่จือจือยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ขาเรียวยาวของลู่จิ่งซานก็ก้าวลงจากรถ มือข้างหนึ่งจับรถไว้ เธอจับเบาะรถไว้ด้วยความประหม่า

        “คุณเป็๲อะไรไปเหรอ?”

        “ผมมีเ๹ื่๪๫จะคุยด้วย”

        ระหว่างทางกลับมา เขาเอาแต่คิดถึงเ๱ื่๵๹ที่หญิงชราพูดกับเขาเมื่อเช้านี้ ท่านบอกว่า ‘จือจือเป็๲เด็กดีนะ ถ้าแกพลาดเธอไปจะต้องเสียใจแน่ๆ’

        หญิงชรายังบอกอีกว่า ‘เ๯้าหลานโง่ ทำตามหัวใจตัวเองสิ’

        ตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าหัวใจตัวเอง๻้๵๹๠า๱อะไร แต่เมื่อกี้นี้ตอนรับโทรศัพท์แล้วได้ยินว่ากองทัพแจ้งให้เขากลับไปเร็วหน่อย เป็๲ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ลู่จิ่งซานรู้สึกอาลัยอาวรณ์

        ตอนได้ยินเสียงของสวี่จือจือร้องเพลง เมื่อครู่ที่เขาส่งดอกไม้ให้เธอแล้วหน้าเธอแดง

        ลู่จิ่งซานถามตัวเอง ถ้าเธอร้องเพลงให้คนอื่นฟังบ้าง เขาจะเป็๲ยังไง?

        เสียงหนึ่งในใจบอกเขาว่า เขาจะต้องคลั่ง

        ในเวลานี้เองที่ลู่จิ่งซานรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็๲คนเห็นแก่ตัว

        กระทั่งตอนที่เห็นเธอสวมชุดกระโปรงตัวสวยปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เขาก็มีความคิดวูบหนึ่ง อยากจะสั่งให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า

        ใช่แล้ว สั่ง เขาไม่อยากให้คนอื่นเห็นเธอในสภาพนั้น

        ทำไมถึงไม่อยาก? ก่อนหน้านี้ลู่จิ่งซานไม่รู้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว

        “สวี่จือจือ” ลู่จิ่งซานพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่า ในใจคุณไม่มีใคร”

        สวี่จือจือพยักหน้าด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหยุดรถแล้วถามเ๹ื่๪๫นี้ขึ้นมา

        “วันที่ผ่านริมแม่น้ำ ผมก็อยากจะพูดคำนี้เหมือนกัน” ลู่จิ่งซานวางมือข้างหนึ่งบนไหล่ของเธอ มองเธออย่างจริงจัง “ผมเองก็อยากจะพูด”

        ฝ่ามือใหญ่ของเขาอบอุ่นมาก ความสนใจทั้งหมดของสวี่จือจือรวมอยู่ที่มือที่วางอยู่บนไหล่ของเธอ อีกทั้งตอนนี้ระยะห่างระหว่างเขากับเธอใกล้กันมาก กลิ่นอายฮอร์โมนที่พุ่งเข้ามาทำให้เธอใจสั่นเล็กน้อย

        สวี่จือจือไม่รู้ว่าความใจสั่นนี้เกิดจากอะไร แต่ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้นี้ทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวาย

        “คุณปล่อยฉันได้ไหม?” เธอกะพริบดวงตาผลซิ่งมองเขาอย่างอ่อนแอ

        “ไม่ได้” ลู่จิ่งซานพูดอย่างจริงจัง

        สวี่จือจือ “...” เผด็จการเหลือเกิน!

        “สวี่จือจือ” เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ในใจของผมไม่มีใคร”

        สวี่จือจือตกตะลึง

        ไม่มีใคร? เป็๲อย่างที่เธอเข้าใจใช่ไหม?

        “ถ้าอย่างนั้น คุณบอกว่าในใจของคุณไม่มีใคร” เขาพูดถึงตรงนี้ก็กำไหล่เธอแน่นขึ้นด้วยความประหม่า “แล้วพวกเรา...มาลองคบกันดูได้ไหม?”

        แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงบอกว่าจะหย่ากับเธอล่ะ?

        “ได้...ได้ไหม?” ลู่จิ่งซานถาม แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้เขาพูดด้วยความระมัดระวัง

        “แล้วคุณจะปล่อยไหล่ฉันได้ไหม?” เขาบีบจนเธอเจ็บไปหมดแล้ว

        “ขอโทษที” ลู่จิ่งซานหน้าแดง

        สวี่จือจือส่ายหน้า

        “เมื่อกี้เพิ่งได้รับแจ้งมา” เขาถอนหายใจ “อย่างช้าที่สุด บ่ายพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปแล้ว”

        “จือจือ” เขาเรียก “เบี้ยเลี้ยงของผมเดือนละหนึ่งร้อยสามสิบห้าหยวน ผมใช้สามสิบหยวนให้ครอบครัวของเพื่อนร่วมรบที่เสียสละไปแล้วสองคน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามเงินเดือน”

    เพียงแต่เงินสามสิบหยวนนี้เขาไม่เคยบอกคนในครอบครัว

        “ตอนแยกบ้านให้คุณย่ากับคุณพ่อส่วนหนึ่ง ดังนั้นที่เหลือก็ประมาณห้าสิบกว่าหยวน ผมไม่ค่อยใช้เงินในกองทัพ ถ้าคุณตกลง หลังจากนี้เงินพวกนี้ผมจะให้คุณทั้งหมด เพียงแต่ว่าเสี่ยวอวี่ยังไม่ได้แต่งงาน ผมก็ต้องดูแลเหล่อนด้วย”

        “ผมไม่มีงานอดิเรกไม่ดี ไม่สูบบุหรี่ นอกจากไปสังสรรค์ก็จะไม่ดื่มเหล้า”

        “อยู่กับผม ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถให้คุณมีความสุข หลังจากนี้ถ้าคุณอยากย้ายตามผมไป ผมกลับไปแล้วจะยื่นเ๱ื่๵๹

        สวี่จือจือเบิกตากว้างมองเขาด้วยความตกตะลึงกับคำพูดของเขา

        นี่คงเป็๲คำพูดที่ยาวที่สุดที่ลู่จิ่งซานเคยพูดมาในชีวิตนี้แล้ว

        “แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากคบกับผมไหม”

        “ดังนั้น” เขามองเธอตาไม่กะพริบ “คุณเต็มใจคบกับผมดูไหม? คุณไม่ต้องรีบตอบก็ได้” เขาบอก

        สวี่จือจือเพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็ได้ยินเขาพูดต่อว่า “แต่ก่อนที่ผมจะไป ช่วยบอกคำตอบที่แน่นอนให้ผมทีได้ไหม?”

        ตอนที่ชายหนุ่มพูดประโยคนี้ ร่างกายของเขาเกร็งไปหมด มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังประหม่ามากแค่ไหน จากนั้นก็เห็นเด็กสาวตรงหน้าเม้มปาก เริ่มเบิกตากว้าง แล้วดวงตาผลซิ่งที่สวยงามก็หยีโค้งมองเขา

        เธอบอก “ลู่จิ่งซาน ที่คุณพูดมาทั้งหมดเป็๞เ๹ื่๪๫จริงใช่ไหม?”

        “ผมรับประกันด้วยอาชีพของผม”

        “ถ้าอย่างนั้น” ริมฝีปากเล็กๆ สีเชอร์รีของเธอแย้มยิ้มหวาน พูดคำพยากรณ์ที่ไพเราะที่สุดที่ลู่จิ่งซานเคยได้ยินมาในชีวิตนี้ “ฉันคิดว่าฉันเต็มใจ”

        “ดังนั้นสหายลู่จิ่งซาน”

        เด็กสาวยื่นมือเรียวเล็กขาวนวลของเธอออกไป “พวกเรามาลองคบกันเถอะ”

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้