ตอนที่ 5
ออดอ้อนาา
“แฮ่ก…พะ พอ…เฮียพอแล้ว---อื้อ!”
น้ำเสียงถูกกลืนหายเข้าไปลำคอยามร่างเบื้องบนโน้มตัวลงมาป้อนจูบให้อีกครั้ง อาเจินหลับตาหอบหายใจเมื่อลมหายใจถูก่ชิงไปโดยไม่ให้พัก นิ้วออกแรงบีบผิวเนื้อบริเวณลาดไหล่กว้างแรงขึ้นจนมันขึ้นข้อขาวในจังหวะที่ปลายลิ้นถูกดูดดุนเบา ๆ แล้วผละออกมา
“อือ…”
เสียงหวานครางเครือแ่เบาในลำคอยามข้างแก้มขาวถูกฝ่ามือจับประคองไว้แ่เบา พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่เอียงเล็กน้อยให้ได้องศาที่ถนัด ก่อนจะโน้มลงมามอบััให้เพียงภายนอกริมฝีปากเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลสวยเริ่มปรือปรอยแล้วค่อย ๆ หลับลงตามความรู้สึกที่ถูกฉุดดึงให้ตกลงไปสู่หลุมลึกแห่งภวังค์
นิ้วหัวแม่มือลูบเกลี่ยที่บริเวณข้างแก้มอย่างแ่เบา เช่นเดียวกับจังหวะการดูดดึงริมฝีปากที่นุ่มนวลลง คล้าย้าััอย่างละเมียดละไม เรียวขาขาวเริ่มหนีบเข้ากับเอวของอีกฝ่ายแล้วขยับไปมาอยู่ไม่นิ่ง นิ้วเท้าเริ่มงองุ้มเข้าหากันยามความรู้สึกเสียดเสียวที่ท้องน้อยเริ่มชัดเจนขึ้นในทุกครั้งที่ริมฝีปากัักัน
“คุณคิงคะ อยู่บ้านหรือเปล่า…เมื่อวันก่อนป้าลืมของไว้หนึ่งถุงก่อนออกไป”
!!!
อาเจินสะดุ้งสุดตัวทั้งดวงตาที่เบิกโพลงอย่างใ ยามได้ยินเสียงของใครบางคนที่ะโเข้ามาจากนอกรั้วบ้าน รีบวางมือดันไหล่ของคนที่คร่อมตนอยู่ให้ลุกออกไปทันที ในขณะที่าาเพียงหยุดชะงักนิ่งไปแล้วปรายตามองไปยังบริเวณหน้าบ้าน ก่อนที่ร่างเล็กจะเริ่มเกร็งตัวร้องครางเมื่อถูกอีกคนป้อนจูบอีกครั้ง ไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงรบกวนแต่อย่างใด
“แฮ่ก…พอ…”
“คุณคิงคะ”
อาเจินหมดเรี่ยวแรงจะสู้ด้วยแล้ว คล้ายกับกำลังทั้งหมดถูกสูบออกไปทั้งหมด เสียงเรียกจากคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็คนตัวเล็กเสียเองที่เริ่มลนลานทำตัวไม่ถูก สุดท้ายจึงตัดสินใจใช้แรงเฮือกใหญ่ดันร่างเหนืออาณัติของตนออกไปแล้วรีบลุกพรวดพราดไปหน้าบ้านทันที
“อ้าวหนู ทำไมถึงอยู่ที่นี่ล่ะ”
ทันทีที่วิ่งออกมาเปิดประตู เสียงจากหญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่คาดว่าจะเป็แม่บ้านคนเก่าของาาก็เอ่ยทักขึ้นทันที ร่างเล็กกัดปากน้อย ๆ ทั้งดวงตาที่เริ่มกลอกไปมาอย่างมีพิรุธ
“มะ มาทำความสะอาดแทนชั่วคราวครับ”
“อืม…หน้าคุ้น ๆ จังเลยนะ”
“…”
“ใช่คนเดียวกับภาพในห้องนอนของคุณคิงหรือเปล่า?”
จากที่ตอนแรกเริ่มรู้สึกหน้าเสียว่าจะถูกทักเื่ที่กำลังเป็ข่าวอยู่หรือไม่ ก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างรู้สึกแปลกใจเมื่อสิ่งที่ได้ยินสวนทางกับสิ่งที่คาดเดาไว้ในหัวอย่างสิ้นเชิง เรียวนิ้วจิ้มเข้าหาตัวเองแล้วเอ่ยทวนคำเสียงสูงกว่าปกติ ในขณะที่หญิงวัยกลางคนทอดมองใบหน้าของเขาอย่างพิจารณา
“ภาพ?”
“ใช่จริง ๆ ด้วย…เหมือนจะเคยเห็นในทีวีที่คุณคิงเปิดดูด้วยหรือเปล่านะ นี่หนูเป็ดาราหรือเปล่า?”
