บทที่ 37 สุสานปราณั
ค่ำคืนมืดมิดดั่งสายน้ำ เมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆ ของฉู่อวิ๋น มู่หรงซินก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ยามนี้นางจำผลข้างเคียงของถุงน้ำดีงูหลามครามได้แล้ว นางใ ะโลุกขึ้นยืนอย่างกังวลคล้ายจะสิ้นสติ
“นี่! มีสติหน่อย อย่า...อย่าเข้ามา!” น้ำเสียงของมู่หรงซินสั่นเทา
“ข้า...ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นกลายเป็สีแดง และยังคงเข้าใกล้มู่หรงซินมากขึ้น
มู่หรงซินพยายามใช้มือซ้ายต้านฉู่อวิ๋นที่สิ้นสติไว้ แต่ก่อนที่จะผลักออกไป ปลายแขนเรียวหยกก็ถูกฉู่อวิ๋นล็อกเอาไว้
“เสร็จกัน! โอ๊ย...เจ็บ!”
มู่หรงซินตกตะลึง หากนางรู้เช่นนี้ นางควรจะหันหลังกลับและวิ่งหนีไป แต่ตอนนี้นางถูกฉู่อวิ๋นควบคุมไว้แล้ว
"ร้อน…"
ฉู่อวิ๋นคว้ามือหยกของมู่หรงซินด้วยมือขวา กระชากให้นางเข้ามาในอ้อมแขนของเขา และกอดเอาไว้แน่น
“อ๊ะ! เ้าจะทำอะไร! นี่!” หมัดสีชมพู[1]ของมู่หรงซินฟาดเข้าที่หน้าอกของฉู่อวิ๋นอย่างต่อเนื่อง พยายามจะสลัดออก ทว่าหลังจากที่ฉู่อวิ๋นกลืนน้ำดีงูหลามครามลงไป ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาก็เกินสี่พันจิน ไปถึงระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว
แม้ว่ามู่หรงซินจะพยายามทำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็หนีไม้พ้น เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่อวิ๋นที่ไร้ซึ่งสติ นางไม่สามารถฆ่าเขาได้จึงทำได้เพียงใช้กำลังสุดท้ายผลักเขาออก
แต่แรงยื้อยุดครั้งนี้ทำให้ทั้งคู่เสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้น
ยามนี้ ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ฉู่อวิ๋นจับมือของนางแนบลงกับพื้น ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากมู่หรงซินเพียงนิดเดียว
“เ้างามมาก…” เขาจ้องมองใบหน้าอันละเอียดอ่อนของมู่หรงซินอย่างเหม่อลอยและไม่พูดอะไรออกมาอีก
“แน่นอน คุณหนูเช่นข้า...ย่อมงามอยู่แล้ว! เ้าโง่!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาที่สวยงามของมู่หรงซินก็เปล่งประกายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยายามดิ้นรนอยู่สักพัก แต่ก็ยังไร้ประโยชน์ ในท้ายที่สุด นางทำได้เพียงสบตาคู่งามของนางกับดวงตาของฉู่อวิ๋นต่อไป
“คืนนี้ ข้าต้องถูกฉู่อวิ๋นรังแกหรือนี่? ไม่!” ได้ยินเสียงความคิดที่พุ่งขึ้นมาจากในใจ มู่หรงซินก็หลั่งน้ำตา
วันนี้ นางต้องยอมจำนนต่อกรดของงูหลามคราม จากนั้นก็ถูกฉู่เฟยดูถูกด้วยวาจา และตอนนี้ นางก็กำลังถูกฉู่อวิ๋นที่อยู่ตรงหน้าควบคุมเอาไว้อย่างป่าเถื่อน ยังไม่รู้ผลจะเป็อย่างไร
ในฐานะลูกสาวของเ้าเมืองไป๋หยาง นางไม่เคยต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้มาก่อน
แม้ว่ามู่หรงซินจะได้รับการช่วยเหลือจากฉู่อวิ๋นถึงสองครั้งและรู้สึกประทับใจในตัวเขา แต่นางก็ไม่อยากให้เขาทำลายความบริสุทธิ์ของนางในที่ทุรกันดารเช่นนี้
อย่างน้อย ก็ไม่ใช่ตอนที่ฉู่อวิ๋นไม่ได้สติ
"ได้โปรด! ตื่นเร็วเข้า...ฮือ..." ท่าทีที่ดื้อรั้นของมู่หรงซินค่อยๆ อ่อนลงในที่สุด น้ำตาสองสามหยดไหลอาบแก้มของนาง
เมื่อฉู่อวิ๋นได้ยินเสียงร้องไห้ เขาก็ได้สติขึ้นมา ดวงตากลับมาชัดเจนอีกครั้ง
“ข้าขอโทษ! ข้า...เอ่อ...” ฉู่อวิ๋นแค่อยากจะขอโทษ แต่เงางูปรากฏขึ้นมาในใจเขาอีกครั้ง จิตใจของเขาถูกควบคุม หลังจากต่อต้านหลายครั้ง เหงื่อกาฬก็ไหลริน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
“เ้างูเหม็นนี่...ข้าไม่เชื่อเลยว่าจะควบคุมเ้าไม่ได้! เชอะ!”
จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็ตบพื้น ยันร่างกายให้ลุกขึ้น และรีบถอยห่างจากมู่หรงซินไปสิบก้าว
"จิ๊!"
"สารเลว!"
ฉู่อวิ๋นะโด้วยเสียงทุ้ม ใช้ร่องรอยสุดท้ายของจิตสำนึกที่ชัดเจนของเขา ควบคุมการไหลเวียนอย่างรวดเร็วของพลังปราณฮุ่นหยวนในร่าง ทันใดนั้น เส้นลมปราณหกสิบสี่เส้นก็ส่องแสงเจิดจ้า พลังปราณไหลผ่านราวกับสายรุ้ง
โชคดีที่มีความสงบของพลังปราณฮุ่นหยวน ฤทธิ์จากถุงน้ำดีงูหลามครามเ่าั้จึงค่อยๆ ถูกระงับไป
แต่ฉู่อวิ๋นยังคงกังวล เขาหันหลังกลับ ก้าวไปสองสามก้าว ะโลงไปในทะเลสาบขนาดใหญ่ที่กระเพื่อมอย่างรุนแรงพร้อมกับว่ายไปรอบๆ เพื่อทำให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นลง ช่วยให้พลังปราณฮุ่นหยวนสามารถไหลเวียนอยู่รอบๆ ตัวได้ดีขึ้นและปรับแต่งถุงน้ำดีที่เหลืออยู่ของงูหลามคราม
บนริมฝั่ง มู่หรงซินจัดแต่งเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของนางให้เข้าที่ ใบหน้าของนางยังคงแดงอยู่ ทั้งโกรธทั้งรำคาญ นางลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วะโไปทางทะเลสาบ "ฮือ...ถ้าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับข้า ข้าไม่ไว้ชีวิตเ้าแน่!”
ฉู่อวิ๋นกำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเลสาบ เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรงซิน เขาก็ตัวสั่นและเกือบจะสำลักน้ำ
ถ้าเมื่อครู่เขาไม่รู้สึกตัวและทำอะไรสกปรกกับมู่หรงซินลงไปจริงๆ ก่อนที่เขาจะเข้าสู่รอบที่สองของการประลอง เขาคงถูกเ้าเมืองมู่หรงไล่ล่าจนตายก่อน ไม่ต้องพูดถึงสามอันดับแรกด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่อวิ๋นก็ขัดเกลาถุงน้ำดีงูหลามครามในร่างกายได้เสร็จสมบูรณ์ ก่อนจะก้าวขึ้นฝั่งอีกครั้งด้วยสีหน้าเขินอาย
"ฟิ้ว!"
ทันใดนั้น ลูกศรพลังปราณก็ยิงออกมาจากความว่างเปล่า ฉู่อวิ๋นใมากจึงรีบหลบและะโว่า "คุณหนูมู่หรง อย่าทำอย่างนี้เลย! เ้าไม่ได้เสียอันใดไปเสียหน่อย... คราวนี้ นับว่าข้าหุนหันพลันแล่นเอง!"
