"ขอบพระทัยหวางเหย่ ได้รับความช่วยเหลือจากคนของหวางเหย่ จะต้องเป็ดั่งพยัคฆ์ติดปีกเป็แน่"
คราวนี้กลายเป็ฉีเฉินรินน้ำชาให้จวินหวงบ้าง ทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน "นี่คือสิ่งที่เปิ่นหวางรับปากเ้าไว้ ย่อมต้องทำให้อยู่แล้ว"
"ข้าน้อยเว่ยเฉี่ยน" เว่ยเฉี่ยนกล่าวอย่างนบนอบ
จวินหวงหันไปทางสองคนนั้น ผงกศีรษะรับและยิ้มอย่างจริงใจ "ในเมื่อหวางเหย่มอบเ้าให้ข้า งั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว"
"หวางเหย่ทรงมอบหมายงานมาแล้ว คำสั่งของคุณชายเฟิงก็คือคำสั่งของหวางเหย่" เว่ยเฉี่ยนยิ้มอบอุ่น ใบหน้ายังไม่สูญเสียความองอาจผึ่งผายไปสักนิด
จวินหวงมิได้หลงใหลไปกับคำพูดของนาง คนของฉีเฉินมีใจจงรักภักดีเพียงเพื่อเ้านายเดิมของพวกเขา และตนเองก็เป็เพียงคนออกคำสั่งบัญชาการแทนฉีเฉินเท่านั้น
"เปิ่นหวางมอบหมายเป็ที่เรียบร้อยแล้ว เื่ใดก็ตามเ้าเพียงแค่สั่งเว่ยเฉี่ยน พวกเขาก็จะไปจัดการแทนเ้า" กล่าวจบฉีเฉินก็หยิบป้ายคำสั่งที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมาส่งให้ถึงมือจวินหวง
"นี่คือป้ายคำสั่งสำหรับออกคำสั่งกับลูกน้องของข้า เพียงแค่เ้าถือป้ายคำสั่งนี้ พวกเขาทุกคนล้วนทำงานให้เ้าทั้งสิ้น"
ในมือของจวินหวงถือป้ายคำสั่งของฉีเฉิน เขาเพียงแค่มอบคนให้ใช้งานสองคน มิได้ให้นางเข้าสู่อำนาจวงในของเขา
หนอย... เฉินอ๋องตัวดี เ้าช่างระมัดระวังตัวได้ดีจริงๆ!
แต่คราวนี้จวินหวงไม่ได้ปฏิเสธพู่กันเล็กๆ ของฉีเฉิน ขอเพียงแค่เปิดทางไว้ในจวนเฉินอ๋อง ภายหน้าก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีโอกาสยักย้ายถ่ายโลหิต[1] ภายในฐานอำนาจของฉีเฉิน
"ขอบพระทัยสำหรับความไว้วางใจของหวางเหย่" น้ำหนักเสียงของจวินหวงเน้นที่คำว่า ‘ความไว้วางใจ’ อย่างหนักแน่น
ฉีเฉินเห็นจวินหวงรู้ทันตนเองเช่นนี้ก็รู้สึกกระดากใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าจวินหวงไม่ได้พึงพอใจกับคนสองคนที่เขามอบให้มากนัก
"คุณชาย้าทำสิ่งใดก็ให้ทำสิ่งนั้น ถือคำพูดของคุณชายมิให้ต่างจากคำพูดของเปิ่นหวาง" ฉีเฉินขยิบตาอย่างมีความหมายให้กับเว่ยเฉี่ยนกับพวกอีกคนและกล่าวกำชับอีกครั้งต่อหน้าจวินหวง
"ขอบพระทัยหวางเหย่ที่ทรงเมตตารักใคร่อย่างลึกซึ้ง" จวินหวงเอ่ยปากแสดงมารยาทอีกประโยค