เธอทำท่าคิดออกแล้วเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจว่าคนในภาพกับผู้ชายตรงหน้าต้องเป็คนเดียวกัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามคำถามให้คลายความสงสัย อาเจินคิดว่าผู้หญิงตรงหน้าคงจะไม่ได้รู้จักเขา ทั้งยังหลงลืมบ้างตามอายุ ตัดสินใจส่ายหน้าไปมาเป็การปฏิเสธ
“ไม่ใช่หรอกครับ คุณป้าจำผิดแล้ว”
เขาในตอนนี้มีอาชีพเป็พนักงานเสิร์ฟในบาร์…ไม่ใช่ดาราแล้วสักหน่อย…
เธอมีท่าทีลังเลคล้ายอยากจะเอ่ยเถียงความคิดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วก็ได้แต่เงียบไปแล้วเดินเข้าไปหยิบถุงเสื้อผ้าอีกหนึ่งถุงที่ลืมเอาไว้ แม่บ้านคนนี้ตัดสินใจจะเดินทางกลับต่างจังหวัด เนื่องจากลูกหลานไม่อยากให้ทำงานแล้ว ตำแหน่งคนทำงานบ้านให้าาในตอนนี้จึงยังคงว่าง อาเจินรีบเดินเข้าไปช่วยหญิงวัยกลางคนถือของ ก่อนจะหยุดชะงักนิ่งไปเมื่อได้ยินคำทัก
“แล้วทำไมปากเจ่อแบบนั้นล่ะลูก กินของเผ็ดมาเหรอ”
ริมฝีปากที่เริ่มขบเม้มเข้าหากันแน่น ความรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณใบหน้าเริ่มชัดเจนขึ้นเสียจนนึกอยากจะเอาหัวมุดดินหนีไปเสียั้แ่ตอนนี้เมื่อถูกจับสังเกตริมฝีปากที่บวมเป่ง อาเจินละล่ำละลักหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มของใครบางคนจะเอ่ยพูดขึ้นเสียก่อน
“ใช่ครับ พอดีน้องกินเผ็ดไม่ค่อยเก่ง”
ร่างเล็กหันกลับไปมองคนที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ด้านหลังตน ก่อนจะรีบหันใบหน้ากลับมาทันทีเมื่อเห็นว่าดวงตาคมคู่นั้นทอดมองมาที่ตนอยู่ก่อนแล้ว หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับแล้วส่งเสียงแ่เบาในลำคออย่างรับรู้ ก่อนจะหันมาพูดกับเขาด้วยความเป็ห่วง
“ถ้ากินไม่เก่งก็อย่าฝืนเลยลูก ดูสิปากบวมเจ่อเชียว”
ร่างเล็กได้แต่พยักหน้ารับน้อย ๆ ทั้งใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อชัดเจนยิ่งกว่าเก่า กระทั่งหญิงวัยกลางคนเอ่ยร่ำลาแล้วตัดสินใจขอหอบข้าวของออกไปเองจนห้องทั้งห้องเหลือกันอยู่เพียงแค่สองคน บรรยากาศระหว่างกันตกอยู่ในความเงียบสงบทันที ร่างขาวใช้มือกำชายเสื้อยืดของตัวเองแล้วออกแรงขยุ้มเบา ๆ เอ่ยพูดเสียงอุบอิบ
“เจินจะกลับบ้านแล้ว…”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ต้อง”
เอ่ยพูดตอบกลับทันควันเพราะคิดว่าตัวเขาไม่จำเป็ต้องได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายตลอดเวลานักก็ได้ เป็จังหวะเดียวกันที่าาหยิบเสื้อยืดสีดำที่พาดอยู่บนเก้าอี้บริเวณนั้นมาสวมใส่ลวก ๆ แล้วปรายตามองกันแน่นิ่งพลางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ในขณะที่อาเจินเริ่มมีสีหน้าแดงก่ำ รีบเอ่ยเถียงกลับทันทีอย่างไม่ยอมความ
“กูไม่จับมึงจูบอีกรอบในรถหรอก”
“แล้วใครบอกว่าจะให้จูบอีก!”
ร่างสูงแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งคำแล้วหยิบกุญแจรถเดินนำออกไปก่อน ในขณะที่อาเจินเมื่อปฏิเสธไม่ได้จึงต้องยอมเดิมตามหลังอีกฝ่ายไปในที่สุด ดวงตาสีสวยทอดมองตามแผ่นหลังกว้าง ในขณะที่ในหัวยังคงคิดเื่รูปภาพภายในห้องนอนของาาที่แม่บ้านคนนั้นพูดถึง พลันเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเป็ภาพของตัวเขาจริง ๆ หรือไม่
หากใช่…แล้วคนอย่างาาจะเก็บภาพของคนที่เป็เพียงอดีตอย่างเขาเอาไว้เพื่ออะไร
ริมฝีปากอ้าออกหมายจะเอ่ยถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจไป ผ่านไปสักพักก็ทำท่าจะพูดอีกครั้งแต่แล้วก็จบลงที่เดิม กระทั่งคนอายุมากกว่าเริ่มรู้สึกตัวหันใบหน้ากลับมามองกันในขณะที่ปลดล็อกรถ
“จะพูดอะไร”
คราวนี้อาเจินเบนสายตาหนีไปทางอื่น ส่ายหน้าไปมาเป็การปฏิเสธแล้วทิ้งความสงสัยที่มีอยู่ออกไป…พอคิดดูให้ดีแล้ว แม่บ้านคนนั้นคงจะหลงลืมจนเอาข้อมูลมั่ว ๆ มาพูดกับเขาเสียมากกว่า มันจะมีคนบ้าบอที่ไหนที่เก็บภาพแฟนเก่าของตัวเองเอาไว้ในห้องนอนของ
“…เปล่า”
