วันรุ่งขึ้นฉุนหยางอ๋องเข้าวัง ฮ่องเต้มีพระราชโองการลงมา กำลังทหารสิบหมื่นซีเป่ยให้ฉีอ๋องเป็ผู้รับผิดชอบชั่วคราว ฉุนหยางอ๋องทำหน้าที่ผู้ตรวจการ อ๋าวเหลียวและหลี่จงิรั้งตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ไปแนวหน้า
ทันทีที่พระราชโองการลงมา ทั้งราชสำนักราวกับมีะเิลงอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าฮ่องเต้จะให้ฉุนหยางอ๋องไปซีเป่ย หากฝ่าามอบอำนาจกำลังทหารสิบหมื่นนายให้กับฉีอ๋อง เด็กหนุ่มในวัยสิบสี่ปีอีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ในการเข้าร่วมกองทัพ แน่นอนว่าคนอื่นๆ ย่อมไม่เห็นด้วย แต่เมื่อมีฉุนหยางอ๋องไปตรวจการผู้ใดจะกล้าบอกว่าไม่ได้เล่า?
ต้องรู้ว่าฉุนหยางอ๋องนั้นช่วยเหลือสนับสนุนฮ่องเต้มาั้แ่ต้นรัชสมัย เป็ผู้ดำรงตำแหน่งชินอ๋องผู้ต่างสกุลกับอ๋องคนอื่นๆ เพียงคนเดียวในแคว้น ฉุนหยางอ๋องคนปัจจุบันนี้ผ่านสนามรบมาแล้วเช่นกัน เพียงแต่ยามนี้ได้วางอำนาจกำลังทหารลงแล้วเท่านั้น ส่งคนผู้นี้ไปเช่นนี้ ฝ่าาช่างมาเหนือเมฆยิ่ง
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ท่านหญิงฉุนเหอและหลี่เจ๋อได้หมั้นหมายกันไว้ั้แ่ปีที่แล้ว ปีนี้ต้องแต่งงาน ฉุนหยางอ๋องไปซีเป่ยครั้งนี้คงไปได้ไม่นานนัก อย่างช้าครึ่งปี อย่างเร็วสามเดือน และฉีอ๋องอยู่ซีเป่ยเป็เวลาสามเดือนแล้ว บวกอีกสามเดือนเท่ากับเป็เวลาหกเดือน เพียงพอที่จะให้เข้าไปทำความเข้าใจ อีกอย่างคือซีเป่ยเดิมทีก็เป็ทหารของสกุลอวี๋ เืในกายอีกครึ่งหนึ่งของฉีอ๋องก็เป็เืของสกุลอวี๋
ณ จวนเสนาบดีฉิน
เคร้ง...เสนาบดีฉินเขวี้ยงถ้วยน้ำชาลงกับพื้นอย่างฉุนเฉียว “ฝ่าาช่างเ้าเล่ห์นัก แม้กระทั่งบุตรชายยังสู้หลานชายไม่ได้ ช่างเป็ท่านอาที่ดีในรอบพันปีนี้แล้ว”
“ท่านเสนาบดีอย่าเพิ่งรีบร้อน” หนึ่งในขุนนางกล่าวขึ้น
“ท่านลุง จากนี้พวกเราจะทำเช่นใดเล่า?” ฉินเฟิงถาม
“ฮึ” เสนาบดีฉินหัวเราะเสียงเย็น “ให้ฉีอ๋องไปไม่กลับ”
“ความหมายของใต้เท้าก็คือ?” มีขุนนางผู้หนึ่งทำท่าถูกเชือดคอ
“พวกเราสามารถทำให้อวี๋เจิ้นซีหายตัวไปได้ ย่อมทำให้กู้จวิ้นเฉินหายตัวไปได้ด้วยเช่นกัน” เสนาบดีฉินกล่าว “ปล่อยกู้จวิ้นเฉินเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว”
“ทว่าข้างกายกู้จวิ้นเฉินมียอดฝีมือมากมาย จวิ้นอี หลี่จงิ ยังมีทหารรักษาพระองค์อีกสองร้อยนายที่ฝ่าาส่งไปอีกเล่า ยามนี้ฉุนหยางอ๋องและอ๋าวเหลียวกำลังจะไปที่นั่น เกรงว่า...”
