เมื่อเห็นทุกคนกำลังคุกเข่าบนพื้น ซ่งอี้เฉินฟื้นคืนสติจากความประหลาดใจโดยมีสีหน้ายินดี ลุกขึ้นตรัสทันทีว่า “ตกรางวัล ตกรางวัล ตกรางวัล เหลียงเจาอี๋เป็รางวัลใหญ่ เจิ้นไปที่ตำหนักอี้คุนเพื่อบอกข่าวดีและถามไทเฮาว่าตกรางวัลอันใดดี ทุกท่านอยู่สนุกกันต่อเถิด เจิ้นไปเดี๋ยวกลับมา!”
หลังซ่งอี้เฉินตรัสจบแล้วเดินออกไปและหันกลับมาพูดกับเหลียงเจาอี๋ว่า “เ้ากลับตำหนักก่อนเถิด จะส่งรางวัลไปให้โดยเร็ว เ้าพักผ่อนให้เต็มที่!” หลังเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “พวกเ้าทั้งสาม ดูแลนางให้ดีห้ามให้มีข้อผิดพลาด มอบฮ่องเต้องค์น้อยให้เจิ้นมาอย่างปลอดภัย ห้ามมีข้อผิดพลาด!”
หลังจากกำชับเื่นี้แล้วก็รีบเดินออกไป
บรรดาขุนนางมองด้านหลังซ่งอี้เฉินเดินออกไป บอกว่าเื่ทายาทัที่หาได้สำหรับองค์ฮ่องเต้ ซ่งอี้เฉินดีใจมาก จึงไม่คำนึกถึงมารยาทเท่าใดนัก เมื่อคิดถึงทายาทคนแรกของตัวเอง เหมือนจะดีใจมากล้น พวกเขาจึงทำเป็มองไม่เห็น
หลังจากฮ่องเต้เดินออกไป นางสนมในวังหลวงก็ไม่สามารถอยู่กับเหล่าขุนนางได้อีกต่อไป พวกนางจึงต้องกลับไปทีละคน ปล่อยให้เหล่าขุนนางมีความสุขและเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงในวังหลวงต่อไป และเมื่อนึกถึงเื่ที่เกิดอย่างกะทันหันในวันนี้ แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เมื่อดูสถานการณ์และท่าทีของคนอื่นๆ งานเลี้ยงมีชีวิตชีวามากขึ้น
เกี้ยวประทับของซ่งอี้เฉินไปยังตำหนักอี้คุนอย่างรีบเร่ง ใช้ความเร็วอย่างมาก ทว่าร่างของซ่งอี้เฉินที่ประทับอยู่ภายในกลับนิ่งไม่ขยับ ดวงตาของเขามองลงไปที่พื้น มองถนนหินที่มีลวดลายคล้ายเมฆสลับกันที่มีไอหนาวเย็นถ่ายเทออกมา
เหลียงเจาอี๋ตั้งครรภ์กับฮ่องเต้นับเป็ข่าวดีอย่างมาก ทว่าเขากลับต้องแก้ปัญหาที่ยากยิ่งกว่า
หลังผ่านเื่ต่างๆ ในวันนี้ ไทเฮาต้องจัดการกับองค์หญิงใหญ่อย่างแน่นอน ซ่งอี้เฉินเชื่ออย่างยิ่งว่า ไทเฮาจะเหนือกว่า อย่างไรก็ตาม เขาจะต้องหาประโยชน์จากการต่อสู้ระหว่างสตรีสองนางนี้ เขาต้องระมัดระวังสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เก็บผลประโยชน์เ่าั้ทันที
คราวนี้องค์หญิงใหญ่โจมตีต่อหน้าขุนนางคนสำคัญ และไทเฮาก็รับปากและจำเป็ต้องมอบบางสิ่งเพื่อแสดงท่าที เกรงว่าไทเฮาอาจจะมอบแค่เพียงอำนาจเล็กน้อย เมื่อถึงเวลานั้นราชสำนักก็จะวุ่นวายอีกครั้ง เกรงว่าจะใช้กำลังของเขาเพื่อจัดการความวุ่นวายเ่าั้
ดังนั้น จะทำอย่างไรเพื่อให้ไทเฮาจะทรงมอบอำนาจการบริหารบ้านเมือง โดยไม่ขัดกับขั้นตอนของราชสำนักถึงเป็สิ่งสำคัญที่สุดของซ่งอี้เฉินในขณะนี้
ในขณะนี้ซ่งอี้เฉินยังไม่มีแผนการตอบโต้ใดๆ ทว่าแอบมีคิดบางอย่างอยู่ในใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น!