เป็ไปไม่ได้หรอก…าาคงหมดรักเขาไปนานแล้ว ตามระยะเวลาที่ห่างกันไปนั่นแหละ
…
อดีต
“ขนม น้ำ แก้วไวน์...ยังขาดอะไรอีกไหมนะ”
ร่างขาวหยุดยืนที่บริเวณริมโต๊ะอาหารพลางกวาดสายตามองบรรดาอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้จนเต็มโต๊ะ ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นว่าของทุกอย่างครบตามที่้า เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาหกโมงเย็น มือรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาคนรักของตนทันที
‘วันนี้เจินทำอาหารเย็นไว้เยอะมาก รีบกลับมากินนะ’
พอส่งข้อความเสร็จเรียบร้อยก็รีบทิ้งตัวหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ทันทีแล้วขยับตัวไปมาเพื่อคลายความรู้สึกเมื่อยขบหลังจากที่ยืนหลังขดหลังแข็งพยายามทำอาหารอยู่นาน
วันนี้เป็วันครบรอบสี่ปีของพวกเขา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพวกเขาเริ่มจะมีเวลาด้วยกันน้อยลง อาเจินเริ่มมีแมวมองมาทาบทามให้เข้ารับงานในวงการบันเทิงและกำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางดาราอย่างเต็มตัว ในขณะที่าาก็ถูกคนในครอบครัวเรียกตัวกลับไปหาบ่อยครั้งเพื่อให้สานต่อธุรกิจส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งเป็ธุรกิจที่ตระกูลอัครเหมสกุลถือครองกันมาอย่างยาวนาน
เป็ถึงทายาทตระกูลใหญ่ เป็ลูกชายนักการเมืองที่โด่งดังระดับประเทศ…ต่อให้ผ่านไปนานเท่าไร อาเจินก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับพื้นฐานที่บ้านและสังคมในระดับของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“นอนสักตื่นดีหรือเปล่านะ”
พะว้าพะวังอยู่นาน ปากก็หาวหวอด ๆ ด้วยความรู้สึกง่วงงุนเต็มทน แต่กระนั้นก็ยังคงฝืนตัวเองเอาไว้เพราะกลัวว่าหากใครอีกคนกลับมาแล้วจะต้อนรับได้ไม่ทัน ร่างเล็กนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมมองอาหารที่เริ่มเย็นชืดขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านไปเป็ชั่วโมงแล้ว แต่าาก็ยังไม่ส่งข้อความกลับมาหาเสียที
‘ใกล้จะกลับหรือยัง เจินรออยู่นะ’
.
.
.
‘เฮีย วันนี้เป็วันครบรอบสี่ปีของพวกเรานะ’
ข้อความเริ่มถูกส่งไปมากขึ้น เช่นเดียวกับเวลาที่เริ่มล่วงเลยผ่านไปจากชั่วโมงเป็สองชั่วโมง และยังคงต้องรอต่อไปเรื่อย ๆ ไร้ซึ่งวี่แววและจุดหมาย ใบหน้าหวานเริ่มฉายแววหมองลงก่อนจะตัดสินใจกดโทรออกหาคนรัก…เสียงรอสายดังนานกว่าปกติ ครั้นเมื่อมีคนกดรับสายก็เตรียมจะเอ่ยปากพูดอย่างดีใจ ทว่ากลับต้องหยุดชะงักไปเมื่อคนที่รับสายไม่ใช่คนที่เขาเฝ้ารอ
(สวัสดีค่ะ)
“เอ่อ ขอสายคุณาาครับ”
(อ้อ คุณคิงไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์นะคะ)
หญิงสาวปลายสายดูคล้ายจะเป็หญิงรับใช้ในคฤหาสน์อัครเหมสกุล อาเจินพอได้ฟังจิตใจที่ดูคล้ายจะพองโตขึ้นมากลับเริ่มห่อเหี่ยวลงอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันน้อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาลง
“ละ แล้วเขาไปไหนเหรอครับ”
(เห็นคุณคิงรีบออกไปข้างนอกั้แ่ตอนบ่าย แต่ก็ไม่รู้ว่าไปไหน เพิ่งเห็นว่าคุณเขาลืมโทรศัพท์เอาไว้)
“…”
(ให้ฝากบอกตอนคุณเขากลับมาไหมคะว่าใครโทรมา)
“…ไม่เป็ไรครับ ขอบคุณมาก”
ดวงตาสีน้ำตาลสวยฉายแววหม่นลง พลางทอดมองบรรดาอาหารที่ตนอุตส่าห์ตั้งใจทำไว้มากมาย ตัดสินใจเอ่ยขอวางสายแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ไหล่เล็กห่อเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ ยิ่งคิดว่าเขาพยายามและคาดหวังกับการได้ฉลองวันครบรอบด้วยกันมากเพียงใดก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ
มือน้อย ๆ หยิบช้อนและส้อมมาตักอาหารใส่จานเพียงลำพัง พลางทอดสายตามองเก้าอี้ตัวตรงข้ามที่ว่างเปล่า ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะเริ่มกินข้าวเงียบ ๆ คนเดียว ไม่พยายามติดต่อไปหาคนรักของตนอีก
