การประลองรอบถัดไปเริ่มต้นขึ้น มู่หนานซือกล่าวขึ้น "รอบนี้จะเป็บททดสอบของบันไดแห่งจิตใจ"
ทันใดนั้น บันไดสีดำขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นสูงเสียดฟ้า
"ผู้ที่สามารถปีนขึ้นไปถึงยอดได้ใน 30 นาทีจะได้เข้าสู่รอบสุดท้าย หากพวกเ้าหยุดกลางทางหรือไม่สามารถทนต่อภาพมายาของบันไดแห่งจิตใจได้ พวกเ้าจะถูกคัดออกทันที"
ศิษย์ทั้งหมดต่างเงียบงันไปชั่วขณะ การทดสอบจิตใจเป็อะไรที่ยากมากสำหรับพวกเขา
"เริ่มได้!"
เสียงของมู่หนานซือดังขึ้น ศิษย์ทั้ง 64 คนพุ่งขึ้นไปพร้อมกัน พวกเขามุ่งหน้าสู่บันไดแห่งจิตใจทันที
อันดับหนึ่งที่นำหน้าคือจินเทียน ด้วยความที่เขาเป็อดีตกึ่งจักรพรรดิมาก่อน สภาพจิตใจของเขาแข็งแกร่งมากจนสามารถก้าวผ่านภาพมายาของบันไดได้อย่างง่ายดาย ตามาด้วยศิษย์ทั้ง 5 คนของหานิ
1 นาทีผ่านไป
จินเทียน เขาเป็คนแรกที่สามารถทะลุผ่านชั้นที่ 90 ขึ้นมาได้ ภาพมายานับร้อยพยายามทำลายความเชื่อมั่นของเขา แต่จิตใจของเขาที่เคยเป็กึ่งจักรพรรดิในชาติก่อนนั้นแน่วแน่เกินกว่าที่ภาพลวงตาใดๆ จะทำให้เขาหวั่นไหวได้อีกต่อไป
เล่ยเฉิน ศิษย์คนแรกของหานิ ก้าวขึ้นมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง แม้ในยามที่เผชิญกับภาพมายาที่พยายามหลอกหลอนเขาด้วยความทรงจำเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็ภาพการตายของบิดา ภาพวันที่อาจารย์ทอดทิ้งเขาไปอย่างไร้เยื่อใย หรือ ในวันที่เขาถูกนอกใจโดยคู่หมั้นของเขาเอง แม้แต่่เวลาที่คู่หมั้นของเขาถอนหมั้นโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเป็ครั้งสุดท้าย รวมถึงความเ็าจากมารดาผู้ให้กำเนิด... ความทรงจำเ่าั้ถาโถมเข้าใส่เขาราวกับพายุบ้าคลั่ง
เขาจำได้ทุกอย่าง ชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ั้แ่วันที่เคยมีทุกอย่าง จนกระทั่งวันที่สูญเสียทุกสิ่ง ทุกภาพสะท้อนเ่าั้รุนแรงพอจะทำให้ใครบางคนทรุดลง... แต่ไม่ใช่เขา
เล่ยเฉินผ่านบททดสอบจากหานิมาแล้ว สิ่งเหล่านี้... ทำได้เพียงแค่ชะลอฝีเท้าของเขาเท่านั้น ไม่มีทางขัดขวางเขาที่จะมุ่งไปถึงจุดหมายได้เลย
หรงหลี่เซียน เผชิญหน้ากับภาพลวงตาที่สะท้อนความทรงจำอันเ็ป ชาวบ้านที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากนาง บัดนี้กลับกลายเป็ผู้ที่หันมาด่าทอและทรยศนางด้วยถ้อยคำที่โหดร้าย ใบหน้าเ่าั้ล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด พวกเขาสะท้อนให้เห็นถึงความผิดหวัง ความเ็ป และความเดียวดาย
กระทั่งความทรงจำบางอย่างที่ถูกเก็บลึกไว้ในจิตใจก็ผุดขึ้นมา... ภาพของนางที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอันหรูหรา และข้างกายนาง มีเด็กสาวอีกคนหนึ่งนอนอยู่ด้วย สายบางอย่างเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองคนไว้ ราวกับมีบางสิ่งที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะอธิบาย ก่อนที่ภาพเ่าั้จะจางหายไป เพราะนางสามารถก้าวผ่านมันมาได้แล้ว