ขณะมาถึงยังตำหนักอี้คุนที่อยู่ตรงหน้าซ่งอี้เฉินสั่งให้เว่ยหรูไห่เข้าไปรายงาน จากนั้นไม่นานก็เห็นแม่นมซูออกมาทูลด้วยท่าทีนอบน้อม “ฝ่าา ไทเฮาทรงประชวรและเพิ่งบรรทมไปเพคะ”
ซ่งอี้เฉินะโลงจากเกี้ยวที่ประทับและถามด้วยความกังวล “เสด็จแม่ประชวรหรือ? ร้ายแรงหรือไม่ ให้เจิ้นเรียกหมอหลวงหรือไม่!” หลังจากพูดแล้วก็หันกลับมาและะโทันที “หลวี่เหลียงฝู่ตามหมอหลวงซางเดี๋ยวนี้!”
แม่นมซูยกมือขึ้นเพื่อขัดขวางและทูลด้วยท่าทีนอบน้อม “ไทเฮาทรงประชวรด้วยโรคเก่าเพคะ ไม่ต้องรบกวนเว่ยกงกง"
ซ่งอี้เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมทำตามและตรัสว่า “เจิ้นเข้าไปดูอาการสักหน่อยดีกว่า”
แม่นมซูพูดอย่างลำบากใจว่า “ฝ่าา ไทเฮาทรงตรากตรําและมักมีปัญหาการบรรทมไม่หลับเวลากลางคืน เป็เื่ยากที่กว่าจะทรงบรรทมได้เพคะ......”
ซ่งอี้เฉินถอนหายใจ ได้แต่มองห้องบรรทมของไทเฮาแล้วตรัสว่า “อืม เป็เจิ้นที่อกตัญญูและไม่สามารถรับผิดชอบเื่ใหญ่ได้ กลับให้เสด็จแม่ทรงงานหนักเพื่อเจิ้นอีก”
แม่นมซูกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ฝ่าา ไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิดอันใด ไทเฮาตรัสว่า ฝ่าาเป็เืเนื้อเชื้อไขของนางเพียงพระองค์เดียว พระนางฝากฝังชีวิตที่เหลือของนางไว้ สามารถแบ่งเบาภาระของฝ่าาได้ พระนางหวังเพียงว่าฝ่าาจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของไทเฮา ไม่ถูกผู้อื่นล่อลวง จนสูญเสียความสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่ลูกไป เพียงเท่านี้ ไทเฮาทรงมีความสุขมากแล้วเพคะ”
ในใจของซ่งอี้เฉินมีความไม่พอใจเกิดขึ้น ตนเองเป็ฮ่องเต้ ทว่าแม่นมข้างกายไทเฮากล้าสั่งสอนเขา ทว่าเขายังไม่ถึงขั้นโกรธจนะเิอารมณ์ออกมา
เวลานี้ไทเฮายังไม่ทรงพักผ่อน พระองค์ทรงฟังทุกการเคลื่อนไหวด้านนอก หากเขาทำอะไรผิดแม้แต่น้อย ก็จะพบกับความยากลำบากอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ซ่งอี้เฉินถอนหายใจเล็กน้อยแล้วตรัสว่า “วันนี้ตอนที่เสด็จพี่หญิงเอ่ยปากนั้น เจิ้นก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน เจิ้นก็ไม่อยากให้เสด็จแม่ต้องตรากตรำทำงานหนักเกินไป อย่างไรก็ตามเจิ้นยังไม่เหมาะที่จะออกว่าราชการเองทั้งหมด ยังคง้าการสนับสนุนจากเสด็จแม่อีก”
สายตาแปลกๆ แวบผ่านดวงตาของแม่นมซู จากนั้นจึงทูลปลอบใจไปว่า “ฝ่าากล่าวเกินไปแล้ว แคว้นเซวียนยังคงต้องอาศัยฮ่องเต้ที่ทรงพระปรีชาเพื่อพัฒนาแคว้นต่อไป หากฮ่องเต้พูดคำเหล่านี้ จะทำให้ไทเฮาเสียพระทัยได้เพคะ”
“เจิ้นเองไม่รู้ว่าเสด็จพี่หญิงคิดสิ่งใดอยู่ เป็แบบวันนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?” ซ่งอี้เฉินแสร้งทำเป็ทุกข์ใจ “วันนี้ต่อหน้าขุนนาง เจิ้นยากที่จะมีท่าทีอ่อนข้อ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าแม่นมซูก็ไม่อยากปิดบังอีก”
แม่นมซูส่ายศีรษะน้อยแล้วทูลว่า “ต่อไปนี้ฝ่าาจะต้องไม่พูดคำพูดเหล่านี้อีก หากเสียนอ๋องได้ยินสิ่งนี้ อาจมีความคิดบางอย่างได้เพคะ”
ซ่งอี้เฉินตรัสน้ำเสียงเหยียดหยาม “ตอนนี้เจิ้นเป็ฮ่องเต้แล้ว ยังกลัวเขาอยู่อีกหรือ?”