นั่งฉลองวันครบรอบสี่ปีคนเดียวครั้งแรก...รู้สึกเหงายังไงก็ไม่รู้
…
ปัจจุบัน
“มานั่งเหม่อตรงนี้ ไม่กลับบ้านเหรอ”
อาเจินสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงคนเอ่ยทักอย่างกะทันหัน ร่างเล็กหันไปมองคนที่มาใหม่เพื่อพบกับหญิงสาวที่ยังคงอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟ ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยให้อีกฝ่ายนั่งลงข้างกันได้สะดวก บรรยากาศที่ประตูหลังร้านซึ่งมีแต่พนักงานเดินเข้าออก ยามถึงเวลาเลิกงานกลับดูเงียบเหงามากกว่าที่คิด
“ไม่อยากกลับเท่าไหร่”
เอ่ยตอบเพียงเท่านั้นเมื่อไม่รู้สึกอยากขยับตัวไปที่ไหนสักเท่าไรนัก หญิงสาวที่นั่งลงข้างกันมีชื่อว่านิชา เป็พนักงานหญิงที่มีนิสัยค่อนข้างโผงผางแต่ก็เป็หนึ่งในเพียงไม่กี่คนที่เข้าหาแล้วพูดคุยกับเขาด้วยสายตาเป็มิตร ในมือของเธอถือขวดเบียร์อยู่สองขวด ก่อนจะเบิกตาอย่างใเมื่อเ้าหล่อนดันกระดกเบียร์ดื่มโดยไม่ได้สนว่าตัวเองยังคงอยู่ในชุดทำงานเลยสักนิด
“จะไม่โดนว่าเหรอ แอบดื่มหลังเลิกงานที่นี่”
“คืนนี้เฮียไม่เข้าร้าน ไม่เป็ไรหรอก”
นิชาโบกมือปัดไปมาคล้ายกับไม่สนใจก่อนจะค่อย ๆ กระดกเบียร์ขึ้นดื่มต่ออย่างใจเย็นไม่รู้สึกรู้สา เข้าวันเสาร์แล้ว แปลว่าเมื่อคืนเป็วันศุกร์ ดวงตาสีสวยกลอกไปมาเล็กน้อย พยายามทำเป็ไม่สนใจ แต่สุดท้ายแล้วก็ทนความสงสัยไม่ได้อยู่ดี
“ทำไมเฮียถึงไม่เข้าร้านวันศุกร์เหรอ”
“ไม่รู้สิ...หล่อขนาดนั้นอาจจะแอบซ่อนเมียไว้แล้วกลับไปหาทุก ๆ วันศุกร์ก็ได้ ใครจะรู้”
นิชายักไหล่เอ่ยพูดโดยไม่คิดอะไร เธอเพียงคิดว่าคนหน้าตาดีจัดอย่างาาจะครองตัวเป็โสดมาตลอดั้แ่เธอเริ่มเข้ามาทำงานที่บาร์แห่งนี้จริง ๆ เหรอ กระนั้นคำพูดดังกล่าวกลับสะกิดจุดเล็ก ๆ ภายในจิตใจของอาเจินเข้าอย่างจัง ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่นแล้วนั่งกอดเข่าตัวเองเงียบ ๆ ปล่อยให้หญิงสาวข้างกายแอบพูดถึงเ้านายของตนตามใจคิด
“ทรงดูเ้าชู้ถึงขนาดนั้น ถึงจะยังไม่เคยเห็นเฮียควงใคร แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเฮียจะไม่แอบซุกใครไว้กินเลย ฉันมั่นใจ!”
หล่อนพูดเป็ตุเป็ตะอย่างมั่นอกมั่นใจ แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานใดมาพิสูจน์คำพูดได้เลยก็ตามที กระนั้นอาเจินก็ยังหักห้ามตัวเองไม่ให้คิดตามไม่ได้อยู่ดี ยิ่งนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงลำพังแบบนี้ พอใครพูดอะไรก็ไหลตามไปได้โดยง่ายจนเริ่มนึกหงุดหงิดตัวเอง ในตอนนี้ฝ่ายนั้นอาจจะมีใครที่สนใจอยู่ในใจแล้วก็ได้ใครจะรู้
ทุกกิริยาของาาล้วนดูเ้าชู้ไปหมด
แล้วที่จูบเขาล่ะ?
ที่จูบเขาวันนั้นก็คงจะแค่หาเื่แกล้งกันเท่านั้นหรือเปล่า…
ร่างเล็กสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปเมื่อคิดว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแล้วเสียหน่อย ตัดสินใจสูดหายใจเข้าลึกสุดปอดแล้วพยายามโยกย้ายความคิดของตัวเองไปเื่อื่น ทว่ากลับถูกสกัดขาเข้าอย่างจังด้วยคำถามที่นิชาเอ่ยออกมาตามใจปาก
“ฉันอยากรู้จังว่าตอนเฮียคิงอยู่บนเตียงจะเป็ยังไงนะ จะดิบเถื่อนแบบนิสัยปกติหรือจะเป็หนุ่มนุ่มนวลขึ้นมากะทันหัน”
“…”
“อ้าว เป็อะไรไป ทำไมหน้าแดงถึงขนาดนั้น”
นิชาที่ตั้งคำถามขึ้นมาตามประสานิสัยคนช่างสงสัย ครั้นเมื่อหันมาเห็นว่าคนตัวเล็กข้างกายยังนั่งนิ่งทว่าใบหน้ากลับแดงก่ำอย่างชัดเจนก็เริ่มรู้สึกใขึ้นมา
เธอขยับตัวเข้าไปหาเล็กน้อยแล้วอังหลังมือลงบนหน้าผากมนเพื่อตรวจดูว่ามีไข้หรือไม่ ในขณะที่อาเจินรู้สึกว่าข้างแก้มและใบหูกำลังร้อนผ่าวไปหมด ภาพความทรงจำบางอย่างไหลกลับเข้ามาในหัวจนหน้าแดงหนักกว่าเก่า นึกอยากจะเอาหัวมุดดินหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ นั่งกระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูกอยู่นาน พอคิดอะไรไม่ออกก็คว้าขวดเบียร์แย่งมากระดกดื่มเสียอย่างนั้น
าาเซ็กส์จัดมากกว่าที่คิด…
“แค็ก!!!”
“อะ! อาเจินเดี๋ยวก็เมาหรอก!”
รสชาติขมปร่าไหลผ่านลงลำคอจนต้องเบ้หน้าด้วยความรู้สึกอยากจะอ้วกออกมา ถึงอย่างนั้นมือกลับยังกำคอขวดเอาไว้แน่น เขาเคยดื่มมันหนึ่งครั้งในสมัยที่คบกับาา และจำได้ถึงความรู้สึกมัวเมาจนลืมแทบทุกอย่าง เขาหวังว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนั้นบ้างอีกครั้งจึงอัดแอลกอฮอล์เข้าร่างกายไม่ยั้ง ทว่าภาพจำในยามถูกอีกฝ่ายแล้วตีตราความเป็เ้าของบนเรือนร่างกลับยิ่งชัดเจนขึ้นในทุกวินาที
แม่งไม่เห็นจะลืมส้นตีนอะไรได้เลย
“อาเจิน…พะ พอแล้ว ไหนบอกว่าดื่มไม่เป็ไง”
นิชาที่ยกเบียร์มาในตอนแรก ยามนี้กลับต้องทำหน้าที่เป็คนคอยห้ามแล้วเสียอย่างนั้น ไม่เข้าใจว่าคำพูดของเธอไปกระตุ้นอะไรในตัวอีกฝ่ายถึงได้นึกอยากเมาขึ้นมากะทันหันเสียแบบนี้ ระยะเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายนาที เช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่พร่องลงไปถึงหนึ่งขวดกับอีกครึ่งขวด เพียงเท่านั้นก็มากพอให้คนคออ่อนอย่างอาเจินกลายสภาพเป็คนเมาโดยสมบูรณ์
“โอ๊ยฉันจะทำยังไงดี---ฮะ เฮีย…”
น้ำเสียงถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอทั้งดวงตาของหญิงสาวที่เบิกกว้างอย่างใ เมื่อคนที่ไม่เข้าร้านมาทั้งวันกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเสียอย่างนั้น าาทอดสายตามองขวดเบียร์สองขวดที่กลิ้งอยู่บนพื้นก่อนจะหยุดลงที่อาเจินซึ่งนั่งเอาหัวพิงขาเก้าอี้ไม่มีแรงไปแล้ว นิชาก้มหน้าลงเมื่อถูกมองมาอย่างคาดโทษที่ทำผิดระเบียบ ก่อนจะรีบลุกออกไปเมื่อร่างสูงโบกมือเป็สัญญาณบอกให้เดินออกไป
“ลุกขึ้นมา”
“…”
อาเจินที่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็ใครก็หยุดชะงักนิ่ง กัดปากน้อย ๆ แล้วพยายามหยัดกายลุกขึ้น ร่างกายโซซัดโซเซทันทีเมื่อความรู้สึกมึนงงเข้าสติไปถึงเกือบครึ่ง ก่อนจะถูกใครอีกคนจับแขนประคองเอาไว้ไม่ให้ล้มหัวทิ่มลงไป รับรู้ได้ถึงแรงกระตุกดึงเบา ๆ จากใครอีกคน ทว่าอาเจินที่แม้จะเริ่มเมามายแต่ก็ยังดื้อดึงขืนแรงไม่ยอมเดินตาม
กลัวถูกดุ…กลัวว่าาาจะโกรธแล้วดุเขาอีก
“จะเดินไปเองหรือจะให้อุ้มไป”
“เจินไม่ไป”
“งั้นกูอุ้ม”
“ดะ เดินเอง เจินจะเดินไปเอง!”
น้ำเสียงติดจะยานคางเล็กน้อยรีบเอ่ยพูดแล้วพยายามประคองร่างกายของตัวเองเดินโซเซั้แ่บริเวณหลังร้านเดินไปยังส่วนของบาร์ อาเจินรับรู้ได้ถึงสายตาจากคนด้านหลังที่มองมาแทบจะตลอดเวลาจนรู้สึกเย็นหลังวาบไปหมด เท้าน้อย ๆ รีบก้าวเดินตรงทางบ้างไม่ตรงทางบ้าง เดินไปซ้ายทีขวาทีเหมือนปูเดิน
“อ้ะ!!”
