เจิ้งเยว่เซินที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย บัณฑิตคนอื่นๆ เองก็ส่งเสียงฮือฮาออกมาเช่นกัน
“ฮ่าๆ ไม่ใช่แล้ว มีกันตั้งหลายคน คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ผลึกอสูรชิ้นเดียวก็ยังไม่มี”
“ข้าคิดว่าข้าได้น้อยที่สุดแล้วนะ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีคนที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ทั้งที่มีคนอยู่ตั้งมากมาย”
“เฮ้อ ตระกูลมู่ช่างน่าอัปยศเสียจริง พวกเขาไม่มีผลึกอสูรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ข้าเกรงว่าการประเมินในครั้งนี้ตระกูลมู่คงได้กลายเป็ตัวตลกแล้ว”
บัณฑิตจำนวนหลายร้อยคนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์เื่นี้ แต่ละคนพูดจาเสียดสีและเย้ยหยันออกมาทุกรูปแบบ ศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มู่เฟิงอยู่ที่ใด?”
ผู้าุโอู๋อี้เอ่ยถามในทันที
“พวกเราพบกับฝูงหมาป่าทมิฬและจ่าฝูงหมาป่าในเทือกเขาเทียนอวิ่นขอรับ พี่เฟิงจึงคุ้มกันให้พวกเราหลบหนีออกมาก่อน ตอนนี้ผ่านมาสองวันแล้ว เขาก็ยังไม่กลับมาเลยขอรับ”
มู่เถี่ยศิษย์คนหนึ่งของตระกูลมู่กล่าวออกมาในที่สุด ส่วนบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ของตระกูลมู่ต่างก็มีสีหน้าเศร้าโศก
“พบกับฝูงหมาป่าทมิฬและจ่าฝูงหมาป่าระดับหนิงกัง...”
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของอู๋อี้ก็พลันมืดครึ้มลงเล็กน้อย นี่ไม่ได้หมายความว่ามู่เฟิงได้ตายไปในเทือกเขาเทียนอวิ่นแล้วหรอกหรือ?
“เฮ้อ น่าเสียดาย...”
อู๋อี้ถอนหายใจยืดยาวออกมาโดยไม่ได้ถามคำถามใดอีก
ในสายตาของเขา หากว่ามู่เฟิงไม่ประสบเหตุเสียก่อน เขาคงเป็อัจฉริยะที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถทะลวงผ่านระดับหยวนตานได้ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษา ยิ่งไปกว่านั้น พร์ในด้านการสลักลายเส้นของเขาก็โดดเด่นเป็อย่างมาก
อีกด้านหนึ่ง จ้าวเหิงกลับเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาอย่างพึงใจ
“เอาละ มู่เฟิงอาจจะเกิดเื่ขึ้น ทำให้พวกเ้าไม่มีผลคะแนนในการประเมินครั้งนี้ ดังนั้นข้าจะประกาศผลสามอันดับแรกในครั้งนี้เลยแล้วกัน”
ผู้าุโเจิ้งกล่าวออกมา ก่อนจะบินขึ้นไปบนกำแพงเมือง
เฉินเซิ่งถูกคนของเขาช่วยพยุงขึ้นจากพื้น สายตาของเขาเหลือบมองศิษย์ตระกูลมู่อย่างเ็า จากนั้นเขาก็ถ่มน้ำลายออกมาก่อนจะชี้นิ้วลง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยการถากถาง
“หลังจากเปรียบเทียบคะแนน ในที่สุดผลการประเมินครั้งนี้ก็ออกมาแล้ว”
ผู้าุโเจิ้งกล่าวเสียงดัง บัณฑิตทุกคนต่างก็เงียบเสียงลงและหันไปมองที่ผู้าุโเจิ้งทันที
“หลังจากทำการเปรียบเทียบคะแนน ผลคะแนนของสิบอันดับแรกและสามอันดับแรกได้ออกมาแล้ว สิบอันดับแรกจะได้รับคะแนนสี่พันคะแนน สามอันดับแรกจะได้รับสามหมื่นคะแนน สองหมื่นคะแนนและหนึ่งหมื่นคะแนนตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์เลือกทักษะวิชาระดับนิลกาฬเพื่อฝึกฝนได้หนึ่งวิชา เอาละ ตอนนี้ข้าจะประกาศรายชื่อของสิบอันดับ”
ผู้าุโเจิ้งนำใบรายชื่อสิบอันดับแรกที่ได้รับการจัดเรียงเอาไว้แล้วออกมาอ่าน
“เฉินเซิ่งจากจวนเป่ยอ๋อง คะแนนการประเมินสามหมื่นเจ็ดพันคะแนน คว้าชัยอันดับหนึ่ง!”
