หย่ากันเถอะ
ท่ามกลางเสียงครวญครางของหญิงสาว เสิ่นอันอันยังได้ยินเสียงหอบหายใจของเจียงอี้เฉินปนอยู่ด้วย
“นางกะหรี่ ฉี่ออกมาสิ!”
“อา... อา... อ๊า...”
เธอไม่แสดงสีหน้าใดๆ เปลี่ยนรองเท้าที่หน้าประตู แล้วเดินเข้าไปทีละก้าว
แต่ไม่ว่าเธอจะแสร้งสงบนิ่งเพียงใดก็ไม่อาจบรรเทาความเ็ปในใจได้ เธอกำมือแน่นจนเล็บแหลมคมจิกฝ่ามือของตัวเองอย่างแรง
เธอและเจียงอี้เฉินแต่งงานกันมาสองปีแล้ว
แต่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์สามีภรรยานั้นแสนจืดชืด เธอไม่เคยนอนร่วมห้องหรือกินข้าวร่วมโต๊ะกับเขาเลย
มีเื่ซุบซิบนอกบ้านว่า “เจียงอี้เฉินเปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า” เธอก็รับรู้มาตลอด แต่ก็เลือกที่จะเพิกเฉย
สมัยนี้ความรักที่เป็เหมือนอาหารจานด่วนมีอยู่ร่ำไป เธอเชื่อเสมอว่าความรักที่ดีจะเหมือนกับโจ๊ก ต้องให้ความร้อนและตุ๋นจนเดือดได้ที่
ทว่า เธอตุ๋นโจ๊กชามนี้มาสองปีแล้ว ไม่ใช่แค่ยังไม่สุก แต่มันยังเละอีกด้วย
เจียงอี้เฉินพาผู้หญิงคนอื่นเข้าบ้านอย่างไม่คิดปิดบัง
เสิ่นอันอันเดินไปที่ประตูห้องนอน เธอพบว่าประตูไม่ได้ล็อกและเปิดแง้มเอาไว้
เมื่อมองผ่านช่องว่างระหว่างประตู เธอเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง
ผู้หญิงคนนั้นใบหน้าแดงก่ำ ขาทั้งสองข้างกางออกกว้าง ตอนนี้สามีของเธอกำลังแทรกตัวอยู่ตรงกลาง ฝ่ามือทั้งสองข้างบีบขยำหน้าอกของหญิงสาวและกระแทกตัวเข้าหาอย่างรุนแรง
“ประธานเจียง อา... ฉัน...ฉันจะตายแล้ว”
“จะตายแล้วอะไรกัน? ซี้ด... กะหรี่น้อยแน่นมาก”
“อา... อ๊า... ไม่นะ ไม่...ไม่ไหวแล้ว”
เสียงครวญครางอย่างสุขสมและเสียง “พั่บ! พั่บ!” จากร่างกายที่กระแทกกันดังขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นอันอันลูบคิ้วอย่างเหนื่อยล้า แล้วหมุนตัวกลับไปนั่งที่โซฟา
เธอรินน้ำอุ่นหนึ่งแก้วมาถือไว้ในมือและดื่มอย่างช้าๆ
ผ่านไปครู่ใหญ่ การเคลื่อนไหวในห้องนอนก็สงบลง
เจียงอี้เฉินจัดการตัวเองเรียบร้อยและเดินออกมาจากห้องอย่างสดชื่น เมื่อเสิ่นอันอันเงยหน้าขึ้นมอง ก็กวาดสายตาไปเห็นรอยจูบที่ลำคอของเขาพอดี
เธออดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น
“เจียงอี้เฉิน” เสิ่นอันอันเปิดปากพูด เสียงแหบกระเส่าเล็กน้อย “ที่นี่คือเรือนหอของเรา”
เขาพาหญิงอื่นกลับมาบ้านอย่างเปิดเผย โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอสักนิดเลยเหรอ?
เจียงอี้เฉินเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำที่แช่อยู่มาดื่ม “ผมรู้ แล้วยังไงต่อ?”