หลุดเสียงร้องออกมาอย่างใเมื่อข้อมือถูกกระตุกดึงอย่างแรงจนร่างกายเสียหลัก เซถลาไปนั่งทับอยู่บนตักกว้างของคนที่หย่อนกายลงนั่งบนโซฟาเนื้อกำมะหยี่สีแดงกลางบาร์ ไฟภายในร้านถูกเปิดไว้อย่างสลัว ๆ ในขณะที่พนักงานคนอื่นกลับกันไปหมดแล้ว อาเจินพยายามลุกหนี ทว่าบั้นเอวกลับถูกจับเอาไว้ไม่ให้เป็อิสระ
“ดื่มทำไม”
“ปะ ปล่อยเจิน”
“ดื่มเบียร์ทำไมหมวยเจิน”
บทสนทนาเป็ไปในคนละทิศละทาง คนหนึ่งพยายามจะดิ้นหนีลงจากตัก ทว่ากลับถูกจับตรึงเอวเอาไว้จนไม่สามารถหนีไปไหนได้ อาเจินเอ่ยพูดอีกครั้งเสียงหนักอย่างดื้อดึง
“…ปล่อยเจินลงไปสักที!”
“แค่พูดมากูก็ปล่อยแล้ว จะทำเื่ง่ายให้มันเป็เื่ยากทำไม”
ประโยคที่เอ่ยพูดปกติ ทว่าสำหรับอาเจินในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็น้ำเสียงเนิบนาบที่ใช้หรือเรียวคิ้วเข้มที่เลิกขึ้นมองกันน้อย ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ดูกวนส้นตีนไปหมดทั้งนั้น ใบหน้าหวานเริ่มงอง้ำอย่างขัดใจ ก่อนจะพยายามขยับตัวดิ้นหนีมากกว่าเดิมจนอวัยวะส่วนสงวนเสียดสีกันไปมาผ่านเนื้อผ้า พอรับรู้ได้ถึงบางอย่างผิดปกติ คนที่ดิ้นหนีเป็พัลวันก็หยุดชะงักนิ่งทันที
!!!
“…”
อาเจินนั่งนิ่งไปทั้งความรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณใบหน้าที่ชัดเจนเสียยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เมื่อรับรู้ได้ถึงััของบางสิ่งที่แข็งขืนอยู่ภายใต้เนื้อกางเกงของเ้าของตักดุนดันบั้นท้ายของเขาอยู่อย่างชัดเจน อาเจินเบิกตากว้างละล่ำละลักพูดต่อว่าอยู่บนตัก ในขณะที่าายังคงมีสีหน้าเอื่อยเฉื่อย ไม่ได้รู้สึกอับอายแต่อย่างใด
“หนะ หน้าไม่อาย!”
“กูเป็คนไม่ใช่รูปปั้น โดนบดขนาดนั้นจะให้ท่องบทสวดมนต์พยายามไม่ให้เงี่ยนหรือไง”
ร่างเล็กอ้าปากพะงาบ ๆ ในขณะที่บั้นเอวก็ยังคงถูกจับประคองไว้อยู่อย่างนั้น สติแตกกระเจิงเสียยิ่งกว่าตอนที่อัดแอลกอฮอล์เข้าไป ทั้งน้ำหนักมือที่บีบคลึงบั้นเอวหรือสายตาที่ใช้ทอดมองกันอยู่ตลอดล้วนแต่ดูเ้าชู้และชวนสะกด…กระทั่งผู้มองอย่างอาเจินเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา
ความลับอย่างหนึ่งของอาเจิน…คือสามารถถูกปลุกเร้าได้ง่าย โดยเฉพาะจากผู้ชายที่ชื่อาา
ร่างเล็กขบเม้มริมฝีปากแน่นทั้งใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวยามก้มหน้าลงไปเห็นว่าตัวเองก็เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาเหมือนกัน อาจจะเป็เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือััที่เขาเคยได้รับมาตลอดสี่ปีก็ตามแต่ เมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่ายังคงหลุบสายตามองส่วนนั้นของตนอยู่แล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาหนึ่งคำใบหน้าก็ยิ่งขึ้นสีแดงเรื่อ นึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสียให้พ้น
“ถ้าอายก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ”
แม้จะเป็ถ้อยคำกล่าวอย่างปกติ ทว่าอาเจินในยามเพิ่งสร่างแบบนี้กลับรู้สึกว่ากำลังถูกเยาะเย้ยเสียอย่างนั้น นิสัยอยากเอาชนะทั้งยังขี้ประชดประชันถูกดึงออกมาทั้งหมด ยิ่งรับรู้ได้ถึงสิ่งแข็งบางอย่างที่ดุนดันบั้นท้ายอยู่ก็เผลอขยับบดเอวใส่เล็กน้อยอย่างมีอารมณ์
“หมวย เดี๋ยว---”
“อื้อ…”
มือน้อย ๆ สอดเข้าไปในกางเกงตัวเล็กแล้วขยับชักแก่นกายของตนทั้งใบหน้าที่แหงนเชิดขึ้นครางเสียงเบา ได้ยินเสียงปรามจากเ้าของตักหนึ่งคำก่อนที่มันจะถูกกลืนหายไปโดยที่เขายังไม่รู้สาเหตุ ดวงตาสีน้ำตาลสวยที่เคยหลับลงค่อย ๆ ปรือมองคนตรงหน้า ก่อนจะพบกับดวงตาคมสีรัตติกาลที่ทอดมองกันอยู่ด้วยแววตาที่ลึกซึ้งและดุดันกว่าครั้งไหน พลันช่องทางด้านหลังเริ่มขมิบตอดเข้าหากันทันที
