ภายใต้แสงเทียนสลัว ใบหน้าเล็กๆ สีขาวนวล รวมถึงกรามของอวิ๋นอี้กระชับขึ้น แม้กระทั่งปากอิงถาว[1] สุดเย้ายวนก็ถูกขดเป็เส้น
อย่ามองว่าใบหน้าของนางสงบนิ่งมากเพลานี้ ในใจของนางสบถเช่าหนี่มา[2]แล้วกว่านับครั้งมิถ้วน
หรงซิวมักจะออกไพ่มิตามเกม ทำให้นางหงุดหงิดมาก
ก่อนหน้านี้ตอนที่เพิ่งมาถึงจวนองค์ชาย นางสามารถพลิกเกมก่อนหน้าเขาได้สักกี่ครา
เมื่อสองคนอยู่ด้วยกันมานาน นางค้นพบแล้วว่า ภาพลักษณ์อ่อนโยนสง่างามของหรงซิว มีไว้ให้เพียงคนนอกเห็นเท่านั้น
ต่อหน้านางหรือ? เหอะ เหอะ บุรุษผู้นี้ใจง่ายนัก
บางคราที่เขาอ่อนโยน ดวงตาคู่นั้นจะจ้องมาที่นาง ราวกับมีดวงดาวมากมายอยู่ในนั้น ทำให้มิสามารถละสายตาได้
อวิ๋นอี้ยอมรับว่า หรงซิวหน้าตาดีมาก จนนางโดนรูปลักษณ์ของเขาหลอกมาตลอด
ทว่า!
ส่วนใหญ่เขาเป็คนดุร้าย ปากจะด่าฟ้าด่าดินด่าอากาศอยู่เสมอ เขามิเคยสุภาพกับนางเลย
อวิ๋นอี้ถูกเขาว่าจนโกรธมากอยู่หลายครา ทว่าเขาจะหาเวลาที่เหมาะสมมาแนบชิดกับนางอย่างไร้ยางอายเสมอ ปากที่มิรับผิดชอบชีวิตที่ตายเพราะความโกรธนั้น [3] กลับพูดพร่ำคำบอกรักนาง
ตบหนึ่งฉาด ให้พุทธาหวานหนึ่งผล [4]
อวิ๋นอี้รู้วิธีของเขา ทุกครั้งที่เขาถูกเกลี้ยกล่อมให้ใจชื้น จากนั้นมินานก็ถูกว่าจนต้องสงสัยกับชีวิต
จากความทรงจำที่ยาวนาน ค่อยๆ คุ้นชินกับหรงซิวที่ทั้งรักทั้งร้าย ความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นเหนือศีรษะของอวิ๋นอี้หายไปในทันใด
นิ่งไว้ นิ่งไว้
มิโกรธ มิโกรธ
เขามิได้เพิ่งจะเป็เช่นนี้เพียงวันสองวัน ผู้คิดมากย่อมต้องพ่ายแพ้ไป
วิธีการปลอบประโลมตัวเองของอวิ๋นอี้ได้ผล นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธ
เมื่อสังเกตเห็นว่าคนข้างๆ มิพูดกระไรต่อ พลันยึดหลักสมานฉันท์ นางหันหน้ามาแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย
หรงซิวตะลึงกับรอยยิ้มบนใบหน้าของสตรีตัวน้อย
เขาเฝ้ามองดูนางอยู่ตลอดเวลา
ผิวขาวนวลของหญิงสาว ภายใต้แสงไฟสลัว ยิ่งนุ่มนวลบอบบางยิ่งกว่าเคย
ผิวของนางละเอียดอ่อนมากกว่าสตรีทั่วไป แม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ใกล้กันมาก แต่มองมิเห็นรูขุมขนบนใบหน้าของนางเลยสักนิด มีเพียงขนบางๆ ที่ดูน่ารักและน่าเอ็นดูนัก
นางเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับมีบางสิ่งในใจ
ในขณะที่หรงซิวครุ่นคิดอยู่ มิคิดเลยว่า เขาจะบังเอิญไปเจอกับรอยยิ้มสดใส
นางดูดีขึ้นกว่าปกติมากเพลานางยิ้ม ดูราวกับมีดวงตะวันดวงน้อยอยู่ในดวงตา
มิรอให้หรงซิวตอบกลับ อวิ๋นอี้พลันพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย "ถูกความงามของข้าพิชิตใจหรือเพคะ? ตื่นเพคะ ตื่น เหล่าหวางข้างบ้านมอบหมวกเขียวให้แล้ว!"
นี่มันไร้สาระกระไรกัน?
เหล่าหวางข้างบ้านคือกระไร ?