"เชอะ!" มู่หรงซินเดินเข้ามา นางดูน่าสงสารเล็กน้อย และพูดดุด้วยใบหน้าแดงก่ำ "ไร้ยางอาย!"
เมื่อมองดูมู่หรงซินที่โกรธเกรี้ยว ฉู่อวิ๋นก็เกาหัวแล้วพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ "เป็... เป็ข้าที่ทำอะไรไม่ยั้งคิด ข้าไม่ควรกินน้ำดีงูลงไปแบบนั้น ข้าขอโทษ"
“ไร้ยางอาย!” มู่หรงซินด่า
“ข้า...เ้าจะให้ชดเชยอย่างไร?” ฉู่อวิ๋นพูด
"ไร้ยางอาย!"
"นี่…"
"ไร้ยางอาย!"
มู่หรงซินะโสาปแช่งฉู่อวิ๋นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็หยุด หันหลังกลับและนั่งลงข้างกองไฟอย่างห่อเหี่ยว
“ผู้หญิงเข้าใจยากนัก…ยังไงพี่สาวก็ดีกว่า” ฉู่อวิ๋นสูดหายใจเข้ายาว ส่ายหัวและไม่พูดอะไร
แสงจันทร์เริ่มเย็นลง กลางคืนเริ่มมืดมิด ชายหญิงนั่งล้อมกองไฟเล็กๆ ริมทะเลสาบ ต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
บนูเา ในป่าใหญ่ ทุกอย่างเงียบสงบและมืดมน เสียงของสัตว์ปีศาจก็มาๆ หายๆ เป็ครั้งคราว
ฉู่อวิ๋นเกือบจะพยายามคุยกับมู่หรงซิน แต่นางก็หน้าแดงและหันหนี นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาแต่ไม่จากไป สิ่งนี้ทำให้ฉู่อวิ๋นทำอะไรไม่ถูก จึงดูดซับพลังิญญาและฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ
เทือกเขาไป่หลิงในเวลากลางคืนเป็ที่ที่อันตรายมาก มีสัตว์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผ่านไปผ่านมา ทั้งยังมีทัศนวิสัยที่ไม่ดี ดังนั้น ผู้เข้าร่วมการประลองส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะพักผ่อนและรอจนถึงวันรุ่งขึ้นค่อยกลับมาล่าสัตว์ปีศาจเพื่อรับแต้ม
ถัดจากทะเลสาบ มีดวงไฟสาดประกายเล็กๆ และเสียงครึกโครมดังออกมา
ฉู่อวิ๋นตื่นขึ้นมาจากสถานะฝึกฝนทันที รู้สึกไม่สบายใจอย่างหนัก
“ไม่ถูก! แปลกมาก ทำไมที่นี่ถึงเงียบขนาดนี้? แม้แต่เสียงสะเก็ดไฟก็ยังได้ยินเสียงชัดเจน? มีบางอย่างแปลกๆ!”
จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็ลุกขึ้นและมองไปรอบๆ ทำให้มู่หรงซินซึ่งอยู่ไม่ไกลใเช่นกัน
“จู่ๆ เ้าลุกขึ้นมาทำไม?! อยากให้ข้ากลัวหรืออย่างไร?”
“บริเวณนี้ตอนกลางคืนควรมีสัตว์ปีศาจเยอะสิ แต่ฟังนะ มันเงียบมาก...เงียบจนน่ากลัว!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นมุ่งมั่น ความรู้สึกไม่สบายใจของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อไม่ให้พ่ายแพ้ มู่หรงซินก็ยืนขึ้นและพูดล้อเลียน "หึ! เ้ากลัวความมืดหรือ? มีคุณหนูเช่นข้าอยู่ด้วยยังจะมีอะไรต้องกลัวอีก? ข้าไม่คิดว่าเ้าจะมีแต่ความใคร่ แต่ไม่มีความกล้า!"
