หลินหวั่นชิวยิ้ม “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอ จริงสิ ข้าฝากนำของไปให้เขาที” หลินหวั่นชิวพูดจบก็กลับห้องไปหยิบกล่องสองใบมามอบให้ทังหยวน
ทั้งหมดคือภาพที่นางวาด มีภาพประกอบ มีม่านฮว่า
“บอกคุณชายพวกเ้าให้เร่งมือหน่อยเถิด นิยายที่เขาเขียนรอบนี้ต้องทำเงินได้เป็แน่!” หลินหวั่นชิวพูดพร้อมกับเดินออกไปส่งทังหยวน “จริงสิ อีกไม่กี่วันข้าจะกลับหมู่บ้านแล้ว หากมีอะไรก็ไปหาข้าที่หมู่บ้าน”
“ขอรับ ข้าจะกลับไปเรียนให้คุณชายทราบ” ทังหยวนยิ้มกว้างจนเห็นฟันที่หลอ
หลินหวั่นชิวยังหาซื้อไร่ใกล้หัวเมืองไม่ได้ แต่ซื้อไร่ใกล้อำเภอได้แล้ว เป็ไร่ขนาดเล็ก เจียงหงหย่วนเป็คนช่วยหา ลูกชายล้างผลาญของเ้าของที่ดินรายหนึ่งนำไร่ที่ทางบ้านแบ่งให้มาเล่นพนันแล้วเสีย เจียงหงหย่วนรู้ว่าหลินหวั่นชิวกำลังหาซื้อไร่ ตัดสินใจช่วยซื้อให้นาง
สองวันนี้นางยุ่งกับการจัดการเื่ไร่ ไปเจอชาวนาที่เช่านาทำและกำหนดค่าเช่า เก็บค่าเช่าถูกกว่าเ้าของคนเดิมหนึ่งส่วน ทำเอาชาวนากลุ่มนี้คุกเข่าคำนับศีรษะให้หลินหวั่นชิวด้วยความตื้นตันใจ
ต่อด้วยซื้อคนเฝ้าไร่อีกหนึ่งครอบครัว เจียงไฉมีความสามารถ ตอนนี้หลินหวั่นชิวให้เขาเป็ผู้ดูแลใหญ่ประจำบ้านเจียง มอบหน้าหน้าที่จัดหาบ่าวใช้และแจกจ่ายงานในไร่ให้เขาเป็คนจัดการ
นางมีหน้าที่แค่ตรวจสอบบัญชีและมาดูเป็ครั้งคราวเท่านั้น
เมื่อไม่มีคนอยู่ หลินหวั่นชิวย้ายหนังสือและผ้าที่เก็บในช่องเก็บของเสียนอวี๋ไปไว้ในโกดังที่นี่ รอให้ร้านที่หัวเมืองตกแต่งเสร็จแล้วค่อยส่งคนมาขนสินค้าจากที่นี่
หลินหวั่นชิวมองโกดังที่มีของวางเต็มแล้วยิ้ม ทั้งหมดนี้คือเงิน!
ผ้าแพรต่างๆ ส่งให้หอซินชุน แม้นางวางแผนว่าจะไม่เอากำไรจากหอซินชุนแม้แต่ส่วนเดียว จะนำไปทำกุศลทั้งหมด ไม่รับส่วนแบ่งจากการขายปลีก แต่กำไรจากขายส่งจะเป็ของนางแต่เพียงผู้เดียว
เพราะยากจน…จำเป็ต้องคำนวณในละเอียด
เติมของเต็มโกดังหนึ่งห้องแต่ยังไม่พอ หลินหวั่นชิวทำห้องอีกหลายห้องให้เป็โกดังและจุของเต็ม
หลังจากที่นางบอกเจียงหงหย่วนว่าจะใช้ที่นี่เป็โกดังเก็บสินค้า เจียงหงหย่วนช่วยหาทหารเก่าที่ไม่มีครอบครัว ไม่มีภรรยาและมีลูกไม่ได้มาช่วยเฝ้าที่นี่สองคน
ทหารคนนี้หลิวเฉียงแนะนำให้สำนักคุ้มภัย แต่เจียงหงหย่วนรู้ว่าหากเลี้ยงดูคนเช่นนี้ในวัยเกษียณ เมตตาต่อเขา เช่นนั้นเขาจะจงรักภักดีต่อเ้า
