“ไม่ พวกเราไม่จำเป็ต้องทำอันใดทั้งนั้น” จวินเหยียนตอบทันที “ปล่อยให้ทุกอย่างเป็ไปตามธรรมชาติเถอะจี้หยวนผู้นี้สามารถขึ้นไปสู่ตำแหน่งเสนาบดีพระคลังได้ภายในเวลาแค่สามปีเห็นได้ชัดว่า เล่ห์เหลี่ยมคงมีไม่ธรรมดา หากพวกเราทำอันใดมากเกินไปก็อาจได้รับผลลัพธ์ที่ไม่เป็ไปดังใจ”
อวิ๋นซีพยักหน้า ก่อนจะพูดสนับสนุนจวินเหยียน “ถูกต้องสถานการณ์ของหานโจวในตอนนี้ หากว่ายังไม่ได้เป็ไปตามพระประสงค์ของฝ่าา เช่นนั้นท่านอ๋องของเราก็คงยังไม่สามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้แต่ก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียการได้อยู่ในดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือแห่งนี้ก็ดียิ่ง พวกเราไม่จำเป็ต้องไปใส่ใจอันใดมาก”
บุญคุณความแค้นของสองสามีภรรยา คนสนิทของพวกเขาล้วนรู้ดี ทว่า คนที่เหลือไม่จำเป็ต้องรู้ดังนั้น ในสายตาของคนตระกูลหลัว จวินเหยียนจึงเป็ท่านอ๋องผู้แสนดีที่พยายามทำทุกสิ่งเพื่อประชาชนหานโจว
ภาพลักษณ์ที่สูงส่งเช่นนี้ แน่นอนว่าอวิ๋นซีย่อมไม่มีทางทำลาย
อย่างไรก็ตาม การจะเดินทางจากเมืองหลวงมายังเมืองห่างไกลอย่างดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ก็ต้องใช้เวลานานเดิมทีสองสามีภรรยาจึงคิดว่า การจะได้เจอคนคงต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าจะมาถึง แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเร็วๆ นี้ก็จะได้เจอกันแล้ว
วันที่ยี่สิบห้าเดือนห้า รัชศกเสี้ยวเหวินปีที่ยี่สิบหก ปลายยามโฉ่ว [1]บริเวณชายแดนระหว่างหานโจวและชิงโจวเกิดเหตุัดินพลิกกาย [2] ทำให้ภายในคืนเดียวมีคนาเ็ล้มตายนับไม่ถ้วน และทันทีที่จวินเหยียนและอวิ๋นซีได้ทราบข่าวก็เร่งรีบออกเดินทางไปยังบริเวณที่ประสบภัยแผ่นดินไหวโดยทันทีส่วนสาวใช้ใหญ่ทั้งสี่ข้างกายนางถูกสั่งให้รั้งอยู่เพียงสองคน เพื่อวางแผนจัดการเื่รวบรวมข้าวของที่จำเป็สำหรับการช่วยเหลือขณะที่สาวใช้อีกสองพร้อมด้วยเตี๋ยชุ่ยจากโรงหมออวิ๋นซานถูกอวิ๋นซีพาตัวไปยังเขตประสบภัย
เมื่อคนในขบวนตระเตรียมทุกสิ่งพร้อมสรรพก็เร่งรุดออกเดินทางอย่างไม่หยุดในที่สุดก็มาถึงยังอำเภอเหอซีที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวในวันที่ยี่สิบหกตอนต้นยามโหย่วในชาติก่อนๆ อวิ๋นซีเองก็เคยมีประสบการณ์การทำงานในเขตประสบภัย ทว่าระยะเวลาจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ก็ทิ้ง่มานานเกินไปพอได้มาเห็นฉากเช่นนี้ในอีกโลกหนึ่งเข้าก็ทำให้นางอดไม่ได้ให้ขอบตาแดงก่ำ
ที่นี่ เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น การจะช่วยเหลือคนก็อาศัยแค่สองมือ ดังนั้นกว่าพวกเขาจะไปถึง ศพกว่าร้อยศพก็ถูกเทินขึ้นกองสูง ศพเ่าั้ล้วนเป็พลทหารในพื้นที่และชาวบ้านที่เร่งรุดช่วยกันขุดขึ้นมาซึ่งยังมีกระทั่งคนที่ได้รับาเ็ แต่ก็ล้วนถูกส่งตัวไปยังบริเวณอื่นแล้ว
อวิ๋นซีไม่แม้แต่จะคิดก็พาเตี๋ยชุ่ยและหมอที่พามาด้วยจากหานโจวไปช่วยกันรักษาบรรดาคนเจ็บส่วนจวินเหยียนนำองครักษ์จำนวนหนึ่งไปช่วยตรวจดูว่ายังจะสามารถช่วยคนให้ได้มากขึ้นอีกสักหน่อยหรือไม่ทั้งยังมีคำสั่งให้บรรดาขุนนางทหารในบริเวณใกล้เคียงรีบรุดมาช่วยเหลือพร้อมด้วยเสบียงอาหารที่ต้องมีมาให้ครบครันมิเช่นนั้นจะถือเป็โทษต้องสังหารอย่างไม่มีผ่อนปรน
เมื่อเขาสั่งการลงไปเช่นนี้ คนมากมายจึงได้รู้ว่า หานอ๋องพาคนมาช่วยเหลือพวกเขาแล้วประชาชนทั้งหลายล้วนซาบซึ้งใจ และจดจำเขาในทางที่ดีขึ้น ถึงกระนั้นเื่ทั้งหมดนี้จวินเหยียนก็หาได้เก็บมาใส่ใจด้วยหวังจากใจจริงที่อยากเห็นประชาชนของหนานเย่าอยู่ดีมีสุข
อาซีเคยบอกว่า หากมีน้ำก็สามารถพยุงเรือให้ลอยได้ แต่ก็สามารถคว่ำเรือให้จมได้เช่นกัน
เช้าวันที่สองที่จวินเหยียนและอวิ๋นซีพักอาศัยอยู่ในอำเภอนั้นก็มีคนไม่น้อยเร่งรุดมาจากนอกพื้นที่หรือแม้แต่ตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งดินแดนตะวันตกเฉียงเหนืออย่างตระกูลเจียงก็ยังให้ผู้ดูแลกิจการที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงส่งยาและเสบียงรวมถึงเสื้อผ้ามาให้ไม่น้อย
ในวันนี้หลังจากที่อวิ๋นซีช่วยคนผู้หนึ่งที่เพิ่งถูกขุดขึ้นมาในสภาพที่แทบจะหมดลมหายใจเรียบร้อยแล้วและกำลังเตรียมจะไปช่วยเหลือคนอื่น สายตานางก็บังเอิญสบประสานเข้ากับสายตาเ็าคู่หนึ่งโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“เป็ท่านจริงๆ ด้วย” ใบหน้าหล่อเหลาของชายผู้เป็เ้าของสายตาคู่นั้นเผยสีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อคนที่เดิมทีคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว แต่ใครเล่าจะรู้ ยามนี้จะได้กลับมาเจอกันที่นี่
อวิ๋นซีมองเขาไปทีหนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดหน้าผากตนจนสะอาดแล้วจึงส่งยิ้มบางๆให้ “เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้? ” การได้เจอจี้หยวนที่นี่ถือว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของนางจริงๆ
“บ้านเกิดของข้าอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก เมื่อได้รู้เื่ที่เกิดขึ้นที่นี่จึงรีบมาดูเผื่อว่าตนจะพอช่วยอันใดได้บ้าง” เมื่อพูดจบ เขาก็หันมองไปด้านหลังตนที่มีคนกำลังตามมาพร้อมด้วยข้าวของอีกมากมายที่บรรทุกมาบนรถม้า
อวิ๋นซีพยักหน้า “คุณชายมีใจเมตตา ข้าขอขอบคุณแทนประชาชนชาวเหอซี”เมื่อพูดจบ นางก็หันไปเห็นคนกำลังแบกคนเจ็บเข้ามาจากที่ไม่ไกลนัก จึงรีบพูดต่อ“ข้าคงต้องไปช่วยคนเจ็บก่อน หวังว่าวันหน้าเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีก”
เมื่อพูดจบ นางก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ได้พบกันอีก? ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้พบกันอีกแน่ แต่หวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นคนจะยังพูดง่ายเหมือนตอนนี้
แค่มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่า จี้หยวนผู้นี้เปลี่ยนไปมากแล้ว คนไม่เหมือนบัณฑิตป่วยไข้ที่เคยเจอเมื่อสามปีก่อนแม้แต่น้อย
จี้หยวนมองแผ่นหลังของนางจากไปด้วยสายตามีเลศนัย
เดิมคิดว่า ตนจะอยู่ที่นี่สักสองสามวัน จากนั้นค่อยไปตรวจดูรอบๆ หานโจว เนื่องด้วยครั้งนี้ที่เดินทางมาถึงที่นี่เป็เพราะมีภารกิจอื่นให้ต้องทำ
วันนี้อวิ๋นซียุ่งจนถึงบ่าย ทว่า ในตอนที่กำลังจะเตรียมไปกินข้าวกลับสังเกตเห็นคนสองสามคนในชุดทหารกำลังยืนพูดคุยกัน“ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว ขุดมานานขนาดนี้ ขุดเท่าไรก็ไม่เจอคนเป็ๆ เลยสักคน จะเจอก็คนตายไม่รู้ศพที่เท่าไรแล้วมารดาเถอะ ช่างอัปมงคลจริงๆ ”
“อันที่จริงพวกเขาก็น่าสงสารยิ่ง พี่ชาย อย่างไรเสียพวกเราก็รีบไปช่วยกันขุดต่อเถอะหากโชคดี ไม่แน่ว่าเราอาจยังได้ช่วยอีกหลายชีวิต”