"ข้าต้องขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือข้าต่างหาก หวังว่างานของคุณชายจะประสบความสำเร็จในเร็ววัน" ความหมายในแววตาของฉีเฉิน จวินหวงจะไม่เข้าใจได้อย่างไร
จวินหวงโบกมือทันที แล้วกล่าวกับฉีเฉิน "หวางเหย่ เื่นี้จะใจร้อนเกินไปมิได้ ฝ่าายังทรงอยู่ใน่วัยกลางคนเท่านั้น หวางเหย่จะทรงรอฝ่าาอีกสักหน่อยมิได้หรือ? แม้ว่าองค์รัชทายาทจะทรงถูกกักบริเวณแล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็รัชทายาทอยู่"
"องค์รัชทายาท? เขาถือสิทธิอันใด? โง่เง่า เย่อหยิ่ง อวดดีปานนั้น และยังไร้ซึ่งคุณธรรม อาศัยแค่เกิดมาในพระครรภ์ฮองเฮาถึงได้นั่งตำแหน่งรัชทายาทอย่างมั่นคงมาตลอดหลายปีนี้"
ไยจวินหวงจะไม่รู้ว่าหัวใจดวงนี้ของฉีเฉินขุ่นเคืองมากเพียงใด ได้แต่ชิงชังตนเองที่เกิดมาผิดเวลาก็เลยเป็ได้เพียงอ๋อง
นางเองก็เติบโตมาในวังหลัง เื่พวกนี้จวินหวงได้ยินมามาก และได้เห็นมามากแล้วเช่นกัน
"ด้วยเหตุนี้ความไร้คุณธรรมขององค์รัชทายาทจึงเป็เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพของท่าน หวางเหย่ ั้แ่โบราณมาตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ย่อมเป็ของโอรสของฮองเฮา หากเขาไร้ข้อบกพร่องใดๆ ฝ่าาแต่งตั้งเขาเป็รัชทายาท ย่อมเป็เื่ที่ชอบด้วยหลักเหตุผล"
จวินหวงค่อยๆ ละเลียดลิ้มรสชาที่อยู่ในมือของตน ขณะที่กล่าวคำพูดพวกนี้นางใช้ความหมายในเชิงยั่วยุอยู่ไม่น้อย
"แต่ได้ยินมาว่ารัชทายาทมีอาการคันไปทั้งตัว เกาจนเนื้อหนังย่ำแย่แทบไม่เป็ผู้เป็คน แม้ว่าจะไม่ได้เห็นกับตาว่ารัชทายาทตอนนี้มีสภาพเป็อย่างไร แต่ในใจข้ามีความสุขจริงๆ เช่นนี้ก็ถือว่าเป็กรรมตามสนองที่เขาคิดร้ายต่อคุณชายแล้ว"
หลังจากจวินหวงฟังฉีเฉินกล่าวถึงเื่ของฉีอินแล้ว ในใจก็ไม่ได้รู้สึกสะใจอะไรมากมาย เพียงแค่ยิ้มอย่างสุขุม "ไม่คิดว่าหวางเหย่จะยังจดจำเื่นี้ได้อยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่รัชทายาทต้องเป็แบบนี้ เป็ความกรุณามาจากผู้ใด?"
ฉีเฉินพอได้ยินเช่นนี้ถึงเริ่มรู้สึกเอะใจ ครั้งนี้ฉีอินไม่น่าจะอยู่ดีๆ ก็เป็ขึ้นมาเอง จะต้องมีคนแอบเล่นงานเขาอยู่แน่นอน
เขามองไปที่จวินหวงทันควัน ในดวงตาบังเกิดความตื่นตัวขึ้นหลายส่วน "ความหมายของคุณชายก็คือ ยังมีใครอีกคนยื่นมือเข้ามาจัดการกับองค์รัชทายาท?"