ฮ่าวหยาง เผชิญหน้ากับภาพของซูไป๋หนิงที่ถูกเสือขาวขย้ำร่างจนเืสาดกระเซ็นต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกชาแล่นขึ้นสู่หัวใจชั่วขณะ แต่จิตใจอันแข็งแกร่งของเขาก็สามารถสลายภาพลวงตานั้นลงได้อย่างราบคาบ
เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ก่อนที่ภาพถัดไปจะปรากฏเป็ชายและหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่ยืนยิ้มให้เขาอย่างเป็มิตร ฮ่าวหยางเพียงยิ้มเล็กน้อย ดวงตาของเขาไร้อารมณ์ใดๆ ก่อนจะเอื้อมมือออกไป ฉีกคอของชายและหญิง 2 คนนั้นเป็ชิ้นๆ โดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา
ซูไป๋หนิง หญิงสาวผู้ถูกสลับร่างให้มาต่อสู้ดิ้นรนในโลกที่โหดร้าย นางเห็นภาพตัวเองกลับไปเป็ทาสอีกครั้ง ถูกล่ามโซ่ ถูกเฆี่ยนตี ถูกบังคับให้ทำงานทุกวันในความทรมานซ้ำซาก แต่ว่านางก็ไม่ได้ถูกทำเื่ลามกเนื่องจากหน้าตาของนางในตอนนั้นค่อนข้างน่าเกลียด
แต่ตอนนี้มันต่างจากอดีต... ดวงตาของนางตอนนี้กลับเยือกเย็นไร้คลื่นอารมณ์ นางก้าวผ่านภาพมายานั้นไปได้อย่างมั่นคง ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความลังเล
เฟิ่งหวงจุน เผชิญหน้ากับภาพลวงตาที่สะท้อนความอัปยศในอดีต เขาถูกศิษย์น้องและอาจารย์ที่ไว้ใจทรยศ ถูกทำร้ายโดยคนที่เชื่อใจ ถูกใส่ร้ายอย่างไร้เหตุผล ถูกประณามทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
เขาสูญเสียทุกอย่าง ทั้งศักดิ์ศรี ความศรัทธา และที่ยึดเหนี่ยวในชีวิต ภาพของเขาที่นั่งหมดสิ้นความหวังใต้ต้นไม้เก่า เหมือนคนที่พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่ภาพเ่าั้ไม่อาจพันธนาการเขาได้อีกต่อไป เขาเงยหน้าขึ้น สายตาเด็ดเดี่ยว ก่อนที่ภาพมายาทั้งหมดจะสลายไปอย่างเงียบงัน
ในเวลาเพียงไม่นาน ศิษย์ทั้งห้าของหานิก็สามารถก้าวผ่านไปได้สำเร็จ พร้อมกับจินเทียนที่ขึ้นเป็อันดับหนึ่ง
20 นาทีผ่านไป ผู้เข้าร่วมทั้งหกสิบสี่คนสามารถผ่านด่านบันไดแห่งการทดสอบได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมที่มองดูอย่างตื่นเต้น รายชื่อสิบอันดับแรกก็ปรากฏขึ้นบนกระดานแสดงผล
อันดับที่ 1 – จินเทียน
อันดับที่ 2 – ซูไป๋หนิง
อันดับที่ 3 – หรงหลี่เซียน
อันดับที่ 4 – ฮ่าวหยาง
อันดับที่ 5 – เล่ยเฉิน
อันดับที่ 6 – เฟิ่งหวงจุน
อันดับที่ 7 – เซี่ยหลานอี้
อันดับที่ 8 – หลานซิงเยว่
อันดับที่ 9 – ซ่งหลิงหย่า
อันดับที่ 10 – หลิวซิงเฉิน
อันดับที่ 11 – เฟิงหยาน
อันดับที่ 12 – เย่หลิน
อันดับที่ 13 – หลิวเฟิงเยว่
…….
…….
…….
…….
อันดับที่ 18 – เจียงจือเหยา
…….
…….
…….
…….
…….
…….
