ปัง!
แต่ทันใดนั้นเอง ประตูลานของเรือนพักก็ถูกเตะให้เปิดออกอย่างกะทันหัน
“ฮ่าๆ พี่เฟิง พวกเรากลับมาแล้ว”
ก่อนที่ร่างของใครสักคนจะเดินเข้ามา เสียงหัวเราะอันสดใสของมู่ขวงก็ดังเข้ามาในหูของมู่เฟิงก่อนแล้ว จากนั้นไม่นานมู่ขวงกับไป๋จื่อเยว่ก็เดินเข้ามาในลานบ้าน
“เสี่ยวขวง จื่อเยว่”
มู่เฟิงวางจอกสุราลง ก่อนจะผุดลุกขึ้นและทักทายทั้งสองด้วยยิ้ม “พวกเ้าสองคนหายตัวไปเป็เดือน หากพวกเ้ายังไม่กลับมาอีก ข้าคงคิดว่าพวกเ้ากลายเป็อาหารหมาป่าไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่ามู่เฟิงวางจอกสุราลงทั้งที่ยังไม่ทันได้ดื่ม ดวงตาของมู่ชิงก็พลันแข็งกร้าวขึ้นมาเล็กน้อย แต่จากนั้นเขาก็รีบยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ พี่เฟิง ในที่สุดข้าก็ฝึกฝนทักษะกายาจนบรรลุถึงขั้นที่สองได้สำเร็จแล้ว”
มู่ขวงเดินหัวเราะเข้ามาพร้อมกับประกาศข่าวดี หลังจากไม่ได้เจอกันมานานกว่าหนึ่งเดือน คล้ายว่าร่างกายของมู่ขวงจะดูสูงขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ร่างของเขาสูงจนเกือบจะถึงหกฟุตครึ่งขึ้นแล้ว สูงกว่ามู่เฟิงหนึ่ง่ศีรษะ อีกทั้งกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวเขายังดูดุดันและป่าเถื่อนมากขึ้นด้วย
“เ้านี่ในตอนนี้หนังหนาจนข้าใช้กำลังฟันแทงไม่เข้าแล้ว”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “จริงสิพี่เฟิง กระบี่เงามายาของข้าเองก็ฝึกจนบรรลุระดับสัมฤทธิ์แล้วเช่นกันนะขอรับ”
“อืม นับว่าไม่เลว”
เมื่อได้ฟังความก้าวหน้าของสหายทั้งสอง มู่เฟิงก็รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง
นอกจากนี้วรยุทธ์ของพวกเขายังพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน วรยุทธ์ของมู่ขวงพัฒนาขึ้นเป็ระดับจื่อฝู่ขั้นแปด ส่วนไป๋จื่อเยว่พัฒนาขึ้นเป็ระดับจื่อฝู่ขั้นเก้า
“ข้ากระหายน้ำจะตายอยู่แล้ว นี่สุราอะไร? กลิ่นหอมยิ่งนัก”
ไป๋จื่อเยว่ใช้จมูกสูดดมกลิ่น ก่อนจะยกจอกสุราของมู่เฟิงขึ้นดื่มในรวดเดียว
“นี่เ้า...”
มู่ชิง้าหยุดอีกฝ่าย แต่ไป๋จื่อเยว่นั้นรวดเร็วยิ่งกว่า เขาดื่มสุราของมู่เฟิงลงไปในอึกเดียว
แน่นอนว่ามู่เฟิงไม่ได้ใส่ใจนัก ถึงอย่างไรพวกเขาก็นับกันเป็เหมือนพี่น้อง
“สุราดี!”