หรงซิวพึมพำ พูดอย่างมิเกรงใจ "ใแทบแย่ อย่างกับผี"
"......" บ้าจริง อวิ๋นอี้ปลายลิ้นดันฟัน มิคิดเล็กคิดน้อยกับเขาแล้ว
นางมิอยากจะเถียงกับเขาอีกต่อไป ถอดเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็ว นอนลงใต้ผ้าห่มภายใต้การจ้องมองของหรงซิว
หรงซิวมิยอมปล่อยนางไปแน่ รีบมุดตามเข้าไปด้วย
อวิ๋นอี้ทิ่มแทงเขาด้วยคำพูดว่า "โอ้ ฝ่าายอมลดตัวมานอนกับผีสาวเช่นข้าด้วยหรือเพคะ? มิกลัวว่าข้าจะเอาหยางมาเติมหยินหรือเพคะ?" [5]
“มาสิ” เขาพูดอย่างฮึกเหิม พลันปลดสายคาดเสื้อออก เผยให้เห็นหน้าอกสีนวลที่แข็งแรงของเขา เปล่งประกายระยิบระยับสวยงามภายใต้แสงไฟ ดูช่างเย้ายวนนัก
ในระยะใกล้ อวิ๋นอี้มองเห็นได้ชัดเจน กลืนน้ำลายลงอย่างใจมิสู้ดี
นางมิตอบ เสียงหรงซิวพลันดังขึ้นอีกครา “ข้าคิดถึงเ้าจะตายแล้ว ชีวิตก็ให้เ้าได้ พลังหยางก็ให้เ้า” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาตั้งใจหยุดนิ่งราวกับกำลังคิดกระไรบางอย่างออก จู่ๆ ก็กลับตัวมากอด ห่อนางเอาไว้ด้วยผ้าห่ม
อวิ๋นอี้สะดุ้งตัวแข็งตรง ประหม่าเล็กน้อย
หรงซิวหายใจเบาๆ ทว่าความร้อนที่พ่นออกมากลับร้อนแผดเผา นางอยากจะหลบเลี่ยง ทว่ามิว่าจะบิดตัวอย่างไร ก็หนีมิพ้นหรงซิว
นางเลิกดิ้นรน "ฝ่าาอยากพูดกระไรกันแน่เพคะ?"
"ข้าจะให้เ้าทุกอย่าง" หรงซิวพูด "ลูกหลานเหลนโหลนก็ให้เ้า เ้าจะเอาหรือไม่?"
ลูกหลานเหลนโหลน?
กระไรกัน?
อวิ๋นอี้ตกตะลึงอยู่นาน คิดมิออกว่ามันคือมุกตลกกระไร จนกระทั่งหรงซิวขยับร่างลงมาแนบชิดนาง จากนั้นหว่างขาของนางพลันรู้สึกราวกับถูกเผา
หนี่มา!
นางเข้าใจแล้ว!
ลูกหลานเหลนโหลน...
หรงซิว! หรงซิว ไอ้โรคจิตไร้ยางอายผู้นี้!
หลังจากที่อวิ๋นอี้ได้สติกลับมา แก้มของนางพลันร้อนขึ้น นางถึงกับมุดหัวเข้าไปในผ้าห่ม มือของนางบิดแขนของหรงซิว
ผู้ใดบอกให้พูดไร้สาระ!
ผู้ใดบอกให้ไร้ขอบเขตเช่นนี้!
ผู้ใดบอกกัน ผู้ใด!
เผชิญหน้ากับหมัดเล็กๆ ของสตรีตัวน้อย หรงซิวไม่หลบเลี่ยง ถูกนางบีบ นางหยิกอยู่นาน เมื่ออวิ๋นอี้สงบลง เขาค่อยๆ พลิกตัวกลับมากดทับนางไว้
เมื่ออวิ๋นอี้ประหม่า ร่างกายพลันแข็งทื่อ "หรง...หรงซิว...ท่านจะทำกระไร? ข้ามิอยากได้ลูกหลานเหลนโหลนของท่านนะ! ”
“ฟังข้า” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้นทันใด ทำให้อวิ๋นอี้ชะงักเล็กน้อย หลังจากที่มิได้สติอยู่ครู่หนึ่ง เขาพลันอยู่เหนือนางแล้ว “ข้าอยากมองเ้าเช่นนี้อีกสักพัก”
หน้าตาของบุรุษผู้นั้นดูดีและงดงาม สวนทางกับแสง ทำให้นางหายใจมิทั่วท้อง
ผ่านไปสักครู่ เขาพลันเปิดปากพูด “รู้อยู่ว่าข้าจงใจแกล้งเ้า เหตุใดเ้าจึงตกหลุมทุกครากันเล่า?”
