ภารกิจบนูเาผู่ถัวผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ช่างทอผ้าทุกคนปลอดภัยไร้าแ ส่วนลูกน้องของเหยียนโจวเฟิ่งถูกสังหารทั้งหมด เนื่องจากไม่มีผู้ใดยอมวางอาวุธในมือเพื่อยอมแพ้ พวกเขายอมตายดีกว่าถูกจับตัวไปทรมาน
ฟงเฉิงฮ่าวพาทั้งทหารและช่างทอผ้าลงจากเขา และกลับมาถึงศาลาว่าการเมืองผู่กังในยามเว่ย หยางไท่ิจึงให้ทหารที่อยู่กับตน ช่วยดูแลทหารที่าเ็รวมถึงที่พักและอาหาร โดยไม่ลืมบอกกับทุกคนว่าจะออกเดินทางในยามเฉินของวันรุ่งขึ้น
หยางไท่ิเอ่ยถามสหายทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้องโถงรับรอง “เ้าคงไม่ลืมทำงานสถานที่แห่งนั้นกระมังอาฮ่าว”
อึก อ่าห์ ปึก “แล้วเ้าเคยเห็นข้าผิดพลาดเมื่อทำภารกิจหรือไม่เล่า แล้วนี่เ้ามานั่งทำหน้าเคร่งขรึมทำไมกัน หรือว่ามีปัญหาอื่นแทรกแซงเพิ่มเติมงั้นรึ อาิ” ฟงเฉิงเฮ่าตอบคำถามของหยางไท่ิ หลังจากนั่งดื่มน้ำชาแก้กระหาย
“อืม เ้าคิดว่ามันแปลกบ้างหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่เ้ากับข้าก็อายุยี่สิบปีเช่นเดียวกับเหยียนโจวเฟิ่ง แล้วเหตุใดคุณหนูรองถึงได้เรียกเ้านั่นว่าลุง อาฮ่าวเ้าว่านางคิดจริงหรือแค่พูดให้เหยียนโยวเฟิ่งโกรธกันแน่”
“..??..”
ฟงเฉิงฮ่าวยังงุนงงกับคำพูดของสหายอยู่เล็กน้อย ก่อนจะทบทวนความจำเื่ที่เกิดขึ้นในวันงานประมูลผ้าไหม ก็นึกได้ว่าซูอันเรียกเหยียนโจวเฟิ่งลุงจริง ๆ แต่เขาไม่เข้าใจสหายจะคิดมากกับคำพูดไปใย “นี่อาิถึงคุณหนูรองนางจะพูดเช่นนั้น แต่คงมิได้คิดจริงจังหรอกน่า อย่าบอกนะว่าที่เ้าดูเคร่งขรึมนั่งเงียบ ๆ อยู่ที่นี่ เป็เพราะคำพูดของนางงั้นหรือ?”
“หรือเ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ ถ้านางเรียกเ้ากับข้าเช่นนั้นเหมือนกันเล่า” หยางไท่ิจริงจังกับเื่นี้มาก
“เ้านี่มัน..ฮ่า ๆ ๆ นางไม่มีวันเรียกพวกเราเช่นนั้นแน่ ถ้าเ้าไม่ลืมนะอาิว่านางเรียกพวกเราว่าคุณชาย และที่สำคัญเ้าเหยียนโจวเฟิ่งนั่น หน้าตามิได้หล่อเหลาสักนิดสมกับคำว่าลุงแล้ว แต่เ้ากับข้าทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะที่ร่ำรวย จะไปเปรียบเทียบให้ตนเองทุกข์ไปทำไมเล่า มิสู้คิดคำพูดเอาไว้ยามต้องบอกลาคุณหนูทั้งสองไม่ดีกว่ารึ” ฟงเฉิงฮ่าวไม่คิดมาก่อนว่าสหายที่มั่นใจในตนเองมาตลอด จะหวั่นไหวกับคำว่าลุงจากหญิงสาวที่ตนพึงใจได้มากถึงเพียงนี้
หยางไท่ิพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เขาทำได้เพียงมองผู้เป็สหายด้วยสายตาหมั่นไส้ และจบบทสนทนาไปเสียดื้อ ๆ “หึ เื่นั้นไม่ต้องให้เ้าบอกข้าก็คิดเองได้ รีบกลับไปที่เรือนรับรองแล้วชำระร่างกายเสีย จะได้มาช่วยข้าตรวจบัญชีทรัพย์สินที่ยึดมาได้ เอ๋ อย่าได้คิดหลบเลี่ยงทำเนียนพักสายตา เพื่อแอบไปนอนพักเด็ดขาด ข้าขอสั่งเ้าในนามหัวหน้าหากขัดคำสั่งงดจ่ายเบี้ยหวัดสามดะ..”