ทุกครั้งที่าาสอดนิ้วเข้ามา...อีกฝ่ายจะมองหน้าเขาด้วยสายตาอยากจะกลืนกินกันเข้าไปทั้งตัวแบบนี้ ร่างเล็กร้องเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างขัดใจเมื่อพยายามเล่นกับส่วนหน้าของตัวเองเท่าไรก็ไม่มีท่าทีว่าจะเสร็จเสียที พลันดวงตาหลุบลงมองนิ้วเรียวยาวของคนตรงหน้า ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะอ้าออกน้อย ๆ แล้วสอดนิ้วของตัวเองเข้าไปดูดเบา ๆ จนเกิดเสียงทั้งเรียวนิ้วชุ่มน้ำลาย
ว่ากันว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้คนเรามีความกล้าที่มากขึ้นโดยไม่น่าเชื่อ
เช่นเดียวกับอาเจินในตอนนี้ที่กำลังพยายามสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังที่ขมิบตอดเข้าหากันถี่รัว…แล้วจินตนาการว่าาาเคยสอดนิ้วเข้ามากระแทกข้างในอย่างไร
…ทำให้เขาเสร็จสมคานิ้วพวกนั้นไปกี่ครั้ง
“หมวยเจิน---แม่ง…เหี้ยเอ๊ย”
กลุ่มเส้นผมสีเทาที่ตกลงปรกใบหน้าถูกเสยขึ้นไปอย่างลวก ๆ น้ำเสียงทุ้มแหบหลุดสบถหยาบออกมาอย่างแทบจะหมดความอดทน ดวงตาสีรัตติกาลเริ่มมีสีเข้มขึ้นทั้งยังฉายแววดุดัน
ภาพตรงหน้าคือร่างเล็กของอาเจินที่สอดมือไปทางด้านหลังแล้วสอดเข้าสอดออกช่องทางของตนเนิบช้า ดวงตาปรือปรอยด้วยด้วยแรงอารมณ์ สะโพกอวบส่ายร่อนไปมาอย่างกระสัน ทว่ายามฝ่ามือใหญ่จับลงบนสะโพกกลับออกแรงต่อต้าน ไม่ยอมให้วางมือแตะต้องส่วนล่างของตนเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับกำลังประชดประชันกันอยู่
“หยะ อย่ามาจับ! เฮียห้ามจับเจิน อื้อ”
เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นอย่างขัดใจเมื่อพยายามกระแทกนิ้วเข้าไปเท่าไรก็ยังไม่ถูกจุดที่้าเสียที ความรู้สึกเจ็บในตอนนี้มีมากกว่าความรู้สึกเสียดเสียวและสุขสมอย่างที่เคยถูกทำให้ ทุกสีหน้าและการกระทำล้วนอยู่ในสายตาของาาทั้งสิ้น
“หมวย จะประชดก็ทำให้มันโดน”
“ไม่ต้อง…ฮึก มายุ่ง!”
เอ่ยพูดเถียงเสียงกระท่อนกระแท่นทั้งดวงตาที่เริ่มคลอหน่วยด้วยหยาดน้ำตา เสียงสะอื้นดังขึ้นแ่เบาเมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเรียวขาสั่นเทาไปหมด ฝ่ามือใหญ่ที่วางอยู่บนบั้นเอวเล็กออกแรงนวดคลึงให้แ่เบาอย่างปลอบประโลม ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งไปกดเรียวนิ้วของร่างเล็กให้สอดนิ้วเข้าช่องทางให้ลึกขึ้นไปอีก
“เธอต้องสอดเข้าไปให้ลึกกว่านี้”
“อ้ะ!”
“…แล้วกดตรงนี้”
“อ๊า!!”
ร่างเล็กร้องครางออกมาเสียงระงมทั้งแข้งขาที่สั่นเทาจนแทบจะทรุดฮวบลงไป ยามปลายนิ้วถูกดันเข้าไปจนชนเข้ากับจุดหนึ่งภายในร่างกายเข้าอย่างจัง ความรู้สึกเสียวกระสันแล่นปราดไปทั่วทั้งร่างจนเนื้อตัวสั่นเทาหลุดร้องครางออกมาเสียงกระเส่า มือข้างหนึ่งเกาะที่บริเวณลาดไหล่กว้างแล้วจิกเล็บลงไปอย่างแรงยามได้ยินน้ำเสียงทุ้มแหบกระซิบถามอยู่ข้างใบหูในระยะใกล้
“เสียวหรือยัง?”
“ฮึก!”
“เฮียถามว่าเสียวรูหรือยัง?”
“ฮึก สะ เสียวแล้ว อื้อ…เสียว อ๊า!”
เสียงหวานหลุดร้องครางออกมาอีกครั้งเมื่อนิ้วถูกกดให้สอดกระทุ้งเข้าไปกระแทกที่จุดเดิมซ้ำ ๆ คล้ายกับกำลังกลั่นแกล้งกัน กระนั้นก็ยิ่งรู้สึกสุขสมเสียเกินจะบรรยาย นิ้วเท้าจิกงองุ้มเข้าหากันแน่นด้วยความรู้สึกกระสัน อาเจินกัดปากแน่นหมายจะกลั้นเสียง แต่เมื่อถูกจับมือให้กระแทกนิ้วเข้าออกช่องทางเร็วขึ้นก็เผลอหลุดร้องครางออกมาอีกครั้งทั้งหยาดน้ำตาที่ไหลอาบคลอหน่วยด้วยความเสียดเสียว
“อยากเสียวกว่านี้ก็เบ็ดแรง ๆ”
“อ้ะ อ้ะ…อื้อ!”