“เกรงอันใด?” เสนาบดีฉินไม่คิดเช่นนั้น “ฉุนหยางอ๋องเป็การเคลื่อนขบวนใหญ่ ้าเวลาสักระยะหนึ่ง ให้คนปล่อยพิราบสื่อสาร รีบลงมือทันที”
“ขอรับ”
“เื่นี้ไม่มีความจำเป็ต้องให้กุ้ยเฟยและองค์ชายใหญ่รับรู้”
“ข้าน้อยกระจ่างแจ้งแล้วขอรับ”
ณ จวนองค์ชายรอง
“เสนาบดีฉินจะส่งคนไปลอบสังหารเ้าสี่รึ?” องค์ชายรองได้ยินข่าวที่ฉินเยวี่ยปิงนำมา หัวเราะอย่างอดไม่ไหว “ลอบสังหารก็ดี สมควรลอบสังหาร”
ฉินเยวี่ยปิงมองดูท่าทางมีความสุขยิ่งนักขององค์ชายรอง มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นอย่างทนไม่ไหวเช่นกัน “แน่นอน หากพวกเขาทำเช่นนี้ มีแต่ผลดีต่อฝ่าา”
“อ้อ? เ้าว่ามีผลดีอย่างไรเล่า?” องค์ชายรองถามยิ้มๆ
ฉินเยวี่ยปิงยังคงมีรอยยิ้มดังเดิม “ถ้าหากฉีอ๋องตาย อำนาจทางทหารของซีเป่ยย่อมตกไปไม่ถึงมือของพวกเขา ฝ่าาย่อมไม่มีวันยอมให้พวกเขาได้อำนาจไป หากฉีอ๋องไม่ตาย การสืบสวนเื่นี้ย่อมไม่เกี่ยวกับฝ่าา อย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่าา หากสืบสวนออกมาแล้วเกี่ยวพันกับพวกเขา เช่นนั้นดียิ่ง ฝ่าาจะตัดสินอย่างไรนั้นเป็เื่หนึ่ง ฉีอ๋องไม่ปล่อยพวกเขาเอาไว้แน่ อย่างไรก็ตาม นกปากซ่อมกับหอยกาบทะเลาะกัน คนตกปลาย่อมได้ประโยชน์ ฝ่าาก็เป็คนตกปลาผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“เสนาบดีฉินไม่เห็นคุณค่าในตัวเ้า ช่างน่าเสียดาย” องค์ชายรองกล่าว เขายังจำได้เมื่อแรกเริ่มรู้จักฉินเยวี่ยปิง ด้วยเหตุที่เขาเป็บุตรอนุจึงไม่ได้รับความสำคัญ กระทั่งถูกปฏิบัติอย่างข่มเหงและเ็า เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือฉินเยวี่ยปิง แลกมาได้ซึ่งหมากตัวหนึ่งที่อยู่ข้างกายเสนาบดีฉิน ดีเหลือเกิน เขากำลังกลัดกลุ้มว่าจะส่งผู้ใดเข้าไปอยู่ในจวนเสนาบดีอยู่พอดี
“หากฉีอ๋องตาย ฝ่าาคิดว่าฮ่องเต้จะยกอำนาจทางทหารซีเป่ยให้กับผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ?” ฉินเยวี่ยปิงย้อนถาม
องค์ชายรองครุ่นคิด “อาจจะเป็ฉุนหยางอ๋อง”
“ฉุนหยางอ๋องไม่ง่ายดายเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” ฉินเยวี่ยปิงกล่าว
“แน่นอน” องค์ชายรองไม่เคยแคลงใจมาก่อน “ผู้ที่มีอำนาจทางทหารล้นมือและยังวางอำนาจนั้นลงได้ ผู้ใดกล้าประมาทกัน? อีกทั้งฉุนหยางอ๋องและจงกั๋วกงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน การแต่งงานครั้งนี้ดียิ่งนัก จงกั๋วกงไม่สนใจเื่ราวภายในราชสำนัก ไม่มีอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือ ครอบครัวของพวกเขาเองไม่มีอำนาจ เมื่อแยกเรือนอาจจะมีความสามารถอยู่บ้าง ผนวกกับเหรินเซียงโหว”