จวินหวงผงกศีรษะเบาๆ ดวงตาที่มองฉีเฉินมีความมั่นใจอย่างมาก แต่ในทางกลับกันใบหน้ากลับสงบนิ่ง ให้ฉีเฉินเห็นแล้วรู้สึกว่านางรู้สึกมีความสุขไปกับเขาด้วย
"ข้าหมายความว่าเช่นนั้นอยู่ หรือหวางเหย่ไม่คิดว่านี่ก็เป็เื่ดีเื่หนึ่ง? องค์รัชทายาทเป็เนื้อชิ้นใหญ่ มีคน้ามาแบ่งจากหวางเหย่ไปเป็อาหารแล้ว ราชบัลลังก์นี้คงมิใช่มีเพียงหวางเหย่ผู้เดียวที่้า"
ตามสมมติฐานของจวินหวง รัชทายาทถูกกักบริเวณก็เป็ดั่งกำแพงล่มคนร่วมผลัก[2] ต่อให้ฉีเฉินไม่ได้ลงมือกับฉีอิน ก็จะต้องมีคนยื่นมือเข้ามาจัดการแน่นอน
"เช่นนี้ก็ไม่แน่ว่าเป็เื่ร้าย มีคนมาช่วยข้าลงแรงลากองค์รัชทายาทลงมา ข้าก็ประหยัดแรงไปใช่หรือไม่?"
ฉีเฉินเคยทำเื่แบบนี้มาแล้วหนึ่งครั้ง ยังรู้สึกขนพองสยองเกล้าอยู่ไม่หาย หากมีผู้อื่นโค่นฉีอินลงมาได้ ตนเองค่อยเริ่มเข้าแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ น่าจะง่ายกว่ามาก
ใครจะรู้ ในตอนนี้จวินหวงกลับส่ายหน้า ไม่คล้อยตามไปกับความคิดของฉีเฉิน "หวางเหย่อย่าทรงคิดเช่นนี้ ใครเล่าจะทนเห็นงานของตนเองล่มตอนท้าย สิ่งที่ทำไปทั้งหมดกลายเป็ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น[3] ไปได้เล่า"
"หวางเหย่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ผู้อื่นก็มิได้โง่เขลา สิ่งที่หวางเหย่ควรทำก็ยังต้องทำ ส่วนจะทำอย่างไรนั้น หวางเหย่ก็ต้องรู้ก่อนว่าผู้ที่จะมาแบ่งชิ้นเนื้อจากหวางเหย่ไปเป็อาหารนั้นคือใคร"
คำพูดของจวินหวงช่วยชี้เตือนฉีเฉิน เขามองจวินหวงแล้วพยักหน้าเงียบๆ
"น้องเฟิงกล่าวได้ถูกต้อง"
ฉีเฉินไม่ได้นั่งอยู่ต่อนานนักก็จากไป
จวินหวงกำลังคิดอยู่ว่า หาก้าแฝงเข้าไปอยู่ภายในฐานอำนาจของฉีเฉิน ก็ต้องใช้คนของฉีอวิ๋น
แต่ตอนนี้ตนเองอยู่ในจวนเฉินอ๋อง ข้างกายมีแต่คนที่ฉีเฉินพามา จะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถพบกับฉีอวิ๋นเป็การส่วนตัวได้?