ไป๋จื่อเยว่ยกมือขึ้นเช็ดปากหลังจากดื่มสุราเข้าไป ในขณะที่มุมปากของมู่ชิงกำลังกระตุก ภายในใจของเขานึกชิงชังอีกฝ่ายเป็อย่างยิ่ง
“จริงสิ มู่ชิง เหตุใดเ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
มู่ขวงเหลือบตามองไปทางมู่ชิง ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟัง
“ข้ามาหาน้องมู่เฟิงไม่ได้หรืออย่างไร”
มู่ชิงกล่าวด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
“ฮึ่ม เ้าคนสารเลว จะมาแสร้งทำเป็คนดีอะไรอยู่ที่นี่”
มู่ขวงตวาดอย่างเ็า
“เฮ้ เสี่ยวขวง เื่ในอดีตมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึงอีก อย่างไรพวกเราก็เป็ครอบครัวเดียวกัน”
มู่เฟิงโบกมือไม่ให้มู่ขวงพูดมาก
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ น้องมู่เฟิง ข้าไม่รั้งอยู่แล้ว ไว้คราวหน้าข้าจะมาพบเ้าใหม่”
มู่ชิงหันไปกล่าวลามู่เฟิงและเตรียมจะจากไป
มู่เฟิงพยักหน้าก่อนจะยิ้มอย่างขออภัย พร้อมกล่าวว่า “เสี่ยวขวงเป็คนอารมณ์ร้อน เ้าคงทราบดี ฉะนั้นอย่าได้ใส่ใจเลย”
มู่ชิงฝืนยิ้มตอบ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับรีบเดินออกไปทันที
“พี่เฟิง คนผู้นี้จะไปมีดีอะไร ทั้งตระกูลมู่ข้าไม่ชอบหน้าเขาเป็ที่สุด"
มู่ขวงทำหน้ามุ่ย ขนาดกล่าวขึ้นอย่างไม่ชอบใจ
“อย่างไรพวกเราก็เป็ครอบครัวเดียวกัน ยิ่งกว่านั้นในตอนนี้ท่านอาสามก็ปฏิบัติต่อข้าเป็อย่างดี ไม่ว่าเขาจะจริงใจหรือเสแสร้ง ข้าก็ไม่อยากจะสนใจเื่ในอดีตอีก”
มู่เฟิงส่ายหน้าขณะกล่าวขึ้น
“เหอะ ไม่อยากพูดถึงเขาแล้ว พี่เฟิง เรามาดื่มกันดีกว่า”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวขัดขึ้น แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปกะทันหัน เขาขดตัวลงพร้อมกับเอามือกุมหน้าท้องเอาไว้ ใบหน้าเขากำลังบิดเบี้ยวราวกับได้รับความเ็ปอย่างแสนสาหัส
“จื่อเยว่เ้าเป็อะไรไป”
เมื่อเห็นสีหน้าเ็ปของไป๋จื่อเยว่ ใบหน้าของมู่เฟิงและมู่ขวงก็พลันเปลี่ยนไปทันที
“ไม่ ข้าไม่รู้ จู่ๆ ข้าก็ปวดท้องขึ้นมา อ่า...”
ไป๋จื่อเยว่กัดฟันแน่น พยายามอดทนอดกลั้นต่อความเ็ป สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็ขาวซีด หน้าผากเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาจากความเ็ป มู่เฟิงและมู่ขวงรีบเขาไปพยุงร่างของเขาเอาไว้ทันที
“อ๊าก…”
สีหน้าของไป๋จื่อเยว่เปลี่ยนเป็แดงก่ำขึ้นมาอย่างฉับพลัน ไม่นานเขาก็กระอักเืสีดำออกมา จากนั้นไป๋จื่อเยว่ก็สลบไสลลงในอ้อมแขนของมู่เฟิง
“จื่อเยว่ จื่อเยว่ เกิดอะไรขึ้นกับเ้ากัน จื่อเยว่!”
เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของมู่เฟิงก็เปลี่ยนไปเป็อย่างมาก
“แย่แล้ว เขาถูกวางยาพิษ”
เมื่อมู่เฟิงเห็นหยดเืสีดำที่อีกฝ่ายกระอักออกมา ใบหน้าของเขาพลันไม่น่ามอง เขารีบนำยาล้างพิษออกมาให้ไป๋จื่อเยว่กลืนลงไปทันที
จากนั้นมู่เฟิงก็อุ้มร่างของไป๋จื่อเยว่ที่หมดสติมุ่งหน้าออกจากเรือนพักและวิ่งตรงไปยังเรือนโอสถ
หลังจากมู่ชิงเดินออกมาจากเรือนพักของมู่เฟิง เขาก็หามุมอับลอบมองสถานการณ์ของอีกฝ่าย และเพียงไม่นานเขาก็พบว่ามู่เฟิงได้วิ่งออกมาพร้อมกับอุ้มร่างของไป๋จื่อเยว่เอาไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นฉากนั้นเขาก็เกิดความตื่นตระหนกจึงรีบวิ่งไปหาหนานหลิงทันที
มู่เฟิงอุ้มร่างของไป๋จื่อเยว่วิ่งตรงไปยังเรือนโอสถด้วยสีหน้าเป็กังวล
เรือนโอสถเป็เรือนไม้สามชั้นและมีห้องใต้หลังคา
“เร็วเข้า ช่วยคนด้วยขอรับ มีคนโดนวางยาพิษ”
ทันทีที่มาถึงมู่เฟิงก็ะโเรียกคนอย่างร้อนรน เมื่อเขาอุ้มร่างของไป๋จื่อเยว่วิ่งผ่านประตูเข้าไปก็มีคนออกมารับอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีครามซึ่งเป็หมอโอสถของเรือนโอสถก็เข้ามาตรวจชีพจรของไป๋จื่อเยว่ เมื่อทราบถึงสถานการณ์ของไป๋จื่อเยว่ สีหน้าของเขาก็พลันเคร่งเครียดขึ้นมา
มู่เฟิงกับมู่ขวงต่างก็รออยู่ด้านข้างอย่างใจจดใจจ่อ หลังเห็นหมอโอสถตรวจสอบอาการแล้ว พวกเขาก็รีบเอ่ยถามสถานการณ์ของไป๋จื่อเยว่ในทันที
“ท่านหมอ สหายของข้าเป็อย่างไรบ้าง?”