“เมื่อเป็เช่นนี้ จะไม่กลายเป็กำลังของฉีอ๋องเท่านั้นหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฉินเยวี่ยปิงตกตะลึงในใจ
“ดังนั้นเสด็จพ่อจึงส่งฉุนหยางอ๋องไปซีเป่ย ความสัมพันธ์ระหว่างฉุนหยางอ๋องและเ้าสี่ ด้วยเหตุที่มีจวนจงหย่งโหวเป็ตัวกลาง”
“หากเสี่ยวโหวเหฺยตาย ตัวกลางอันใดย่อมไม่มีแล้วไม่ใช่หรือไร?” ฉินเยวี่ยปิงถาม
“ไม่ได้” องค์ชายรองรีบกล่าว “หลี่ลั่ว เด็กคนนี้ แตะต้องไม่ได้”
“เหตุใดเล่า? เด็กน้อยเพียงคนเดียวเท่านั้น” ฉินเยวี่ยปิงไม่กระจ่างแจ้ง “หลี่ลั่วตายแล้ว ยังมีลูกหลานสกุลหลี่คนอื่นสืบทอดตำแหน่งจงหย่งโหว”
“หลี่ลั่วหายตัวไปสี่ปี ตำแหน่งจงหย่งโหวเว้นว่างมาโดยตลอด ย่อมเห็นได้ถึงเจตนาของเสด็จพ่อ ความผูกพันระหว่างเสด็จพ่อและหลี่ซวี่นั้นลึกซึ้งยิ่งนัก หากแตะต้องหลี่ลั่ว เสด็จพ่อจะต้องสืบสวนอย่างชัดเจน ต่อให้เป็พวกเราพี่น้องฆ่ากันเอง เสด็จพ่อจะปิดตาข้างหนึ่ง แต่หากแตะต้องหลี่ลั่วนั้น ไม่ได้ อีกทั้งเขาก็เป็แค่เด็กตัวน้อยๆ เพียงคนเดียว วันนี้ไม่มีหลี่ลั่ว ก็มีคนในสกุลหลี่คนอื่นเกี่ยวพันกับเ้าสี่ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กคนนี้ยังเป็เพียงเด็กชายที่ไม่สามารถออกไข่ได้คนหนึ่ง” องค์ชายรองกล่าวอย่างดูิ่ “แต่ทว่าเด็กน้อยคนนั้นน่ารัก ฉลาดเฉลียว ไร้เดียงสา”
“องค์ชายรองจดจำเขาได้ไม่เลวทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
“เด็กที่ฉลาดเฉลียวน่ารัก มักจะทำให้ผู้อื่นชมชอบอยู่หลายส่วน แต่ทว่า...” องค์ชายรองหรี่ตาลงมองฉินเยวี่ยปิง “ยังไม่น่าชมชอบเท่าเยวี่ยปิง”
ฉินเยวี่ยปิงตะลึง ต่อมาจึงหัวเราะ “องค์ชายรองอย่าได้ล้อข้าน้อยเล่นเช่นนี้” ใบหน้าของเขาค่อยๆ แดงก่ำ
องค์ชายรองมีสองหน้า เมื่ออยู่ตามลำพังเช่นนี้เป็หน้าจริง ไม่เหมือนในยามปกติที่ติดตามอยู่ข้างหลังองค์ชายใหญ่ ผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้เช่นนี้ จึงจะทำให้คนเคารพนับถือ ฉินเยวี่ยปิงเคยสาบานเอาไว้ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่เขาจะต้องช่วยองค์ชายรองให้สมปรารถนาให้ได้
ณ ค่ายทหารซีเป่ย
“เสี่ยวโหวเหฺยส่งของมาอีกแล้ว”
“ทุกคนรีบออกมาเร็ว ขบวนรถของเสี่ยวโหวเหฺยมาถึงแล้ว”
“ครั้งนี้ส่งอะไรมา?”