จะให้มีแต่คนที่ฉีเฉินมอบให้ก็ไม่ได้ ข้างกายจวินหวงต้องมีคนของตัวเองบ้างถึงจะเหมาะสม
"คุณชายเฟิงได้เวลาเปลี่ยนยาแล้วเ้าค่ะ" หญิงรับใช้เข้ามาบอกกล่าวกับจวินหวง
จวินหวงผงกศีรษะเบาๆ แล้วก็ให้สาวใช้เปลี่ยนยาให้ตนเอง
เพื่อรักษาาแที่แขน แท้จริงแล้วนางสามารถปรุงยาให้ตัวเองได้ั้แ่แรก แต่จวินหวงไม่ได้ทำเช่นนั้น นางให้หมอเ่าั้จัดยาให้นาง
ถึงแม้จะเห็นว่าาแที่แขนหายช้า แต่จวินหวงก็ปล่อยให้เลยตามเลยมิได้ใส่ใจ ผ้าที่พันแผลอยู่ถูกแกะออกอย่างช้าๆ โลหิตแห้งกรังจับตัวเป็ก้อนเกาะหนึบที่ผืนผ้า สร้างความเ็ปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่นางกลับนิ่งหัวคิ้วไม่กระดิกเสียด้วยซ้ำ
สตรีที่มาทำแผลให้จวินหวงแอบหวั่นใจอยู่ว่าจะทำให้นางเจ็บ ่หนึ่งก่อนหน้านี้นางเคยอยู่ในจวนรัชทายาท จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งรัชทายาททรงหกล้ม แค่ฟกช้ำเท่านั้นแต่กลับร้องโอดครวญอยู่นานมาก
จวินหวงปิดเปลือกตาลงกึ่งหนึ่ง ความเ็ปที่แขนถ้าจะกล่าวกันตามจริงแล้วก็ไม่นับว่าเป็อะไรเลย นางเคยเป็คนทดสอบยามาก่อน ตอนที่อาจารย์ถอนพิษให้นาง ความเ็ปกร่อนกินถึงกระดูก นางจึงเคยชินกับความเ็ปมานานแล้ว
เมื่อจัดการพันแผลใหม่ที่แขนเสร็จเรียบร้อย จวินหวงถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วสั่งให้สตรีที่เข้ามาเปลี่ยนยาให้ตนเองออกไป หลังจากที่สาวใช้เก็บกวาดเสร็จแล้วก็เปิดประตูออกไป
เมื่อเห็นคนไปแล้ว จวินหวงก็ลุกขึ้นเปิดผ้าห่มบางๆ ที่คลุมร่างอยู่ออกแล้วก้าวลงมาจากเตียง เดินมาที่หน้าต่างมองดูทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณบ้าน ก็เห็นคนที่ฉีเฉินเพิ่งจะพามาเมื่อครู่
นางเห็นพวกเขาหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีกำลังคุยอะไรกันอยู่ ดูท่าทางฉีเฉินคงกลัวว่าจะเกิดเื่กับนางซ้ำอีก จึงส่งพวกเขามาตรวจสอบความเรียบร้อย คิดถึงจุดนี้แล้วนางก็นึกขันหัวเราะกับตัวเองเบาๆ
ตอนนี้ใครจะสามารถเข้ามาทำร้ายนางได้ง่ายๆ อีกหรือ?
แต่ถึงจวินหวงจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดระดับไหน นางย่อมกระจ่างถึงความร้ายกาจที่อยู่ภายใน จากสถานการณ์ราชสำนักในตอนนี้ เกรงว่านางคงต้องหาทางพบกับฉีอวิ๋นให้เร็วขึ้นจะเป็การดีที่สุด เมื่อคิดได้เช่นนี้นางก็ยื่นมือไปปิดหน้าต่าง แล้วกลับเข้ามาในห้องหยิบกระดาษเซวียนและพู่กันออกมา
ไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงค่อยลงน้ำหมึก เป็ตัวอักษรงดงามเรียบง่ายสะท้อนให้เห็นจิตใจที่ผ่อนคลายเบาสบาย น้ำหนักพู่กันสม่ำเสมอไม่เบาไม่หนัก ถ่ายทอดถ้อยความกระชับไม่เยิ่นเย้อลงไปบนกระดาษ
หลังจากเขียนข้อความเสร็จเก็บพู่กันและน้ำหมึกเรียบร้อยแล้ว จวินหวงก็พับกระดาษที่เขียนข้อความใส่ลงไปในถุงหอมที่พกติดตัว แล้วสวมเสื้อคลุมตัวนอกทับก่อนจะเปิดประตูออกไป
เว่ยเฉี่ยนเห็นจวินหวงออกมาก็รีบเดินเข้าไปหา "คุณชายจะไปไหนหรือเ้าคะ?"