มู่เฟิงรีบร้อนเอ่ยถาม
“เขาถูกวางยาพิษ เป็พิษที่โหดร้ายและรุนแรงมาก พิษนี้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานก็ไม่อาจต้านได้”
หมอโอสถกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“อ่า เช่นนี้จะมีวิธีรักษาหรือไม่ขอรับ?”
สีหน้าของมู่เฟิงและมู่ขวงพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารีบเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
“ลักษณะของพิษตัวนี้ข้ายังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับมันมากนัก เกรงว่าคงเป็ข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี พิษนี้รุนแรงมาก อีกทั้งเวลานี้มันยังเจาะเข้าไปในปอดของเขาแล้ว ผู้วางยามีเจตนาสังหารเขาอย่างชัดเจน ตอนนี้ข้าทำได้เพียงแค่ปกป้องหัวใจของเขาไม่ให้พิษเจาะเข้าไปได้ แต่ก็ทำได้แค่ยื้อเวลาเอาไว้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งตัวยาที่ต้องใช้ยังมีมูลค่าค่อนข้างสูงมากด้วย…”
หมอโอสถวัยกลางคนกล่าว
“ขอเพียงท่านสามารถช่วยเขาได้ จะต้องใช้เงินเท่าไรก็ไม่สำคัญ”
มู่เฟิงนำหินเทวะที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นเหรียญตำลึงทองออกมาวางไว้ด้านข้างทันที
“ตกลง ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
เมื่อเห็นหินเทวะ ดวงตาของหมอโอสถก็เป็ประกายขึ้นมา จากนั้นเขาก็รีบลุกไปจ่ายยาให้กับไป๋จื่อเยว่อย่างรวดเร็ว
“ให้ตายเถอะ จื่อเยว่ถูกวางยาพิษได้อย่างไร!”
ยิ่งเห็นใบหน้าซีดเซียวของไป๋จื่อเยว่ มู่ขวงก็ยิ่งรู้สึกเป็กังวล
“บนเทือกเขาเทียนอวิ่นพวกเ้าได้พบกับพิษอันใดหรือไม่?”
มู่เฟิงถามขึ้น
“ไม่เลยขอรับ พวกข้าเคลื่อนไหวไปตามเส้นทางที่เราคุ้นเคยกันดีจากการประเมินในครั้งก่อน และไม่ได้พบพิษอันใดเลย”
มู่ขวงส่ายหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดเ่าั้มู่เฟิงก็ยิ่งขมวดคิ้ว เขาหรี่ตาพยายามขบคิดอย่างรอบคอบ
หลังจากจื่อเยว่กลับมา อีกฝ่ายเพียงดื่มสุราหนึ่งจอกและไม่ได้แตะต้องสิ่งใดอีก ช้าก่อน! สุรา สุรา!
ดวงตาของมู่เฟิงทอประกายเ็า สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียด
“หรืออาจจะเป็เขา?"
มู่เฟิงหันไปกล่าวกับมู่ขวง “มู่ขวง เ้าคอยดูแลจื่อเยว่อยู่ที่นี่ก่อน”
หลังจากกล่าวจบมู่เฟิงก็จากไปทันที เขาตรงออกจากเรือนโอสถมุ่งหน้ากลับไปยังเรือนพัก เมื่อมาถึงลานบ้าน เด็กหนุ่มก็เก็บจอกสุราของเขาที่ไป๋จื่อเยว่ยกดื่มกลับมา
มู่เฟิงนำจอกสุรากลับไปที่เรือนโอสถและมอบมันให้หมอโอสถวัยกลางคนผู้นั้นตรวจสอบ
หลังจากหมอโอสถได้รับมัน เขาก็ใช้เครื่องมือทดสอบพิษแบบพิเศษทำการตรวจสอบสุราที่ยังเหลืออยู่ก้นจอก ไม่นานเขาก็พยักหน้าให้มู่เฟิงและกล่าวว่า “ถูกต้องแล้ว พิษมาจากสุราจอกนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาอันคมกริบของเด็กหนุ่มก็มีรังสีสังหารแผ่ออกมาอย่างรุนแรง หัวใจของเขากำลังเ็ปจนชาหนึบ และมือของเขากำแน่น
“มู่ชิง...”
มู่เฟิงคำรามเสียงต่ำในลำคอ เขาพลันเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
การที่มู่ชิงมาสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขาอย่างกะทันหันเช่นนี้ แท้จริงแล้วอีกฝ่ายมีจุดประสงค์เพื่อวางยาพิษเขา
จอกสุราอาบยาพิษนี้ควรจะเป็เขาที่ต้องดื่ม แต่ไป๋จื่อเยว่ดันดื่มมันเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้อีกฝ่ายถูกวางยาพิษแทนเขา
“ข้าเห็นเ้าเป็ดั่งญาติมิตร แต่เ้ากลับคิดจะทำร้ายข้า มู่ชิง มู่ชิง!”