เขาบอกว่าเขารู้
เขารู้ว่าที่นี่คือเรือนหอของพวกเรา แต่ก็ยังพาคนอื่นกลับมา หรืออาจจะพูดได้ว่าเขาไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย
เสิ่นอันอันปิดเปลือกตาลง
เธอเหนื่อยเหลือเกิน เมื่อก่อนเธอจงใจเพิกเฉยต่อคำนินทาลอยลมพวกนั้น หลอกตัวเองว่าหากไม่เห็นก็คือไม่มี แล้วตอนนี้ล่ะ?
ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดเจน เธอจะเพิกเฉยอย่างไรไหว?
ช่างเถอะ
ระยะเวลาสองปีที่ไม่อาจซื้อความจริงใจได้ ยิ่งยื้อต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลาชีวิตที่มีอยู่อย่างจำกัดของตัวเธอเอง
เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ฝังความเศร้าโศกเสียใจทั้งหมดลงไป แล้วแทนที่ด้วยั์ตาวาวใสแน่วแน่
เสิ่นอันอันเปิดซิปกระเป๋า แล้วหยิบแฟ้มเอกสารยื่นให้เจียงอี้เฉิน
เจียงอี้เฉินไม่ได้ยื่นมือไปรับ แต่ถามว่า “มันคืออะไร?”
“ข้อตกลงการหย่า” เธอตอบกลับเสียงเรียบ ดวงตาสงบนิ่ง “เจียงอี้เฉิน พวกเราหย่ากันเถอะ”
เธอร่างข้อตกลงนี้ขึ้นมาั้แ่ปีที่แล้ว
แค่ตอนนั้นเธอยังไม่คิดถอดใจและลองรออีกสักหน่อย คิดว่าถ้าอดทนแล้วเขาหันกลับมามองล่ะ?
แต่ก็นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอได้รับจะเป็ฉากที่ยอดเยี่ยมอย่างวันนี้
“เสิ่นอันอัน!” เส้นเืบนหน้าผากของเจียงอี้เฉินปูดนูน “เธอแม่งหมายความว่ายังไงวะ?”
..........................................................................................................................................
เปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า
“หย่า ความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว คุณชายเจียงคงจะเข้าใจนะคะ”
เจียงอี้เฉินหงุดหงิดกับท่าทีไม่แยแสของเสิ่นอันอัน เขาปัดซองเอกสารทิ้งแล้วดึงเธอขึ้นจากโซฟา
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ เสิ่นอันอันก็ได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงจากตัวเขา จนท้องไส้ปั่นป่วนแทบจะอาเจียนออกมา
“หย่าร้าง?” เจียงอี้เฉินพูดสองคำนี้อย่างเย้ยหยัน จากนั้นก็กัดฟันและตอบเธอว่า “ฝันไปเถอะ!”
“เจียง… อ๊ะ!”
เสิ่นอันอันพูดออกมาได้แค่คำเดียวก็ถูกเขาผลักลงบนโซฟาอีกครั้ง
เจียงอี้เฉินโถมร่างกายสูงโปร่งลงมา แล้วใช้แขนโอบรอบเอวคอดเอาไว้
ั์ตาของเธอแสดงความตื่นตระหนกออกมาชัดเจน “เจียงอี้เฉิน คุณจะทำอะไร?”
“เอาเธอไง!”
น้ำเสียงของชายหนุ่มรวบรัดและเ็า พูดจบก็ฉีกกระโปรงยาวของเธอให้ขาดออกจากกัน
เมื่อผิวขาวใสของเสิ่นอันอันัักับอากาศ เธอก็สั่นเล็กน้อย
เขาโอบเอวเธอด้วยท่อนแขนแกร่ง “ไม่ใช่ว่าเธอชอบผมหรือไง? ทำไม? สองปีมานี้ผมไม่ได้เอาเธอก็เลยโกรธ เลยจะหย่างั้นเหรอ? ไม่เป็ไร ผมจะเอาเธอเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
ความรู้สึกอัปยศทำให้ร่างกายของเธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “อย่าแตะต้องฉัน ออกไป! ออกไป!”