"ทำไมหรือ? หรือว่าข้าจะไปไหนยังต้องให้แม่นางอนุญาตก่อนด้วย?"
จวินหวงเลิกคิ้วขึ้นมอง นางรู้ดีว่าต่อหน้าเว่ยเฉี่ยนนางจะอ่อนให้ไม่ได้ เว่ยเฉี่ยนได้ฟังวาจานั้นก็ประสานมือคารวะทันที "เว่ยเฉี่ยนมิได้มีเจตนากำเริบเสิบสาน เพียงแค่กังวลถึงสุขภาพของคุณชายเท่านั้น หากคุณชายมีอันเป็ไป หวางเหย่คงไม่ปล่อยข้าน้อยไปแน่นอน"
ใช้เป็ทั้งไม้นวมไม้แข็งสมกับเป็คนที่เฉินอ๋องอบรมขัดเกลามาเป็อย่างดีจริงๆ จวินหวงยิ้มเยือกเย็นอยู่ในใจ แต่สายตาก็จับจ้องอยู่ที่เว่ยเฉี่ยน เว่ยเฉี่ยนถูกจ้องอยู่นานแล้ว ก็ตะลีตะลานก้มหน้ามองพื้นด้วยความตื่นเต้น
นางเคยถูกบุรุษมองอย่างเพ่งพิศแบบนี้เสียที่ไหน ตอนนี้ดูเหมือนว่าหัวใจจะะโออกมาให้ได้ นางเขินอายจนหน้าแดงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง
จวินหวงได้ผลลัพธ์อย่างที่ใจ้าแล้ว จึงคลี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า "ข้าอยู่แต่ในจวนรู้สึกเบื่อๆ ท่านหมอเฉี่ยก็บอกว่า หากวันๆ เอาแต่อยู่เฉยๆ ก็อาจจะทำให้ป่วยกระเสาะกระแสะจากการดูแลประคบประหงมจนเกินไป หากเว่ยเฉี่ยนไม่วางใจให้ข้าไปคนเดียว จะติดตามไปด้วยก็ย่อมได้"
เว่ยเฉี่ยนมองไปที่จวินหวง เห็นสีหน้าของเขาสงบนิ่งเป็ธรรมชาติ นางชั่งน้ำหนักอยู่ในใจ ในที่สุดก็พยักหน้าแล้วตามจวินหวงออกจากจวน
คนบนถนนเสียงดังจอแจ ขายของร้องเรียกลูกค้ากันเสียงอ่อนเสียงหวาน แม้ว่าจะเริ่มมืดแล้ว คนมาเดินชมตลาดกลางคืนกลับมีไม่น้อย ของกระจุกกระจิกและเครื่องประดับสวยงามละลานตาริมถนนสะกดใจผู้คนให้หยุดแวะชม นางรู้สึกตึงเครียดไปทั้งตัว ด้วยกลัวว่าจวินหวงจะมีอันตราย
แต่จวินหวงไม่เหมือนกับเว่ยเฉี่ยน นางเดินไปตามถนนอย่างสบายใจ สายลมยามค่ำคืนโชยมาเอื่อยๆ เย็นสบายมาก บางครั้งก็เหลือบตาไปด้านข้างมองเว่ยเฉี่ยนที่ตื่นตัวคอยระแวดระวังความปลอดภัยให้นางอย่างจนใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงจากร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่งข้างถนนเรียกจวินหวงไว้ "คุณชายท่านนี้ เชิญเข้ามาชมปิ่นปักผมของร้านข้าก่อน จะมอบให้กับแม่นางคนงามที่อยู่ข้างหลังผู้นั้นก็ได้นะเ้าคะ"
จวินหวงหยุดยืนหันข้างไปมอง ก็เห็นสตรีคนหนึ่งซึ่งเป็คนของฉีอวิ๋นโบกไม้โบกมือมาทางตนเอง นางเข้าใจโดยฉับพลัน จึงเดินนำเว่ยเฉี่ยนเข้าไปทันที
เว่ยเฉี่ยนไม่เหมือนสตรีคนอื่นๆ สายตาของนางจับอยู่ที่ตัวจวินหวงตลอดเวลา คอยระวังทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้าง แม้แต่สิ่งของในร้านขายของก็ยังไม่มองสักนิด จวินหวงรู้สึกจนใจ ได้แต่ก้มหน้ามองดูปิ่นปักผมที่เป็งานฝีมืองดงามประณีตเ่าั้ แล้วเลือกหยิบออกมาชิ้นหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าเป็ปิ่นไม้เรียบๆ แล้วยื่นไปตรงหน้าเว่ยเฉี่ยน "ชอบหรือไม่?"