“อย่า ๆ ๆ ท่านหัวหน้าผู้ฉลาดและหล่อเหลาราวเทพเซียน ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้แล้วขอรับ รับรองจะกลับมาภายในหนึ่งเค่ออย่างแน่นอน อย่าตัดเบี้ยหวัดข้าน้อยเลยนะหัวหน้า ข้าต้องเก็บเงินไว้แต่งฮูหยินนะและเก็บไว้เลี้ยงลูก ๆ ในอนาคตอีกนะขอรับหัวหน้า” ฟงเฉิงฮ่าวรีบขอร้องสหายผู้รั้งตำแหน่งหัวหน้าของตน หากเขาถูกหักเบี้ยหวัดจากเื่งาน มิน่าอับอายพวกลูกน้องคนอื่นหรอกหรือไร
หยางไท่ิมองค้อนสหายด้วยดวงตานิ่งสนิท และพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่า “ถ้าเ้ายังชักช้าข้าจะออกคำสั่งทันที”
“ไปแล้ว ๆ ๆ อย่าหักเด็ดขาดนะอาิ” ฟงเฉิงฮ่าวเห็นหยางไท่ิทำท่าทางจริงจัง จึงทนนั่งอีกต่อไปไม่ได้เขารีบวิ่งออกจากห้องโถงรับรองแทบไม่ทัน
คืนที่ผ่านมาทุกคนพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ก่อนจะถึงรุ่งเช้าของวันเดินทาง หยางไท่ิและฟงเฉิงเฮ่าได้นำเงินไปมอบให้ช่างทอผ้า เพื่อเป็ค่าชดเชยรวมถึงค่าทำขวัญที่ถูกจับตัวมา โดยมองให้คนละยี่สิบตำลึงเงินอีกทั้งกำชับให้พวกเขาเก็บไว้ให้ดี
จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็สีทองระเรื่อ เมื่อแสงอรุณแรกของเช้าวันใหม่มาถึง ขบวนเดินทางขนาดใหญ่กว่าเดิม จึงเคลื่อนตัวออกจากเมืองผู่กังเสียงกีบเท้าม้าและล้อเกวียน บดลงบนพื้นกรวดดังไปทั่วท้องถนนของเมือง เสียงก่นด่าสาปแช่งนักโทษฏดังเป็ระยะ
หยางไท่ิขี่ม้าอยู่หน้าแถวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาสวมชุดผ้าไหมสีดำราคาแพงที่เอวห้อยดาบคู่ ซึ่งเป็อาวุธประจำตัวที่หยางไท่ิถนัดมากที่สุด แม้สองข้างทางเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สายตาคมดุของเขากลับไม่หยุดกวาดมองรอบข้าง เพื่อป้องกันการชิงตัวนักโทษฏที่อาจเกิดขึ้นได้
ฟงเฉิงฮ่าวซึ่งขี่ม้าเคียงข้างด้วยท่าทีสบายๆ แม้เขาจะดูเหมือนไม่ได้กังวลกับสิ่งใด แต่มือที่วางอยู่ใกล้ดาบกลับบอกเป็นัยว่าตัวของฟงเฉิงฮ่าวเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
“อาิเ้าคิดว่าคุณหนูตระกูลจินทั้งสอง จะเตรียมสิ่งตอบแทนอันใดไว้ใหพวกเราทั้งคู่งั้นหรือ” ฟงเฉิงฮ่าวพูดขึ้นเพราะในใจแอบคาดหวังเล็กน้อย “ข้าล่ะหวังว่าคุณหนูใหญ่จินจะมีสิ่งของมอบให้เป็พิเศษ”
หยางไท่ิปรายตามองเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยเสียงอันเรียบนิ่ง “เื่นี้ข้าตอบเ้าไม่ได้หรอกนะอาอ่าว ไม่ว่าพวกนางจะมอบสิ่งใดให้ ข้าคิดว่ามันล้วนเป็ของมีค่าทั้งสิ้น”
ฟงเฉิงฮ่าวหัวเราะเบา ๆ เพราะเขาย่อมรู้ว่าสหายจะตอบว่าอย่างไร “ไอหยา ข้ารู้หรอกน่าแต่มันอดไม่ได้ที่จะอยากรู้นี่นา”