“......” อวิ๋นอี้มุ่ยปาก ผู้ใดให้ท่านปากเสียได้น่ารำคาญเช่นนี้กันเล่า หากอ่อนโยนเช่นเพลานี้เสมอ นางเพียงจะหลงรัก จะโกรธได้อย่างไร
“ทำปากเช่นนั้น คืออยากให้ข้าจูบหรือ?” พูดจบ เขาก็ก้มจูบนางทันใด
เป็จูบที่นุ่มนวลบางเบา เพียงแตะริมฝีปากนาง มิได้ถลำลึกเข้าไป
ร่างกายของอวิ๋นอี้ร้อนรุ่มจากการถูกจูบ ภาพที่ถูกเขาพูดมิดีใส่ถูกละเลยไป นางเปลี่ยนไปถาม "เหตุใดคืนนี้ฝ่าาถึงมาเล่าเพคะ?"
"ว่างแล้ว" หรงซิวพูด "เื่ที่ควรจัดการจัดการเสร็จหมดแล้ว"
"อ๋อ อ๋อ" ขนตายาวของนางกระพือ "เหตุใดถึงไม่กลับจวนเล่าเพคะ?"
"รู้ว่าเ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปแห่งใดได้อีก?" เขาพูดนิ่งๆ
หรงซิวเก่งเื่นี้นี่แหละ ที่ทำให้นางทั้งรักทั้งเกลียดเขา
ทว่าเพลานี้มิใช่เวลาเหม่อลอย เพราะหรงซิวถามเื่ใหญ่ต่อว่า "ข้าได้ยินมาว่าซูเมี่ยวเออร์ออกไปจากที่นี่แล้วหรือ?"
"ใช่น่ะสิ" เมื่อพูดถึงเื่นี้อวิ๋นอี้ก็อารมณ์ดี “นางจากไปสองสามวันแล้ว หลังจากที่นางจากไป วันเวลาของข้าที่นี่สบายขึ้นโข!"
"ฝีมือเ้าหรือ?" จู่ๆ เขาก็ถาม เสียงของนางพลันหยุดกะทันหัน
อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้นมองเขา ั์ตาสีดำของนางเข้มเหมือนเคย มองมิเห็นกระไรเลย นางเม้มปากแล้วพูดอย่างมิมั่นใจ "ใช่ ทำไมหรือเพคะ?"
"สตรีของข้า ฉลาดเช่นนี้แล" หรงซิวบีบปลายจมูกของนางแล้วกอดนางไว้ พูดคุยเกี่ยวกับเื่อื่นๆ ต่อ "เ้าอยู่สำนักซืออี๋มายี่สิบกว่าวันแล้ว เมื่อใดจึงจะได้กลับจวนเล่า? อย่าบอกนะว่าต้องอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตเลยหรือ?”
"จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ?" อวิ๋นอี้มิเห็นด้วย “แม้ว่าที่นี่จะดี ทว่าธุรกิจโรงเตี๊ยมของข้ามิมีคนดูแล"
".....” สิ่งแรกที่นึกถึงมิใช่เขา ทว่าเป็เงินทอง หรงซิวริมฝีปากกระตุกปรับอารมณ์เล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่าเ้ากับพระชายาเอกองค์รัชทายาทสนิทกันนี่ พอจะมีวิธีที่จะทำให้พวกเ้าออกจากสำนักซืออี๋ได้เร็วขึ้นอยู่”
ดีมาก!
อวิ๋นอี้จ้องมาที่เขาด้วยแววตาเป็ประกาย “ฝ่าาพูดสิเพคะ”
“โอ้” หรงซิวยื่นหน้ามาข้างหนึ่งอย่างสบายๆ “จูบก่อน”
บุรุษผู้นี้...
อวิ๋นอี้ส่ายหัว มิรู้จะว่าเขาอย่างไร ริมฝีปากนุ่มๆ โน้มตัวลงมาแตะใบหน้าเย็นๆ ของเขา
เชิงอรรถ
[1] อิงถาว 樱桃 หมายถึง ผลเชอรี่
[2] เช่าหนี่มา 草泥马 เป็คำสบถเลียนเสียง ความหมายตรงตัวมาจากคำว่า 操你妈 แปลว่าเย*ดแม่
[3] ไม่รับผิดชอบชีวิตที่ตาย死人不偿命 หมายถึง ช่วยอะไรไม่ได้ เช่น ไม่รับผิดชอบชีวิตที่ตายเพราะความโกรธ 气死人不偿命 หมายถึง จะโกรธจนตายก็ช่วยอะไรไม่ได้
[4] ตบหนึ่งฉาด ให้พุทธาหวานหนึ่งผล 打一个巴掌给一个甜枣 หมายถึง ทำไม่ดีใส่ ทำดีเล็กน้อยทดแทน คล้ายกับสำนวนไทยที่ว่า ตบหัวแล้วลูบหลัง
[5] เอาหยางมาเติมหยิน 采阳补阴 หมายถึงการเติมเต็มหยินหยางระหว่างความสัมพันธ์ทางเพศของชายหญิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้