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่หลิวเฉียงแนะนำก็เป็คนที่เคยร่วมเป็ร่วมตายในสนามรบกับเขา ไม่ติดสุรา ไม่ติดพนัน เจียงหงหย่วนค่อนข้างวางใจในนิสัย
ให้เงินเดือนเดือนละสามตำลึง ไม่ต้องวิ่งคุ้มกันขบวนสินค้าไปทั่วเหนือใต้ออกตก ทหารเก่าทั้งสองดีใจมาก พากันตบหน้าอกบอกให้วางใจ พวกเขาจะดูแลไร่ให้ดี
“…นี่คือป้ายคู่ วันหน้าหากมีคนมารับสินค้าให้ตรวจสอบป้ายคู่และใบรายการสินค้าในมือพวกเขา พวกเ้าตรวจสอบตามรายการที่เขียน ตรวจสอบบัญชีทุกสิ้นเดือน ต้องจดการเข้าออกของสินค้าให้ชัดเจน” หลินหวั่นชิวเชิญถงเซิง[1]คนหนึ่งในหมู่บ้านให้เป็เ้าหน้าที่บัญชี ให้เงินเดือนเดือนละห้าตำลึง ทำเอาถงเซิงเฒ่าดีใจมาก
นางสอนวิธีทำบัญชีกระแสรายวันแบบยุคปัจจุบันให้เขา รอจนเขาทำบัญชีและจดรายการสินค้าเข้าออกโกดังเป็ หลินหวั่นชิวจึงออกจากไร่
ต้องรีบซื้อไร่บริเวณหัวเมือง เช่นนี้แล้วทั้งสองแห่งจะได้ถ่ายสินค้าให้กันและกัน ปิดบังที่มาของสินค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แค่ยอมเสียเงินจ้างคนเยอะหน่อย ไม่นาน ร้านค้าสองแห่งที่หัวเมืองก็ตกแต่งเสร็จแล้ว ในหยาเหมินมีหวางจ้งซานคอยช่วยเหลือ หวงจ้งซานสั่งอันธพาลในท้องที่ไม่ให้ไปก่อความวุ่นวายในหอซินชุนและร้านหนังสือซินจือเช่นกัน
เถ้าแก่ที่ดูแลทั้งสองร้านถูกจ้างมา กำหนดกฎภายในร้านให้เรียบร้อย หลินหวั่นชิวฝากให้เจียงหงหย่วนช่วยตรวจสอบตัวตนของคนที่จ้างมาจากหยาเหมิน คนที่จ้างมาทำงานต้องมีประวัติดี ไม่มีอุปนิสัยไม่ดี
หลินหวั่นชิวพึงพอใจกับการตกแต่งมาก ส่งคนไปขนสินค้าจากที่ไร่มาที่หัวเมือง หลังจากที่ร้านค้าทั้งสองแห่งมีของวางเต็ม หลินหวั่นชิวให้คนช่วยหาฤกษ์ดีที่ใกล้ที่สุด จากนั้นจุดประทัดเปิดกิจการ!
ใบปลิวถูกแจกจ่ายออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งสองแห่งมีข้อเสนอพิเศษสำหรับวันเปิดร้าน ลดราคาั้แ่สองส่วนจนถึงห้าส่วน
เพราะมีการประชาสัมพันธ์ที่ดี กิจการของทั้งสองแห่งจึงดีมาก ชื่อเสียงแพร่กระจายออกไป
ฟู่…
จัดการธุระสองเื่นี้เสร็จ ในที่สุดหลินหวั่นชิวก็โล่งอก
คืนวันนั้น นางแช่ตัวในอ่าง ผล็อยหลับไปั้แ่เมื่อไรไม่รู้
เจียงหงหย่วนหันมาเห็นภรรยาตัวน้อยหลับไปแล้วรู้สึกสงสารนางจับใจ
เป็ครั้งแรกที่เขาช่วยนางอาบน้ำและอุ้มขึ้นเตียงอย่างไม่มีใจเป็อื่น ช่วยนางนวดั้แ่หัวจรดเท้า