ระหว่างการเดินทางกลับหยางไท่ิ มีคำสั่งเมื่อถึงจุดพักในป่าโล่ง และวางกำลังเวรยามเฝ้าระวังนักโทษอย่างแ่า ป้องกันการหลบหนีหรือมีมือที่สามเข้ามาชิงนักโทษ
แม้จะมีเกวียนวัวหลายเล่มที่มีทั้งนักโทษ หรือทรัพย์สินที่ยึดมาได้พอสมควร แต่การเดินทางมาถึงเมืองผู่เถียน มิได้ใช้เวลานานมากนักเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ ขบวนขนาดใหญ่ของหยางไท่ิก็มาถึง ซึ่งมีเ้าเมืองปิงชุนออกมารอต้อนรับ และรับ่ต่อกับการนำนักโทษไปคุมขัง รอจัดขบวนใหม่อีกครั้งเพื่อเดินทางเข้าเมืองหลวงในวันถัดไป
ในวันนี้ที่หยางไท่ิกลับมาถึงเมืองผู่เถียน ช่างประจวบเหมาะกับการกลับมาของไห่หยุน ที่ได้รับมอบหมายภารกิจ สืบประวัติครอบครัวของซูอันว่ามีความเป็มาอย่างไร
“ว่าอย่างไรไห่หยุนได้เื่อันใดกลับมาบ้าง รีบพูดมาให้ละเอียดพวกข้าสองคนรอฟังอยู่” ฟงเฉิงฮ่าวถามคนของตนทันทีที่ไห่หยุนเข้ามาพบ
ไห่หยุนค้อมตัวทำความเคารพ ก่อนจะบอกเล่าเื่ที่ตนได้รับรู้มา ด้วยสีหน้าแววตาสงสารและเห็นใจครอบครัวของซูอัน “เรียนคุณชายรองบิดาของคุณหนูทั้งสอง เดิมทีบุตรชายคนที่สามของนายท่านหลิวกับอนุนางหนึ่ง ซึ่งตระกูลหลิวมีกิจการคือการปักผ้าไหม ก่อนที่นายท่านหลิวจะรับอนุผู้นี้เข้าจวน กิจการปักผ้ามิได้มีชื่อเสียงมากนัก
แต่เมื่อมีอนุผู้นี้เข้ามาฝีมือการปักผ้าของนาง จึงทำให้ตระกูลหลิวเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเคล็ดลับการปักผ้าที่ไม่เหมือนใคร จนในที่สุดธาตุแท้ของนายหลิวก็เผยออกมาจนได้ขอรับ”
“เล่าต่อไป” หยางไท่ิเริ่มมีสีหน้ามืดครึ้มทีละนิด
“ขอรับ เมื่ออนุผู้นี้รู้เจตนาที่แท้จริงของนายท่านหลิว นางจึงเริ่มแข็งข้อไม่ยอมบอกเคล็ดลับออกไป แต่กลับสอนให้บุตรชายเพียงคนเดียวของนาง เริ่มเรียนรู้วิธีการปักผ้าั้แ่อายุห้าหนาว ไม่ว่านายท่านหลิวและหลิวฮูหยินจะใช้วิธีใด ก็ไม่สามารถโน้มน้าวนางได้ สุดท้ายจึงออกปากไล่นางให้ไปอยู่เรือนท้ายจวน
เมื่อใดที่มีลูกค้า้าผ้าปัก ยังคงเป็อนุผู้นี้ที่ต้องทำงานหนักเพียงลำพัง พอบุตรชายของอนุนางนี้ถึงวัยแต่งงาน ก็เป็นายท่านหลิวที่หามาให้และคิดจะใช้เป็เครื่องมือ แต่ก็ยังคว้าน้ำเหลวอยู่เช่นเดิม ภายหลังอนุผู้นี้ตายจากไป ความลำบากทั้งหมดก็ตกอยู่กับครอบครัวเล็ก ๆ พ่อแม่ลูกทั้งสี่คน ที่ต้องทำงานเยี่ยงบ่าวรับใช้ในเรือน
สาเหตุที่บิดาของคุณหนูทั้งสอง ตัดสินออกจากตระกูลหลิวนั้น เพราะหลายเดือนก่อนนายท่านหลิวคิดจะลงโทษลูกสะใภ้ แต่เป็คุณหนูรองที่วิ่งเข้าไปบังร่างของมารดาไว้ จนได้รับาเ็หมดสติไปเกือบสามวัน หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้บิดาของคุณหนูทั้งสอง จึงตัดสินใจขอตัดขาดกับตระกูลหลิวอย่างเด็ดขาดขอรับ