“ดูเอาเอง เสี่ยวโหวเหฺยช่างดีจริงๆ”
กู้จวิ้นเฉินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มองผู้คนข้างๆ ที่มีท่าทางดีอกดีใจ เขาคิดในใจว่าคนพวกนี้ต่างเอาเปรียบเขาอยู่ หากตนไม่ได้มาซีเป่ย เ้าสารเลวตัวน้อยมีหรือจะส่งสิ่งของมาที่นี่ ไม่รู้ว่าครั้งนี้ส่งสิ่งของอะไรมา เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ กู้จวิ้นเฉินจึงรีบสาวเท้าเดินออกมา
“นี่คือ?” เมื่อมองไปเห็นบนรถที่มีอ้อยมัดเป็มัดๆ กู้จวิ้นเฉินสงสัยว่าตนเองดูผิดไปใช่หรือไม่ “เสี่ยวโหวเหฺยให้พวกเ้าส่งมาเช่นนั้นหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ เป็อ้อยจำนวนห้าหมู่ เสี่ยวโหวเหฺยบอกว่าให้ทุกคนได้ลองกินดูพ่ะย่ะค่ะ” ยังคงเป็องครักษ์หลายคนนั้นที่มาก่อนปีใหม่ “เสี่ยวโหวเหฺยปลูกอ้อยไว้ห้าสิบหมู่ พวกเรายังไปช่วยเก็บเกี่ยวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ห้าสิบหมู่รึ? ไฉนจึงนำมาเพียงห้าหมู่เล่า?” กู้จวิ้นเฉินถาม เ้าสารเลวตัวน้อยคงจะมีชีวิตที่สุขสบายอยู่ในเมืองหลวงล่ะสิ? แม้กระทั่งอ้อยยังสามารถปลูกได้ถึงห้าสิบหมู่ รื่นเริงเสียจริง
“ส่วนที่เหลือนั้นเสี่ยวโหวเหฺยนำไปใช้อย่างอื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์ตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “เสี่ยวโหวเหฺยมีสวนผลไม้แห่งหนึ่ง มีที่หนึ่งร้อยห้าสิบหมู่ ปลูกผลไม้ไว้มากมายพ่ะย่ะค่ะ”
“คิดถึงแต่เื่กิน ในยามปกติเขาอยู่ในเมืองหลวงทำอันใดบ้าง?” ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ กู้จวิ้นเฉินแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะจับตัวหลี่ลั่วมาอยู่ในสายตาของตน แต่หักใจไม่ได้ที่จะจับตัวเขามาซีเป่ย ที่นี่ไม่มีอะไรดี ไหนเลยจะทนให้เขาต้องมาตกระกำลำบากได้เล่า
“ไม่มีอันใดพ่ะย่ะค่ะ ระยะนี้ในเมืองหลวงสงบยิ่ง” หัวหน้าองครักษ์พูดแล้วหยิบจดหมายออกมา “นี่คือจดหมายที่เสี่ยวโหวเหฺยฝากมาให้ท่านพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ออกไปเถิด” กู้จวิ้นเฉินแทบจะรอไม่ไหวที่จะอ่านจดหมายแล้ว
‘ถึง ท่านพี่ฉีอ๋อง
ปีนี้ข้าอายุหกขวบแล้ว คิดว่าเมื่อสิบห้าปีเมื่อใดจะได้แต่งงานกับท่านพี่ฉีอ๋อง วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก ชีวิตของค่ายทหารซีเป่ยยากจนข้นแค้น พวกทหารไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้กินของสดๆ ใหม่ๆ อ้อยเหล่านี้ให้พวกเขากินให้หายเปรี้ยวปาก รอจนกระทั่งเดือนสามจะมีเฉ่าเหมยสุกแล้ว ถึงเวลานั้นข้าจะส่งเฉ่าเหมยมาให้
ใช่แล้ว ร้านบ้านการกุศลของข้ากำลังจะเปิดกิจการแล้ว ถึงเวลานั้นข้าจะหาเงินให้มากสักหน่อย เอามาเลี้ยงทหารซีเป่ยเหล่านี้
เมืองหลวงเกิดเื่ขึ้นสองเื่ เื่ที่หนึ่ง ต้าหลี่ซื่อชิงพบกับนักฆ่า เื่ที่สอง โค่วฉีถูกคนวางยาพิษจนตายในคุกของกรมยุติธรรม เมื่อนำสองเื่มารวมกัน ปีนี้เมืองหลวงคงจะสงบได้ยาก การตายของโค่วฉี การหายตัวไปของแม่ทัพน้อยอวี๋ ข้ากังวลว่าท่านพี่ฉีอ๋องจะตกหลุมพราง ต้องระวังให้มาก
ยังมีอีก เหตุใดต้าหลี่ซื่อชิงจึงถูกนักฆ่าลอบสังหาร? เขาดูไม่เหมือนคนไร้มโนธรรมนี่นา’
สี่วันให้หลัง องครักษ์ของจวนฉีอ๋องที่นำส่งอ้อยได้เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง แน่นอนว่าได้นำจดหมายที่ฉีอ๋องเขียนให้กับเ้าสารเลวตัวน้อยกลับมาด้วย
‘ถึง ลั่วเอ๋อร์
ทหารที่ซีเป่ยชอบข้าวสาร ผัก และอ้อยของเ้ายิ่งนัก ถุงเท้าของข้าขาดไปแล้วหนึ่งคู่ เหลือเพียงสามคู่ ทั้งสามคู่ล้วนเก่าแล้วทั้งสิ้น ทำเช่นใดดีเล่า?