แม่นมซูมองเข้าไปในตำหนักอยู่เงียบๆ แล้วทูลว่า “ฝ่าา บ่าวขอบังอาจบอกความจริงแก่ฝ่าา แคว้นเซวียนมาถึงจุดนี้ในวันนี้ได้เพราะการทำงานอย่างหนักของไทเฮา ด้วยเหตุที่ฝ่าาสุขภาพอ่อนแอั้แ่วัยเยาว์ ไทเฮาก็ไม่อาจให้ฝ่าารับภาระหนักอึ้งมาก ดังนั้นพระนางจึงช่วยเหลือเสมอมา เพียงเพราะต้องปกครองแคว้นเซวียนให้มั่นคงก่อนแล้ว คืนอำนาจต่อให้พระองค์ ฝ่าาถูกผู้อื่นลวงจนตามืดบอดและทำให้ไทเฮาต้องเสียพระทัยเพคะ!”
ซ่งอี้เฉินเยาะเย้ยในใจกับคำพูดของหลายคนที่ฟังดูไพเราะกว่าบทเพลงเสียอีก หลังจากสนทนากันครู่ใหญ่ แม้ตัวเองยังเชื่อ จึงคิดว่าผู้อื่นก็จะเชื่อเช่นกัน เมื่อเผชิญกับผลประโยชน์แล้ว ไม่เคยมีคำว่าความรู้สึกคำนี้อีก
ซ่งอี้เฉินจดจำทุกสิ่งที่ไทเฮาทรงทำหลังจากได้รับอำนาจมาโดยตลอด เป็การทำเพื่อเขาจริงๆ หรือ? ตอนนี้พระนางยังคิดว่าเขายังเป็เขาคนเดิมก่อนหน้านี้ที่ถูกนางบงการอย่างไม่รู้ตัวอีกหรือ?
ตอนที่เขายังเป็เด็กได้กลายเป็หมากตัวหนึ่งที่เสด็จแม่ใช้ในการไต่เต้าขึ้นในตำแหน่งนั้น เขายังจำได้ว่าครั้งหนึ่งขณะที่อากาศหนาวจัดเพื่อให้อดีตฮ่องเต้เสด็จมาหาจากตำหนักเซียวกุ้ยเฟย ไทเฮาจงใจเทน้ำเย็นลงบนตัวเขาและไล่เขาไปยืนนอกตำหนักครึ่งชั่วยาม รอจนเขาตัวร้อนจึงถูกพาเข้าไปในตำหนัก จากนั้นเรียกหมอหลวงมาดูอาการ
ขณะนั้น เหมือนไทเฮายังทรงพระครรภ์อยู่ เมื่อทราบข่าวอดีตฮ่องเต้ก็รีบเสด็จไปทันที แม้เขาจะไม่ได้โปรดปรานแต่อย่างใด ทว่ากลับมีสีหน้าดีใจ ทำให้เขาได้รู้สึกถึงความห่วงใยเป็ครั้งแรกจากพระบิดา ตอนเป็เด็กเขาเต็มใจอยากทำให้ตัวเองป่วยมาก
ตราบใดที่ป่วย อดีตฮ่องเต้ก็จะเสด็จมาดูเขา
เพราะความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้อดีตฮ่องเต้รู้สึกว่าเป็เื่ยากเกินกว่าจะรับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้และจึงไม่ฝึกฝนเขาอีกต่อไป ทว่ายังไม่ชอบเขาอีกด้วย
เมื่อคิดเื่นี้แล้ว ไทเฮาทำทุกวิถีทางเพื่อให้นางได้รับความโปรดปรานจากอดีตฮ่องเต้ บางครั้งซ่งอี้เฉินก็แอบคิดว่า หากในเวลานั้นไทเฮาไม่ได้สูญเสียเด็กที่อยู่ในครรภ์ไป เขาจะยังมีโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งนี้หรือไม่?
มีบางอย่างที่ไม่กล้าคิดและเมื่อคิดขึ้นมาก็ทำให้รู้สึกเ็ปใจ
หัวใจของซ่งอี้เฉินกำลังจะแข็งตัวกลายเป็น้ำแข็ง ทว่าเขายังคงรักษาท่าทางของเขาไว้ เหมือนแม่นมซูจะแสดงความจริงใจของนาง ทว่าจริงๆ แล้วนางกำลังหยั่งเชิงเขาอย่างลับๆ ไทเฮายังคงสงสัยในตัวเขาโดยคิดว่าเขาเป็พันธมิตรกับองค์หญิงใหญ่