เรียวขาขาวเริ่มขยับอ้าออกกว้างขึ้นตามสัญชาตญาณแล้วขยับนิ้วกระแทกเข้าออกรูจีบเปียกแฉะของตัวเองเร็วขึ้นเช่นเดียวกับร่างกายที่เริ่มเกร็งสั่น าาวางมือทั้งสองข้างลงบนบั้นเอวเล็กพอดีมือแล้วชักนำจังหวะให้ร่างเล็กขยับขย่มร่อนสะโพกสวนใส่นิ้วที่สอดอยู่ภายในเน้นย้ำ จุดเสียวภายในถูกบี้ใส่ซ้ำ ๆ จนอาเจินร่างกายกระตุก ดวงตาสีน้ำตาลสวยช้อนมองสบกับเ้าของตักอย่างออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว
“ฮึก เฮีย...”
“ขา”
ดวงตาคมสีรัตติกาลทอแสงอ่อนลงยามทอดมองใบหน้าของอดีตคนรักที่เปื้อนคราบหยาดน้ำตา เส้นผมชื้นเหงื่อที่ตกลงปรกใบหน้าถูกร่างสูงจับทัดที่ข้างใบหูให้อย่างแ่เบา ถ้อยคำและน้ำเสียงที่เคยใช้ด้วยกันอย่างเคยชินถูกอาเจินหลุดปากพูดออกมา ใบหน้าซบลงกับลาดไหล่กว้างแล้วขยับไปมาอย่างออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่กลุ่มเส้นผมนุ่มถูกาากดจุมพิตลงมาแ่เบา
“าา...”
“ว่าไงคะ”
“สะ เสียว...อื้อ เจินเสียว”
“หมวยเจินเสียวตรงไหน”
“ข้างใน ฮื่อ...เสียวข้างใน อ๊ะ อ๊ะ!”
“ถ้าเสียวก็เบ็ดแรง ๆ ค่ะ”
“อ๊า! อ๊ะ อ๊ะ! อื้อ...ฮือ าา...”
บริเวณข้างแก้มขาวทั้งสองข้างถูกฝ่ามือจับประคองเอาไว้พร้อมกับจุมพิตที่ถูกมอบให้กะทันหันอย่างหนักหน่วง เกลียวลิ้นถูกสอดเข้ามาตวัดเลียฉกชิมรสชาติจากภายในจนอาเจินเริ่มหายใจไม่ทัน ก่อนที่จังหวะที่เคยหนักหน่วงจะค่อย ๆ ผ่อนลงอย่างเชื่องช้าและเริ่มนุ่มนวลลง เหลือเพียงการขบเม้มริมฝีปากล่างเบา ๆ อย่างละเมียดละไม มือข้างหนึ่งเอื้อมลงไป่ล่าง บังคับจังหวะสอดกระแทกเข้าออกอีกครั้งถี่รัวจนอาเจินหลุดร้องครางเสียงหลง
“อ๊า!! อื้อ”
“จะเสร็จหรือยัง?”
“จะเสร็จ ฮื่อ...เจินจะเสร็จ”
“เสร็จเลย..”
“อ๊ะ อ๊ะ!” ปลายจมูกโด่งเกลี่ยคลอเคลียที่ข้างแก้มขาวแล้วกดจูบที่ข้างขมับแ่เบาและอ่อนโยน สวนทางกันกับน้ำเสียงทุ้มแหบที่เอ่ยกระซิบพูดเร่งเร้าด้วยแรงอารมณ์
“เอานิ้วเบ็ดรูแรง ๆ แล้วเสร็จให้ดูหน่อย”
“อ๊ะ อ๊ะ ระ าา...าา---อ๊าา!!”
อาเจินสอดกระแทกนิ้วเข้าออกอีกไม่กี่ครั้ง ใช้ท้องนิ้วถูขยี้จุดกระสันเน้นย้ำจนร่างกายสั่นกระตุก หลุดร้องครางชื่อของอดีตคนรักออกมาอย่างเคยชินแล้วปลดปล่อยออกมาจนเลอะเสื้อผ้าของคนตรงหน้าเต็มไปหมด เสียงครวญครางภายในห้องถูกแทนที่ด้วยเสียงหอบหายใจกระเส่า ร่างเล็กซบใบหน้าลงกับแผงอกกว้างอย่างเหนื่อยอ่อน ในขณะที่ทั้งข้างแก้มและข้างขมับยังถูกอีกฝ่ายริมฝีปากกดจุมพิตลงมาอย่างถนอม
ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดชะงักนิ่งไปอย่างได้สติยามได้ยินคำพูดเอ่ยทักจากคนที่ยังโอบกอดตนไว้อยู่
“เธอสร่างเมาั้แ่ตอนโดนจับนั่งตักแล้วใช่หรือเปล่า?”
...
“กูเป็คนไม่ใช่รูปปั้น โดนบดควยขนาดนั้นจะให้ท่องบทสวดมนต์พยายามไม่ให้เงี่ยนหรือไง”
- าา -
...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้