อ้อ บ่าวเกือบลืมไปเื่หนึ่ง ก่อนที่จะออกจากจวนคุณหนูรอง ยังบุกเข้าไปในห้องทานอาหาร ทุบทำลายอาหารบนโต๊ะจนพังเสียหาย รวมถึงทุบตีทั้งหัวหงอกหัวดำจนาเ็ไปตาม ๆ กันขอรับ”
หลังจากฟังเื่ราวของตระกูลจินจากไห่หยุน ทั้งหยางไท่ิและฟงเฉิงฮ่าวถึงกับกำหมัดแน่น รู้สึกเ็ปและโกรธแค้นตระกูลหลิวขึ้นมาทันใด ทั้งสองไม่คิดว่าสตรีที่พวกตนพึงใจ จะผ่านเหตุการณ์ยากลำบากมากถึงเพียงนี้
หยางไท่ิกัดฟันถามไห่หยุนอีกครั้ง “ยามนี้คนตระกูลหลิวเป็อย่างไร หลังจากคุณหนูรองกับครอบครัวตัดขาดความสัมพันธ์”
ครั้งนี้ไห่หยุนตอบด้วยแววตาสาแก่ใจ “เรียนคุณชายหยาง เท่าที่บ่าวสอบถามจากบ่าวไพร่และสาวใช้ในจวน พบว่าั้แ่ไม่มีครอบครัวของคุณหนูรอง ตระกูลหลิวก็ลดความน่าเชื่อถือไปมาก มีลูกค้าเริ่มถอยห่างไม่ทำการค้ากับพวกเขาอีก เพราะทั้งครอบครัวของบุตรชายคนโตกับคนรอง ไม่มีฝีมือด้านการปักผ้าแม้แต่น้อยขอรับ”
“สมน้ำหน้าทำสิ่งใดไว้ก็รับผลของการกระทำไปเสียเถิด เหอะ ข้ายังคิดอยู่ว่าเหตุใดหลิงเอ๋อร์ของข้า นางถึงดูผ่ายผอมกว่าสตรีอื่นนัก สาเหตุมาจากพวกตระกูลหลิวนี่เอง” ฟงเฉิงฮ่าวแค่นเสียงให้กับคำตอบของไห่หยุน
ยังเป็หยางไท่ิที่ยังคิดอ่านเื่ราวอย่างละเอียด “หึ แม้ตระกูลจินจะเป็อิสระแยกตัวออกมาได้แล้ว แต่ข้าไม่เชื่อว่าสุนัขจนตรอกและไม่เคยลำบาก จะยอมปล่อยให้ครอบครัวนี้อยู่อย่างสงบสุข ยิ่งเื่การประมูลผ้าไหมไปถึงหูของคนพวกนั้น จะไม่มีแผนชั่วเกิดขึ้นได้หรือ”
ฟงเฉิงฮ่าวได้ยินคำพูดของสหายก็คิดถาม และตัวเขาย่อมเห็นว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง ๆ “อาิถ้าคนตระกูลมาก่อความวุ่นวาย หลังจากพวกเรากลับเมืองหลวงไปแล้วล่ะ หลิงเอ๋อร์กับครอบครัวจะไม่เป็อันตรายหรอกรึ”
“อืม อาฮ่าวเ้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่ หากจะให้ไห่หยุนกับอู๋ซูอยู่ที่นี่ คอยปกป้องพวกนางอย่างลับ ๆ และคอยส่งข่าวไปรายงานอย่างสม่ำเสมอ” หยางไท่ิเสนอวิธีปกป้องสตรีในดวงใจกับสหาย
ฟงเฉิงฮ่าวย่อมเห็นดีด้วยกับหยางไท่ิอยู่แล้ว “ได้! วิธีนี้ของเ้าข้าจะไม่เห็นด้วยได้หรือ พวกเ้าสองคนได้ยินแล้วนะว่าั้แ่พรุ่งนี้เป็ต้นไป มีหน้าที่คอยคุ้มครองว่าที่ฮูหยินน้อยของพวกข้าสองคน”
“รับทราบขอรับคุณชาย/รับทราบขอรับคุณชายรอง”
หยางไท่ิเห็นว่าทุกอย่างเป็ไปตามที่พูดคุย จึงรีบออกปากเื่การพักผ่อนกับคนสนิททันที “หมดเื่แล้วพวกเ้ากลับไปพักผ่อนเถิด ข้ากับอาฮ่าวก็จะพักผ่อนเช่นกัน”
“ขอรับ/ขอรับ”
เมื่อลับร่างของคนสนิททั้งสี่คน หยางไท่ิยังคงนั่งคิดเื่ของซูอัน ซึ่งไม่ต่างกับสหายอย่างฟงเฉิงฮ่าวที่คิดเื่ของเยี่ยนหลิง ทั้งสองคนคิดไว้คล้ายคลึงกันว่า เมื่อกลับถึงเมืองหลวงจะรีบจัดการงานของตนให้เรียบร้อยโดยเร็ว ก่อนจะหาทางกลับมาเยี่ยมเยียนพวกนางอีกครั้ง