ภรรยาตัวน้อยสบายจนส่งส่งพึมพำ
พลิกตัวมาหาชายฉกรรจ์ เบียดตัวเข้าอ้อมอกเขา แนบศีรษะกับแผงอกแล้วหลับสบายกว่าเดิม
เจียงหงหย่วนยิ้ม ตบหลังภรรยาตัวน้อยเบาๆ และหลับตาลงเช่นกัน
ราตรีนี้ ทั้งคู่หลับสนิท
รุ่งเช้า หลินหวั่นชิวถูกปลุกให้ตื่นด้วยกลิ่นหอมของอาหาร
กลิ่นบะหมี่เนื้อแกะ
“อีกไม่กี่วันจะหาซื้อเนื้อแกะยากแล้ว ข้าจึงอาศัยจังหวะที่ยังมีขายมาทำบะหมี่เนื้อแกะให้เ้าทาน ใส่ผักชีและพริกพูนๆ รีบลุกมากิน กินเสร็จค่อยล้างหน้า”
ชายฉกรรจ์วางถาดลงบนโต๊ะ หยิบเสื้อให้ภรรยาตัวน้อยพร้อมกับช่วยใส่
หลินหวั่นชิวยิ้มตาหยีรับการปรนนิบัติจากชายฉกรรจ์ หัวใจนางถูกเขาเติมเต็มจนล้น
นางชอบวันเวลาเช่นนี้เหลือเกิน
ทุกวันยุ่งอยู่กับงาน แต่เพราะมีชายฉกรรจ์เคียงข้าง นางจึงรู้สึกว่ามีอนาคตมาก
ใส่เสื้อผ้าแล้วนั่งลงที่โต๊ะ ชายฉกรรจ์เป็คนกินเร็ว เพียงครู่เดียวก็กวาดบะหมี่ชามั์ลงท้องจนเกลี้ยง
เขากินเสร็จแล้ว หลินหวั่นชิวเอนไปซบอกเขา
อยากให้เขากอด
จากนั้นค่อยๆ กินบะหมี่ภายใต้อ้อมแขนของเขา
เจียงหงหย่วนโอบเอวนาง จ้องนางที่กินช้าๆ หันไปยิ้มว่า “ข้าจนปัญญากับเ้าเสียจริง”
หลินหวั่นชิวหันมายิ้มให้เขา มุมปากมันเลื่อมมีต้นหอมติด
ชายฉกรรจ์ใช้ลิ้นตวัด ต้นหอมหายไป
“รีบกิน กินเสร็จแล้วพวกเราไปดูไร่” เสียงชายฉกรรจ์แหบแห้ง
อยากเผด็จศึกเ้าทั้งแบบนี้จริงๆ
หลินหวั่นชิวได้ยินว่าจะไปดูไร่ก็ตาเป็ประกาย รีบเร่งความเร็ว ยกบะหมี่เนื้อแกะชามโต๊ะขึ้นซดน้ำแกง
จากนั้นเรอต่อหน้าชายฉกรรจ์
นาง…
หมดหนทางเยียวยาแล้ว
ไม่รักษาท่าทีต่อหน้าชายฉกรรจ์แล้ว
ชายฉกรรจ์บีบหน้าท้องที่พองนูนของนางเบาๆ พูดหยอกว่า “กินไม่หมดก็ไม่ต้องกิน ดูพุงเ้าสิ…เด็กโง่!”
หลินหวั่นชิวไม่ยอมใจ ทำตาขวางใส่เขา “ก็เพราะท่านทำเยอะไม่ใช่หรือไร ข้าปล่อยให้ความตั้งใจของท่านสูญเปล่าไม่ได้!”
ฮึ่ม มาหาว่านางโง่!
คำพูดของหลินหวั่นชิวทำให้เจียงหงหย่วนอบอุ่นหัวใจมาก เขาจุมพิตที่มุมปากนาง “เช่นนั้นคราวหน้าเ้าเหลือไว้ให้ข้ากิน ข้ายินดีกินอาหารสุนัขเหลือจากเ้า”
เขาอุ้มหลินหวั่นชิวลงจากตักเมื่อพูดจบ ลุกขึ้นนำถ้วยชามไปเก็บ
อาหารสุนัขเหลือ…
เ้าคนไร้ยางอายนี่ด่านางว่าเป็สุนัข!
เชิงอรรถ
[1] ถงเซิง(童生) คำเรียกของผู้ที่ยังสอบบัณฑิตแม้แต่ขั้นท้องถิ่นไม่ผ่าน ไม่ว่าจะชราเพียงใดก็เรียกว่า ‘ถงเซิง’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้