หลังจากได้ยินเสียงประกาศ เหล่าบัณฑิตจากจวนเป่ยอ๋องต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี ส่วนเฉิงเซิ่งก็ยืดอกขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเช่นกัน
“ลู่โหย๋วเยี่ยจากตระกูลลู่ คะแนนการประเมินสองหมื่นเก้าพันคะแนน คว้าอันดับสองไปครอง”
บรรดาศิษย์ตระกูลลู่ต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาเช่นกัน แต่สีหน้าของลู่โหย๋วเยี่ยกลับเรียบเฉยไร้ซึ่งความยินดี เพราะเดิมทีเป้าหมายของเขาคืออันดับหนึ่ง
“หลี่ว์หยางจากตระกูลหลี่ว์ คะแนนการประเมินสองหมื่นแปดพันคะแนน อยู่ในอันดับสาม”
สีหน้าของหลี่ว์หยางพลันดูน่าเกลียดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาคาดการณ์เอาไว้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ยังสามารถคว้าสามอันดับแรกมาได้
“…อันดับสี่…”
“...”
ผู้าุโเจิ้งอ่านรายชื่อศิษย์ที่มีคะแนนสูงสุดสิบคนแรกไปตามลำดับ จนในที่สุดก็ประกาศออกมาจนครบ จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “ผลสรุปของการประเมินในครั้งนี้ถือได้ว่าประสบผลสำเร็จ...”
“ช้าก่อน! การประเมินยังไม่จบ”
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้น เสียงะโนี้ดังก้องมาจากบนท้องฟ้าและมาจากทิศทางของเทือกเขาเทียนอวิ่น
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงนั้น พวกเขาต่างก็หันไปมองทางเทือกเขาเทียนอวิ่นทันที
ฟิ้ว…!
ปรากฏร่างของอินทรีั์สีดำกำลังบินมาจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น อินทรีั์สีดำตัวนี้คืออสูรร้ายระดับจื่อฝู่ที่มีกลิ่นอายของความดุร้าย มันมีปีกยาวกว่าสิบเมตร และบริเวณลำคอของมันถูกคล้องไว้ด้วยห่วงครอบอสูร
บนหลังของอินทรีั์สีดำมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งกำลังยืนต้านลมอยู่
เส้นผมสีขาวของเด็กหนุ่มปลิวไสว ส่วนเสื้อคลุมสีดำก็โบกสะบัดไปตามแรงลมที่พัดผ่าน ร่างกายของเขาสูงเพรียวและมีแผ่นหลังตั้งตรงดูสง่างามราวกับหอก สันกรามอันคมชัดยิ่งขับให้ใบหน้าดูเด็ดเดี่ยว รอยแผลเป็ตรงระหว่างคิ้วก็ทำให้ดูเป็เด็กหนุ่มผู้ห้าวหาญ
มือข้างหนึ่งของเขาถือหอกยาว ในขณะที่นกอินทรีกำลังบินพุ่งตรงเข้ามาทางนี้!
“นั่นมัน...มู่เฟิง!”
“พี่เฟิง พี่เฟิงกลับมาแล้ว!”
“ฮ่าๆ พี่เฟิงกลับมาแล้ว”
เหล่าบัณฑิตอุทานออกมาเมื่อเห็นร่างที่เหยียบอยู่บนหลังของนกอินทรี โดยเฉพาะศิษย์ตระกูลมู่ที่กู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ ราวกับว่าพวกเขาได้พบบุคคลที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา
“เป็ไปได้อย่างไร เ้าเด็กมู่เฟิงไม่ได้ถูกกลืนลงท้องหมาป่าไปแล้วหรอกหรือ!”
ดวงตาของจ้าวเหิงฉายแววประหลาดใจ จากนั้นสีหน้าของเขาก็พลันมืดครึ้มลงทันที
“เป็มู่เฟิง นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่”
เฉินเซิ่ง ลู่โหย๋วเยี่ยและหลี่ว์หยางต่างก็มีใบหน้าซีดเผือดลงในทันที
มู่เฟิงะโลงมาจากหลังนกอินทรีที่บินเหนือฝูงชนในความสูงราวยี่สิบเมตร จากนั้นอินทรีดำก็บินร่อนตามเขาลงมา
มู่เฟิงปลดห่วงครอบอสูรตรงลำคอให้กับมัน ก่อนที่อินทรีย์ั์สีดำจะส่งเสียงคำรามออกมาและบินจากไป
“พี่เฟิง ช่างดีนัก พวกเราคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องไม่เป็อะไร”
ไป๋จื่อเยว่และกลุ่มศิษย์ตระกูลมู่วิ่งไปรับเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี ดวงตาของพวกเขาต่างก็แดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย
“ขอโทษพวกเ้าด้วย เป็ข้าที่มาช้า”
มู่เฟิงยิ้มบาง จากนั้นเขาก็มองไปทางมู่ขวงที่มีสีหน้าซีดเซียวจากอาการาเ็สาหัส เขาเลิกคิ้วก่อนจะถามขึ้นว่า “เสี่ยวขวงเป็อะไรไป?”