เว่ยเฉี่ยนไม่คิดมาก่อนว่าจวินหวงจะถามตนเอง นางใจนก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วไอออกมาเบาๆ "คุณชายเลือกของที่ตัวเองชอบก็พอแล้ว ปกติข้าน้อยก็ไม่ได้ใช้ของพวกนี้"
แม้ว่านางจะบอกไปอย่างนี้ แต่จวินหวงยังยืนกรานจะให้นางให้ได้ นางไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่รับมา แต่ใจนางรู้ดีวันนี้รับน้ำใจของจวินหวงมา วันหน้าก็ต้องใช้คืนกลับไป
เว่ยเฉี่ยนก้มหน้ามองปิ่นไม้ในมืออย่างลืมตัว จวินหวงหยิบถุงหอมขึ้นมาโดยไม่แสดงอาการทางสีหน้า ในขณะที่จ่ายเงินมาก็ส่งแผ่นกระดาษชิ้นเล็กปะปนไปกับเงินที่ส่งให้ด้วย
ข่าวถูกส่งไปแล้ว อารมณ์ของจวินหวงดีกว่าตอนที่เพิ่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่เว่ยเฉี่ยนนึกว่าจวินหวงมีความสุขเพราะได้เห็นบรรยากาศยามค่ำคืน
ล่วงสู่ยามราตรี ลมยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเดินเล่นอยู่อีกชั่วครู่ จวินหวงรู้สึกเหนื่อย จึงพาเว่ยเฉี่ยนกลับจวนเฉินอ๋อง กลับมาถึงเรือนพักชั่วคราวของตนเองได้ไม่นานก็หลับไป
เว่ยเฉี่ยนนั่งอยู่ภายใต้แสงเทียน นางมองปิ่นไม้ในมืออย่างละเอียดลออ ไม่รู้ว่าจวินหวงทำเช่นนี้มีความหมายอันใด หมายผูกใจนางด้วยเล่ห์กลหรือชอบนางจริงๆ เขาคิดอย่างไรนางไม่เคยรู้มาก่อนเลย
สุดท้ายนางก็นำปิ่นไม้ที่รับมาเก็บไว้อย่างดี ทั้งยังนำออกมาเช็ดอยู่บ่อยๆ เพราะกลัวว่าจะเปื้อนฝุ่น
..............................................................................................................
[1] ถ่ายโลหิต หมายถึงการปรับเปลี่ยนบุคลากรในองค์กรใหม่
[2] กำแพงล้มคนร่วมผลัก เป็ความเปรียบเปรยว่ามีผู้หนึ่งพ่ายแพ้ คนหมู่มากก็ร่วมซ้ำเติม มาจากสำนวนเต็มๆ ว่า กำแพงล้มคนร่วมผลัก กลองแตกคนทุบส่ง
[3] ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น หมายถึง การทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานให้ผู้อื่น โดยที่ตนเองไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย