หนึ่งฝ่ามือใหญ่โอบรอบเอวของนางแล้วออกแรงดึง เคอโยวหรานพลันโผเข้าหาอ้อมกอดแข็งแรงกำยำทันใด
“หึ ข้าน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” เสียงทุ้มของบุรุษดังขึ้นเหนือศีรษะเคอโยวหราน
นางกำหมัดเล็ก ออกแรงชกลงบนแผงอกของบุรุษพลางเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง
“ท่านไม่รู้หรืออย่างไรว่าการทำให้ผู้อื่นใสามารถถึงตายได้ อีกเื่นะเ้าคะ เป็บุรุษแต่กลับแอบฟังอยู่ด้านหลังผู้อื่น เช่นนี้นับว่าไร้คุณธรรมอย่างยิ่ง...”
ต้วนเหลยถิงกระชับท่อนแขน โอบกอดเคอโยวหรานไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยว่า “รู้ ข้าสัญญาว่าภายหน้าจะไม่มีอีกแล้ว”
มีเพียง์ที่รู้ดีว่าเมื่อคืนหลังจากรับรู้ว่าขาทั้งสองข้างของตนสามารถขยับได้ดังใจ เขารู้สึกตื่นเต้นมากเพียงใด คิดอยากจะแบ่งปันความยินดีกับใครสักคนยิ่งนัก
เป็เพราะสตรีผู้นี้พาหมอเทวะมาช่วยรักษาเขา กระทั่งยารักษาสารพัดโรคยังได้เอามากัดแทะไม่ต่างกับลูกกวาดถั่ว
การรักษาของหมอเทวะไม่เพียงเปิดเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้นครั้งตกจากูเา แต่ยังพลอยรักษาอาการบอบช้ำภายในที่เกิดจากการฝึกวรยุทธ์มานานปีของเขาด้วย
หากมิใช่เพราะสตรีผู้นี้เชิญท่านหมอเทวะมา สกุลต้วนทั้งครอบครัวคงจะเข้าใจผิดว่าเขาหกล้มจนขาหักเสียแล้ว
หากรักษาตามอาการขาหัก อาการาเ็มีแต่จะยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงมิอาจเดินเหินเช่นคนปกติทั่วไปได้อีก
ในเสี้ยววินาทีที่เขาหยัดกายลุกขึ้น ต้วนเหลยถิงไม่เคยรู้สึกขอบคุณเคอโยวหรานเท่ายามนี้มาก่อน
เขาขอสาบาน พระคุณอันยิ่งใหญ่ที่เคอโยวหราน หมอเทวะ และเซียนพิษมีต่อครอบครัวของพวกเขา นับแต่นี้ต่อไป ตนจะพยายามตอบแทนอย่างสุดกำลังแรงใจ
ฉับพลันนั้นเคอโยวหรานที่ถูกต้วนเหลยถิงโอบไว้ในอ้อมแขนก็ได้สติกลับมา นางออกแรงผลักและถอยห่างจากอ้อมกอดของเขา ทั้งเบิกตากว้างจนดวงตาแทบถลน
หลังอ้าปากอ้ำอึ้งอยู่หลายครั้งจึงเอ่ยออกมาได้หนึ่งประโยค “ท่านขยับได้แล้วหรือ? เมื่อวานเพิ่งจะทะลวงเส้นลมปราณ วันนี้ก็เคลื่อนไหวได้ตามใจแล้วหรือเ้าคะ?
มารดามันเถิด หากข้าเรียนให้ได้หนึ่งในสิบส่วนของท่านอาจารย์ ถึงยามนั้นคงเดินวางมาดในสถานที่แห่งนี้ได้ใช่หรือไม่?”
“ฮ่าๆๆ แม่นางน้อย หากเ้าเรียนได้หนึ่งในสิบส่วนของข้า อย่าว่าแต่เดินวางมาด กระทั่งวังหลวงก็ยังเดินเข้าออกได้ตามใจชอบ” นอกประตูมีเสียงเปี่ยมความมั่นใจของหมอเทวะตอบกลับมาจากไกลๆ
เคอโยวหราน “...?”
บัดซบ หูของตาเฒ่าดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ฝึกมาอย่างไรกัน? สามารถสอนนางได้หรือไม่ เรียกได้ว่าเป็ของวิเศษที่ต้องเตรียมไว้สำหรับแอบฟังเลยทีเดียว!
“แม่นางน้อย ถึงยามเหม่า [1] แล้ว เ้าคิดจะเตรียมอาหารเช้าเมื่อใดกัน? อาจารย์หิวจะตายแล้ว” เสียงของหมอเทวะดังขึ้นด้านนอกประตูอีกครั้ง
เคอโยวหรานกุมขมับก่อนหันมองสีของท้องฟ้าภายนอก กระทั่งแสงรุ่งอรุณก็ยังไม่มี ยามเหม่าก็คือเวลาตีห้า
ให้ตายเถิด จะเช้าเกินไปแล้ว ชีวิตความเป็อยู่ที่ไม่มีทั้งไฟและไฟฟ้า เข้านอนหัวค่ำเพื่อตื่นแต่เช้า ช่างดีต่อสุขภาพเสียจริง
นางออกแรงบิดเอวไล่ความเกียจคร้าน จากนั้นเปิดประตูตอบกลับไปว่า “ท่านอาจารย์โปรดรอสักครู่ กำลังจะเตรียมอาหารเช้าให้เสร็จประเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”
หมอเทวะเดินเข้ามาในห้องของต้วนเหลยถิง หยิบเข็มออกมา ก่อนจะเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยคอย่างเปี่ยมกำลังวังชา
“แม่นางน้อย จำไว้ว่าต้องเตรียมสุราไว้ให้อาจารย์ชุ่มคอสักหน่อย เช้าตรู่เช่นนี้จำต้องปลุกกำลังวังชา มิเช่นนั้นหากสมองเกิดเลอะเลือนจนฝังเข็มให้สามีเ้าผิดตำแหน่งคงมิใช่เื่ดีนัก”
เพิ่งจะเดินเข้าห้องครัว ด้านหลังก็มีน้ำเสียงข่มขู่ของหมอเทวะดังไล่หลังเสียแล้ว
เคอโยวหรานเอ่ยในใจ : ท่านอาจารย์ ผู้เฒ่าเช่นท่านดื่มสุราั้แ่เช้าตรู่เยี่ยงนี้ ร่างกายจะรับไหวหรือ?
เฮ้อ ช่างเถิด เตรียมไวน์องุ่นให้ท่านสักหนึ่งแก้วเล็กก็แล้วกัน จิบเล็กน้อยในยามเช้ายังเป็ผลดีต่อร่างกาย
หลังจากล้างมือเสร็จและเพิ่งจะเริ่มเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหาร เสียงของหยวนซื่อก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “น้องสะใภ้สาม เ้าไม่ต้องทำอาหารเช้าวันนี้ ทุกๆ วันข้ากับน้องสะใภ้รองจะผลัดเปลี่ยนกันทำอาหาร ประจวบเหมาะกับถึงเวรของข้าพอดี เ้าไปพักผ่อนเถิด”
เคอโยวหรานได้ยินพลันเอ่ยด้วยความยินดี “อ้อ เช่นนั้นก็ดียิ่ง ข้ากำลังคิดจะเข้าเมืองไปซื้อข้าวของสักหน คงต้องรบกวนพี่สะใภ้ใหญ่แล้วเ้าค่ะ”
กล่าวจบก็เดินออกจากห้องครัวโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ หยวนซื่อนึกแค้นเคือง ขบกัดฟันจนแทบแตกละเอียด
เมื่อคืนหลังจากต้วนต้าหลางกลับเข้าห้องก็เอาแต่เอ่ยชมฝีมือการทำอาหารของเคอโยวหรานไม่ขาดปาก บอกว่าเขาไม่เคยกินอาหารที่รสชาติล้ำเลิศเช่นนี้มาก่อน
ทั้งยังบอกว่าซานหลางมีวาสนา ได้แต่งภรรยาที่เพียบพร้อมเยี่ยงนี้ เป็เพราะ์เมตตาครอบครัวของพวกเขา จึงส่งน้องสะใภ้สามมาช่วยสกุลต้วนฝ่าฟันความยากลำบาก
ทว่านางกลับมิได้กินอาหารเย็นเลยสักคำ หิวจนทรวงอกกลวงโบ๋จวนจะแนบติดแผ่นหลังั้แ่เมื่อคืน อีกทั้งต้องฟังสามีของตนเอ่ยชมหญิงอื่น ทำให้นางรู้สึกราวกับถูกเคี่ยวกรำทั้งกายใจ
เคอโยวหรานน่ะหรือมีฝีมือทำอาหารล้ำเลิศ? เห็นได้ชัดว่าเป็เพราะวัตถุดิบที่หมอเทวะกับเซียนพิษให้มาเป็ของดี วันนี้นางจะแสดงสุดฝีมือเช่นกัน ทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าสิ่งใดจึงจะเรียกว่าอาหารรสเลิศโดยแท้
ครั้นคิดเช่นนี้ นางก็ถลกชายแขนเสื้อและมัดผ้ากันเปื้อน ควานหาวัตถุดิบจนทั่วห้องครัว แต่เหตุใดกลับเหลือแค่ข้าวกับเส้นหมี่เพียงเล็กน้อย กระทั่งน้ำมันยังน้อยนิดจนน่าสังเวชได้เล่า?
หยวนซื่อโมโหยิ่งนัก พุ่งออกจากห้องครัวไปขวางหน้าเคอโยวหรานภายในไม่กี่ก้าว นางถลึงตาด้วยความเกรี้ยวโกรธพลางเอ่ยว่า
“สตรีแซ่เคอ เ้านำวัตถุดิบไปซ่อนไว้ที่ใดเสียแล้ว? เหตุใดภายในห้องครัวถึงมีแค่ข้าวกับเส้นหมี่เพียงน้อยเล่า?”
เคอโยวหรานเอามือกอดอก ยกยิ้มเอ่ยว่า “เมื่อเย็นวานยามข้าเข้าครัว ข้างในก็มีเพียงข้าวกับเส้นหมี่เ่าั้ ข้าทำอาหารเย็นโดยมิได้แตะต้องของในห้องครัวแม้แต่นิด ท่านมาถามข้า แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเ้าคะ”
หยวนซื่อชี้หน้าอีกฝ่าย กระทั่งมือยังสั่นเทาพลางเอ่ย “เ้า...เมื่อวานเ้ามิได้ทำอาหารรสเลิศตั้งมากมายหรอกหรือ? วัตถุดิบเ่าั้หายไปที่ใดเสียแล้ว?”
เคอโยวหรานแบมือทั้งสองข้างพร้อมกับยักไหล่ เอ่ยว่า “วัตถุดิบเ่าั้ แน่นอนว่ากินหมดไปั้แ่เมื่อเย็นวานแล้วเ้าค่ะ”
หยวนซื่อโมโหจนแทบเป็ลม นางตะคอกด้วยความขุ่นเคืองว่า “เ้าไม่รู้สถานการณ์สกุลต้วนของพวกเราหรือ กินวัตถุดิบมากมายถึงเพียงนั้นในคราเดียว ภายหน้าจะทำอย่างไร?
เ้ามิได้เป็ผู้ดูแลจวนจึงไม่รู้ว่าข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง ไม่รู้จักมัธยัสถ์สักนิดเลยหรือ? สิ้นเปลืองขนาดนี้ ทรัพย์สินสกุลต้วนคงได้ถูกเ้าทำลายจนหมดแล้วกระมัง?”
เคอโยวหรานเอามือกอดอกขณะทอดมองหยวนซื่อบันดาลโทสะอย่างมิอาจควบคุมอารมณ์ มีหรือจะยังหลงเหลือท่าทีเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่นางได้เห็นเมื่อวานอีก
หลังค้นความทรงจำในชาติก่อนของเคอต้ายา ความทรงจำที่เด่นชัดที่สุดก็ยังคงเป็เื่ที่อีกฝ่ายยอมตายเพื่อบูชาความรักให้กับต้วนต้าหลาง
ไม่รู้จริงๆ ว่าแท้จริงแล้วตนไปทำอันใดให้พี่สะใภ้ผู้นี้รู้สึกหมางใจ เหตุใดถึงได้ตั้งตนเป็ปฏิปักษ์กับนางไปเสียทุกเื่เช่นนี้?
ครั้นมารดาสกุลต้วนได้ยินเสียงร้องตะคอกของหยวนซื่อ ก็รีบออกมาจากในห้องแล้วเอ่ยด้วยความขุ่นเคืองว่า
“เ้าเสียสติอันใดั้แ่เช้าตรู่? ไม่รู้ว่าต้าหลาง เอ้อร์หลาง และซานหลางกำลังรับการรักษาอยู่งั้นหรือ? หากส่งผลกระทบต่อการเยียวยาของท่านปรมาจารย์ทั้งสอง เ้าคิดว่าจะแบกรับความรับผิดชอบนี้ไหวหรือไม่?”
เสียงของหยวนซื่ออ่อนลงหลายส่วน นางชี้นิ้วไปทางเคอโยวหรานพลางกล่าวฟ้องว่า “ท่านแม่เ้าคะ นางทำอาหารได้สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว เมื่อวานใช้วัตถุดิบในห้องครัวจนเหลืออยู่ไม่เท่าใด หากพวกเราทำอาหารโดยถือนางเป็แบบอย่าง เช่นนั้นภายหน้าจะใช้ชีวิตกันเยี่ยงไรเ้าคะ?”
มารดาสกุลต้วนพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ยังไม่เอ่ยถึงเื่ที่เมื่อเย็นวานโยวหรานมิได้แตะต้องวัตถุดิบในสกุลต้วนของพวกเราแม้แต่นิด เพราะต่อให้นางใช้ก็นับเป็เื่ที่สมควร
ท่านปรมาจารย์ทั้งสองรักษาบุรุษสามคนในจวนของพวกเรา หากกินดีสักหน่อยแล้วอย่างไร?
ยามนี้หลังจากทั้งสองท่านทำการรักษาเสร็จยังต้องทานอาหารเช้า มิอาจปล่อยให้พวกเขาทนหิวได้ เ้ายังมีเวลามาพูดมากไร้สาระอยู่ที่นี่อีกหรือ?
หากเ้าทำมิได้ก็ไม่ต้องทำ ไม่มีผู้ใดเชิญเ้ามาทำอาหารเช้า”
มารดาสกุลต้วนกล่าวจบก็หันไปทางเคอโยวหราน นางคลี่ยิ้มบางพลางเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “โยวหราน เมื่อครู่เป็เพราะภรรยาต้าหลางไม่รู้ความ เ้าอย่าได้ถือสา เห็นทีอาหารเช้าของวันนี้คงต้องลำบากเ้าเสียแล้ว”
เคอโยวหรานพยักหน้าขานรับ “ไม่เป็อันใดเ้าค่ะ ข้าจะไปทำประเดี๋ยวนี้ อีกไม่ช้าก็เสร็จแล้วเ้าค่ะ”
กล่าวจบก็เดินเข้าไปในห้องครัวโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมอง กระทั่งแผ่นหลังยังเผยกลิ่นอายสง่าผ่าเผย
หยวนซื่อถึงกับตาเขียว เป็เพียงคนบ้านนอกในชนบทผู้หนึ่ง ทั้งดำทั้งผอมโซ มีสิทธิ์อันใดมามั่นใจในตนเองและสง่าผ่าเผยเช่นนี้? มีสิทธิ์อันใดเป็ที่ชมชอบของทุกคน? มีสิทธิ์อันใดได้รับการสนับสนุนจากท่านแม่กัน?
เคอโยวหรานมีส่วนใดดีเลิศกว่านางหรือ? เหตุใดั้แ่เมื่อวานที่อีกฝ่ายเข้ามาในจวนสกุลต้วน ชีวิตความเป็อยู่ทั้งหมดของพวกนางก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงได้เล่า?
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ยามเหม่า 卯时 หมายถึง ่เวลา 05.00 - 06.59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้