“วิ้ว——”
ทันใดนั้น ลมเย็นพัดโชยผ่านมา ความหนาวเย็นพัดผ่านิัของพวกเขา และบรรยากาศก็มืดลง
"อ๊ะ!"
มู่หรงซินสะดุ้ง ในที่สุดตัวตนเด็กสาวของนางก็ถูกเปิดเผย ในใจนางรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ข้า...ข้าว่าเรานั่งลงเถอะ มันหนาวนิดหน่อย..."
ฉู่อวิ๋นสูดกลิ่นลมอย่างระมัดระวัง แต่ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดแน่น
ในลม มีกลิ่นแปลกๆ จางๆ ปนมาด้วย
“มีบางอย่างแปลกๆ ! ดูเหมือนว่าสัตว์ปีศาจทั้งหมดจะหายไป! ไม่ได้ ข้าต้องไปตรวจสอบหน่อย เ้ารออยู่ที่นี่ก็ได้” ฉู่อวิ๋นหยิบกระบี่เศวตรรุ้งขึ้นมาและกำลังจะหันหลังกลับเข้าไปในป่า
"นี่! อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว! ข้า...ข้าก็อยากเห็นว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง" เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นจะจากไป มู่หรงซินก็รีบตามเขาไปทันที นางไม่กล้าอยู่ที่นี่คนเดียวหรอก
สุดท้าย ทั้งสองก็เดินผ่านป่าบนูเาอันมืดมิด ระหว่างทางก็พบว่าร่องรอยของสัตว์ปีศาจหายไปเกือบหมด ทั้งป่าเงียบสงัดไร้ซุ่มเสียงใดๆ
พวกเขาทั้งสองเคลื่อนตัวไปข้างหน้าต้านแรงลม ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเริ่มเคร่งขรึมมากขึ้น คิ้วของเขาขมวดแน่น
เพราะหากเดินต่อไปทางทิศนี้ ก็จะไปถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลฉู่แห่งไป๋หยาง สุสานปราณั เป็สถานที่ที่มีพลังิญญาที่แข็งแกร่งที่สุดในเทือกเขาไป่หลิง
“หรือเกิดอะไรขึ้นกับสุสานกัน?” ฉู่อวิ๋นกัดฟันและเร่งความเร็ว
เมื่อเขากำลังจะเข้าใกล้สุสานปราณั ฉู่อวิ๋นก็ชะลอความเร็วลงและปล่อยให้มู่หรงซินเดินตามหลังมาอย่างระมัดระวัง
เขามองไปรอบๆ มองเห็นกำแพงูเาขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า โดยมีประตูที่เรียบง่ายฝังปักอยู่ที่ด้านล่าง ซึ่งดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มีการปกป้องไว้ทุกทิศทาง
แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับเงียบสงบจนน่าขนลุก
“สุสานปราณัเป็พื้นที่ต้องห้ามสำหรับตระกูล มีผู้าุโที่มีอำนาจและมีสัตว์ปีศาจที่ตระกูลเลี้ยงเอาไว้ปกป้อง แต่ทำไมตอนนี้มันถึงไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้?” ฝ่ามือของฉู่อวิ๋นชื้นเหงื่อ ใบหน้าของเขาเคียดขึ้ง
สายตาของมู่หรงซินดีกว่าฉู่อวิ๋น นางสังเกตจากระยะไกลผ่านป่าูเาที่มีรอยกระดำกระด่าง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ "นั่น...ประตูสุสานเหมือนจะเปิดออกแล้ว!"
"อะไรนะ!?"
หัวใจของฉู่อวิ๋นเต้นแรง มีเพียงผู้นำตระกูลอย่างฉู่เจิ้นหนานเท่านั้น ที่สามารถเปิดประตูสุสานปราณัได้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองไป๋หยาง แล้วผู้ใดจะมาเปิดประตูนี้ได้?
สัตว์ปีศาจเฝ้าสุสานที่หายไป
ผู้าุโผู้พิทักษ์สุสานที่หายไป
ประตูสุสานที่ถูกเปิดออก
แท้จริงแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
--------------------
[1] อธิบายถึงผู้หญิงที่อ่อนแอและน่ารัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้