“นั่นสิ นั่นสิ”
“ไม่ไป ไม่ไป ท่านอาของข้าเป็ถึงรองแม่ทัพขั้นสามชั้นสูง ด้วยเื่นี้ ข้าจะไปอาศัยบารมีของท่านอาข้าส่วนใครที่ชมชอบความลำบากลำบนนี้ก็มารับไปเถอะ” เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็ทิ้งอุปกรณ์ในมือลงบนพื้น และเตรียมตัวจะจากไป
ทว่า เป็อวิ๋นซีที่ได้รับชมฉากนั้นั้แ่ต้น เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของอีกฝ่ายสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “เก็บของขึ้นมา แล้วกลับไปช่วยคน”
ทหารที่กำลังเตรียมจะจากไปคนนั้นเมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าก็รีบหันกายกลับไปดูและได้เห็นสตรีงดงามผู้หนึ่ง เขายิ้มตอบในทันที “สตรีนางนี้ช่างน่าสนใจยิ่ง หากข้าอยากจะทำสิ่งใดก็ย่อมจะทำสิ่งนั้นแต่เหตุใดตัวเ้าถึงได้ชอบยุ่งเื่ของชาวบ้านถึงเพียงนี้”
“ข้าจะพูดอีกครั้ง เก็บของขึ้นมา ไปช่วยคน”
ชายคนนั้นได้ฟังก็หัวเราะเ็า “เหตุใดตัวข้าจักต้องััความอัปมงคลเช่นนั้นด้วย”
อวิ๋นซีก้าวเข้าไปหาชายคนนั้นทีละก้าว ในสายตานางทอประกายจิตสังหารพลุ่งพล่าน“ในฐานะที่เป็ทหารของหนานเย่า รับเบี้ยหวัดจากทางราชสำนัก ทว่า ในยามที่ประชาชน้ามากที่สุดมารดาเถอะ เ้ากลับกล้ามาบอกข้าว่าอัปมงคลหรือ? ”
คนเยี่ยงอวิ๋นซีน้อยครั้งนักที่จะเปิดปากด่าอย่างไม่รักษาภาพพจน์ ทว่าวันนี้บุรุษตรงหน้าทำนางโกรธเข้าแล้วจริงๆ
“การที่ข้าจะทำอันใด ต้องให้เ้าที่เป็สตรีผู้หนึ่งเข้ามายุ่มย่ามด้วยหรือ?เป็เพราะพวกเขาอัปโชคกันเอง เื่เช่นนี้จะไปโทษใครได้? ส่วนสตรีเยี่ยงเ้า หากว่าว่างมากเพียงนั้น ไม่สู้ตามข้ากลับไปจวน เพื่อไปอุ่นเตียงให้ข้าเสียเล่า”ทันทีที่พูดจบ เขาก็ส่งสายตามักมากลุ่มหลงไปยังอวิ๋นซี มองนางั้แ่หัวจรดปลายเท้า
เมื่อพิศดูแล้ว แม่นางน้อยผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบแปดสิบเก้า รูปร่างดีใบหน้าก็งาม สตรีเช่นนี้ หากได้ลิ้มลองสักครั้ง รสชาติจักต้องอร่อยล้ำเป็อย่างยิ่ง
“ช่างรนหาที่นัก! ” อวิ๋นซีโกรธจัด ร่างกายบางขยับน้อยๆ เพียงชั่วลัดนิ้วก็ไปถึงข้างกายทหารคนนั้นแล้วยิ่งกว่านั้น ไม่รู้ว่ามีดสั้นมาอยู่ในมือนางั้แ่เมื่อใด ฉับพลันนั้นคมมีดก็พาดไปบนลำคอของทหารนายนั้นเรียบร้อยแล้ว
นางมองเ้าทหารโอหัง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “บ้านของพวกเขาล้วนพังทลายชีวิตของพวกเขาไม่หลงเหลือสิ่งใด เ้า ในฐานะที่เป็ทหาร ไม่เพียงแต่ไร้น้ำใจไม่มีจิตคิดช่วยเหลือ หรือมอบโอกาสที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดีแก่พวกเขา แต่ยังกล้าพูดจาเช่นนี้ออกมาคนเช่นนี้ จะเหลือไว้ทำอันใด”
เมื่อพูดจบ นางก็ลงมือตัดเส้นเืใหญ่ของทหารคนนั้นทันที ทำให้เืสดๆ ทะลักล้นออกมา
ชีวิตหนึ่งชีวิตที่ถูกนางพรากไปเมื่อครู่ทำให้เหล่าทหารที่เห็นพี่น้องตนถูกสังหารต่อหน้าต่อตาคิดจะพุ่งกายเข้าฆ่าอวิ๋นซี ทว่าในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้เห็นป้ายคำสั่งในมือนาง ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนอึ้งงันจนตาค้างกันไปทั้งหมด
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ยามโฉ่ว (丑时) คือเวลา 01.00 น. – 03.00 น.
[2]เหตุัดินพลิกกาย หมายถึง เหตุแผ่นดินไหว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้