เจียงอี้เฉินจับยกทรงของเธอและพยายามยกให้สูงขึ้น
เสิ่นอันอันสลัดเจียงอี้เฉินไม่พ้น เธอกระวนกระวายเสียจนหัวใจแทบจะหลุดออกมา ริมฝีปากบางเริ่มขยับพูด น้ำเสียงฟังดูอ่อนแรง “เจียงอี้เฉิน อย่าทำให้ฉันต้องเกลียดคุณเลย”
“เกลียด?” เขายิ้มอย่างเ็า “ทำไมถึงเกลียดล่ะ? เราเป็สามีภรรยากันไม่ใช่เหรอ? นี่เป็หน้าที่ของภรรยาอยู่แล้ว!”
เขาอุ้มเธอไปที่ห้องนอน เมื่อหญิงสาวสุดร้อนแรงที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเห็นฉากนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะใ “ประ...ประธานเจียง”
“ไสหัวไป!”
เธอใและรีบวิ่งออกไปทันที
เจียงอี้เฉินโยนเสิ่นอันอันลงบนเตียง ฝังใบหน้าของตัวเองไว้ที่ลำคอของเธอและปล้ำจูบระบายความโกรธ
เสิ่นอันอันขยะแขยงจนแทบอาเจียน เธอยื่นมือคลำหัวเตียงเรื่อยๆ จนพบนาฬิกาปลุก
ขณะที่ฝ่ายชายกำลังล้วงมือเข้ามาในยกทรงของเธอ เธอก็ยกนาฬิกาปลุกฟาดศีรษะของเขาอย่างแรง
เจียงอี้เฉินถูกนาฬิกาฟาดใส่จึงหยุดการกระทำไปครู่หนึ่ง
เธอใช้โอกาสนี้ผลักเขาออกและหนีลงจากเตียง
“เสิ่นอันอัน” เจียงอี้เฉินใช้ปลายลิ้นเลียเบ้าฟัน เขาขบฟันด้วยความโกรธ ยื่นมือออกมาและพยักหน้า “เธอ ดีมาก”
เสิ่นอันอันไม่สนใจเขาและหาชุดมาเปลี่ยน
“พรุ่งนี้วันจันทร์ สำนักกิจการพลเรือนเปิดทำการ ถ้าคุณชายเจียงว่างเราไปเจอกันหน้าประตูตอนเก้าโมง” ครั้งนี้เธอตัดสินใจแล้ว เธอจึงต้องจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เื่ยืดเยื้อ
เจียงอี้เฉินใบหน้าถมึงทึง เขากระแทกประตูและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ทันทีที่เขาจากไป เสิ่นอันอันก็คล้ายกับคนโดนดูดพละกำลัง เธอพยุงร่างไปตามกำแพงและทรุดลงอย่างหมดแรง
...
่เวลาตีหนึ่ง แสงนีออนทำให้เมืองดูศิวิไลซ์มากขึ้น
เสิ่นอันอันขับรถไปรอบๆ เมืองอวิ๋นเฉิงอยู่สองรอบ ในที่สุดก็หยุดอยู่ตรงทางเข้าบาร์แห่งหนึ่ง
ชั้นแรกเป็ล็อบบีและเป็บริเวณที่เสียงดังที่สุด เธอเดินเข้ามาโดยไม่ได้จองโต๊ะ แล้วเลือกที่นั่งตรงหัวมุมอย่างสุ่มๆ
คนบนเวทีกำลังถือไมโครโฟนร้องเพลงอย่างเข้าถึงอารมณ์
หวังว่าหลังจากตื่นขึ้นมา จะกลายเป็คนใหม่
ชั่วชีวิตต่อไปนี้ไม่ขอทุ่มเทให้กับความรักอีก
หวังเหลือเกินว่าจะลืมคุณที่เป็คนโปรดของฉันได้
อยากเปิดประตูต้อนรับคนอื่นได้เช่นเดียวกับที่คุณทำ
บริเวณหน้าบาร์ ฮั่วเฉิงโจวยืนพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์ เขากำลังรอบาร์เทนเดอร์ชงเครื่องดื่มให้...