ไม่ต้องกังวลเื่ของโค่วฉี พวกเขาฆ่าคนปิดปากเพราะเกรงว่าโค่วฉีจะพูดถึงเื่ของพี่ชาย สุนัขเมื่อตกอยู่ในวิกฤตมักจะฆ่ากันเอง สำหรับเื่ของต้าหลี่ซื่อชิง...ตลอดระยะเวลาหกปีมานี้เขาสืบหาความจริงเกี่ยวกับเื่ที่เกิดขึ้น หกปีก่อนเสด็จพ่อและเสด็จอาวางแผนส่งตัวเสด็จอาออกจากเมืองหลวง จากนั้นจึงติดต่อบิดาของเ้าหลี่โหว การวางแผนครั้งนั้นรอบคอบและเป็ความลับ ทว่าศัตรูกลับล่วงรู้ จึงทำให้ครอบครัวฝ่ายมารดาของถังฮองเฮาตายทั้งหมด สาเหตุที่ต้าหลี่ซื่อชิงถูกนักฆ่าลอบสังหารนั้นมีเพียงเหตุผลเดียว คือเขาพบเบาะแสเกี่ยวกับเื่ในครั้งนั้นแล้ว
เื่เหล่านี้เ้ารู้ไว้ในใจก็พอ ไม่ต้องสนใจ’
เมื่อหลี่ลั่วอ่านจดหมายจบก็รีบนำกระดาษไปเผา เขาใจนสะดุ้ง หกปีก่อน ครอบครัวของถังฮองเฮาถูกสังหารเพราะต้องคุ้มครองจ้าวหนิงฮ่องเต้ คนที่ไท่จื่อเยี่ยนและฉีอ๋องส่งออกไปมีคนทรยศหรือไร?
เช่นนั้นคนทรยศผู้นั้นเป็ใคร?
หัวใจเต้นระรัว หลี่ลั่วไม่เคยตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน
“เสี่ยวโหวเหฺย วันนี้ท่านได้นัดเถ้าแก่ร้านยาเฉิงซิ่นมาคุยธุระขอรับ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว” หลี่ฉางเฉิงเข้ามาเตือนในห้องหนังสือ ทว่ากลับเห็นหลี่ลั่วนั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ไม่ขยับเคลื่อนไหวใดๆ “โหวเหฺย เกิดเื่อันใดขึ้นขอรับ?”
“ไม่มีอันใด ไปเถิด” หลี่ลั่วะโลงจากเก้าอี้
ร้านยาเฉิงซิ่นเป็ร้านยาที่ธรรมดาสามัญอย่างยิ่งในเมืองหลวง หลี่ลั่วจึงเลือกร้านยาร้านนี้ด้วยเหตุผลนี้ เพราะยาที่พวกเขาขายล้วนเป็ยาส่วนใหญ่ที่เมืองหลวงใช้กัน ราคาย่อมเยาที่สุด ทว่ารับประกันเื่คุณภาพ หลี่ลั่วคิดว่าการกำหนดราคายายังยุติธรรมเช่นนี้ เถ้าแก่ร้านยาย่อมไม่เป็คนที่เห็นแก่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเขาจึงอยากจะคุยกับอีกฝ่ายเื่การร่วมงานกัน
ดังนั้น จึงนัดอีกฝ่ายเพื่อเจรจาในวันนี้
สถานที่นัดพบคือหอชมจันทร์
เถ้าแก่ร้านยาเฉิงซิ่นไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของหลี่ลั่ว ด้วยผู้ที่นัดเขาเป็จี้ซิ่น แน่นอนว่าเขาไม่รู้ฐานะของจี้ซิ่นเช่นกัน เมื่ออีกฝ่ายนัดเขานั้นเพียงเอ่ยว่ามาเจรจาการค้าเกี่ยวกับร้านยา ทำเลตำแหน่งที่ตั้งของร้านยาไม่ดี และด้วยขายยาในราคาไม่สูงนัก ดังนั้นกำไรจึงน้อย ทำให้กิจการค้าไม่ดี