ไป๋จื่อเยว่และคนอื่นๆ ต่างมองไปทางจ้าวเหิง เมื่อมู่เฟิงมองตามสายตาของอีกฝ่าย สายตาของเขาก็สบเข้ากับจ้าวเหิงพอดี
จ้าวเหิงหรี่ตาลงโดยไม่ปิดซ่อนจิตสังหาร
มู่เฟิงถอนสายตาจากอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเ็าว่า “ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น สำหรับแค้นนี้ข้าจะต้องสะสางมันแน่”
“มู่เฟิง เ้ามาช้าเกินไปแล้ว”
ผู้าุโเจิ้งขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวขึ้น
“ขออภัยผู้าุโ บังเอิญศิษย์พบฝูงหมาป่าเข้า โชคดีที่รอดออกมาได้ แต่ตอนนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในระยะเวลาสิบวัน แม้ศิษย์จะมาช้าแต่ยังไม่หมดเวลานะขอรับ”
มู่เฟิงกำหมัดกล่าวตอบผู้าุโเจิ้งด้วยท่าทีที่ไม่ถล่มตนจนเกินไปและไม่แข็งกระด้างจนเกินไป
“เ้ากล่าวได้ถูกต้อง ยังไม่ถือว่าเกินเวลาที่กำหนด ตระกูลมู่ของเ้ายัง้าเข้ารับการประเมินหรือไม่?”
ผู้าุโเจิ้งกล่าวเสียงเรียบ
“แน่นอนขอรับ”
มู่เฟิงพยักหน้าก่อนจะนำถุงหนังออกมาและมอบให้กับผู้ดูแลการตรวจสอบ
เมื่อผู้ดูแลเปิดถุงหนังออกก็พบว่ามีกองผลึกอสูรจำนวนหนึ่งบรรจุอยู่ในนั้น ผลึกเ่าั้สีสันสดใสและเต็มเปี่ยมด้วยพลังปราณกับพลังชีวิต ในกองนี้มีจำนวนผลึกอสูรอยู่มากกว่าสามสิบชิ้น อีกทั้งในสามชิ้นนั้นยังมีพลังชีวิตอันเข้มข้นแผ่ออกมาด้วย
“มีผลึกอสูรมากมายนัก! ทั้งยังมีผลึกอสูรระดับหนิงกังอีกสามชิ้นด้วย!”
เมื่อได้เห็นดังนั้นเหล่าบัณฑิตที่รายล้อมอยู่โดยรอบต่างก็ใขึ้นมาทันที ผู้ดูแลที่ทำการประเมินก็ใเช่นกัน ส่วนทางฝั่งของหลี่ว์หยาง ลู่โหย๋วเยี่ยและเฉินเซิ่งกลับมีสีหน้ามืดครึ้มไม่น่ามอง
“ผลึกอสูรระดับหนิงกังจำนวนสามชิ้น!”
ผู้ดูแลเงยหน้ามองมู่เฟิงด้วยความใ ก่อนจะรีบหยิบมันขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ
ในขณะเดียวกัน ผู้าุโเจิ้ง ผู้าุโอู๋อี้และผู้าุโคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าใเช่นกัน
ผลึกอสูรระดับหนิงกังจำนวนสามชิ้น นี่เป็ผลการประเมินที่น่าใที่สุดสำหรับการประเมินบัณฑิตใหม่ในรอบสิบปีที่ผ่านมา
“ไม่ผิดแน่ ผลึกอสูรระดับหนิงกังเหล่านี้ล้วนเป็ผลึกอสูรที่ได้รับมาจากการสังหารอสูรร้ายภายใน่เวลาสิบวัน เ้าทำได้อย่างไรกัน?”
ผู้ดูแลมองมู่เฟิงด้วยความใ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“หนึ่งในนั้นถูกพวกเราสังหาร ส่วนอีกสองชิ้นพวกมันสังหารกันเอง พวกเราเพียงรับผลประโยชน์มาโดยไม่ต้องลงมือเท่านั้น ฮ่าๆ ตอนนั้นพวกเขาเองก็อยู่ที่นั่นด้วย”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะชี้นิ้วไปทางหลี่ว์หยางและลู่โหย๋วเยี่ย
มุมปากของลู่โหย๋วเยี่ยกระตุกในทันที ใบหน้าของพวกเขาพลันมืดมนยิ่งขึ้น แต่พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธ ภายในใจมีเพียงความรู้สึกริษยาอีกฝ่าย
“อสูรร้ายสองตัวต่อสู้กัน แต่เ้ากลับเป็ผู้กอบโกยผลประโยชน์ นับว่าโชคดีไม่น้อย”
ผู้ดูแลถึงกับพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “มู่เฟิง คะแนนการประเมินห้าหมื่นเจ็ดพันคะแนน!”
“มู่เฟิง ห้าหมื่นเจ็ดพันคะแนน!”
เมื่อผลการประเมินถูกประกาศออกมา ผู้คนก็พลันเงียบเสียงลงทันทีจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้