อันดับที่ 64 – หลงเฮ่ย
มู่หนานซือยิ้มด้วยความพึงพอใจเนื่องจากว่าศิษย์ใหม่ในปีนี้มีผลงานที่ค่อนข้างดีคนที่ช้าที่สุดทำเวลาได้ประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเอง
แต่ในขณะที่มู่หนานซือเตรียมประกาศเริ่มการแข่งขันรอบต่อไป ท้องฟ้าที่เคยเงียบสงบกลับถูกบดบังด้วยเรือบินขนาดใหญ่ 3 ลำที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน บนเรือลำหนึ่งมีธงของตระกูลจักรพรรดิอู๋โบกสะบัด ขณะที่อีกลำประดับด้วยตราของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนกะ และอีกลำหนึ่งเป็ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราเื
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้มู่หนานซือต้องใอะไรมากเนื่องจากว่านางรู้มาก่อนแล้ว และห่างออกไปในสายตาของนาง กองเรือบินอีกมากมายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สามฝ่าย แต่ยังมีกองกำลังอื่นร่วมด้วยเช่น ซึ่งนางก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
มู่หนานซือถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็า “ได้เวลาล้างแค้นแล้วไปกันเถอะ ไอ้พวกชั้นต่ำที่ไม่รู้จักจุดยืนของตัวเองไม่สมควรมีอยู่”
สิ้นสุดคำพูดของนาง พลังมหาศาลไหลเวียนผ่านปลายนิ้ว นิ้วที่มีพลังธาตุน้ำขนาดั์ปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งตรงไปที่เรือบินทั้งสามลำทันที และออร่าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ 14 คน รวมถึงกึ่งจักรพรรดิอีกมากมายพุ่งทะยานขึ้นจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ
ไป๋หลียิ้มบางๆ ขณะจ้องมองผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เบื้องหน้า เื่การเคลื่อนไหวของกองกำลังจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม พวกเขารู้ล่วงหน้ามาสักพักแล้ว
ต้นเหตุที่พวกเขารู้มันมาจากเหตุการณ์ทำลายยอดเขาแสงบริสุทธิ์เมื่อไม่นานมานี้... เหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความผิดปกติและเงื่อนงำ ความจริงแล้วมันมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ ผู้นำคนก่อนของยอดเขาแสงบริสุทธิ์จู่ๆ ก็พาศิษย์ทั้งหมดเดินทางเข้าสู่อาณาจักรลับ โดยไม่แจ้งเหตุผลแน่ชัด
ตอนนั้น พวกเขารู้สึกว่ามันแปลก แต่ก็ไม่ได้เข้าไปขัดขวาง เพราะเ้าแห่งยอดเขาแสงบริสุทธิ์ผู้นั้น เป็ผู้ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็ะ การจะควบคุมหรือสังหารเขานั้นเป็ไปได้ยากยิ่ง จนแทบจะเป็ไปไม่ได้ ความแข็งแกร่งก็จัดว่าอยู่ในระดับสูงของกึ่งจักรพรรดิ
แต่สิ่งที่พวกเขามารู้ทีหลังกลับน่าใยิ่งกว่านั้น เมื่อลูกสาวของเ้าแห่งยอดเขาแสงบริสุทธิ์ ถูกจับตัวไปและใช้เป็ตัวประกันเพื่อบังคับให้เขาพาศิษย์ทั้งยอดเขาเข้าสู่กับดัก ภายในอาณาจักรลับนั้น ศิษย์ทั้งหมดถูกนำไปเป็ อาหาร ให้กับนายน้อยแห่งตระกูลอู๋ ผู้ฝึกฝนพลังปีศาจซึ่งสามารถดูดกลืนการบ่มเพาะของผู้อื่นได้
ความน่ากลัวกว่านั้นคือ แผนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างแเี มีหลายกองกำลังร่วมมืออยู่เื้ั จากข้อมูลที่พวกเขาได้รับ มีถึง 55 ใน 100 กองกำลังอันดับแรกของโลกที่มีส่วนร่วมในการสร้างกับดักครั้งนี้
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเขาที่รู้เื่นี้ได้ต่างเก็บความเคียดแค้นไว้ในใจ พวกเขาสะสมพลังอย่างลับๆ วางแผนโต้กลับ และแอบติดต่อกับกองกำลังอื่นๆ ที่ตกเป็เหยื่อเช่นเดียวกัน เพื่อรวบรวมพันธมิตรให้มากที่สุด
พวกเขาเคยคิดจะเปิดเผยตัวตนของนายน้อยแห่งตระกูลอู๋ให้โลกรู้ว่าเขาดูดกลืนการบ่มเพาะของผู้อื่นได้ จริงๆ แล้วพวกเขาก็ได้ปล่อยข่าวเื่นายน้อยอู๋ไปบางแต่มันก็ไม่เป็ผลใดๆ เนื่องจากพวกเขามีหลักฐานไม่มากพอ แต่เมื่อสืบลึกลงไปกลับพบว่ากองกำลังที่หนุนหลังนายน้อยคนนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่งกองกำลังมากกว่าครึ่งโลกถูกควบคุมโดยตระกูลอู๋ หากโจมตีโดยไม่พร้อมมีแต่จะนำความพินาศมาสู้ตัวเองเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ และรอจังหวะลงมือเพียงครั้งเดียวให้จบทุกอย่าง และเหตุผลที่พวกเขายังคงอยู่ก็เพราะว่าอีกฝ่ายก็ทำแบบเดียวกันนั้นคือสร้างกองทัพอย่างลับๆ เพื่อเอามาโจมตีให้จบในรวดเดียว ถึงจะบอกว่าตระกูลอู๋ควบคุมกองกำลังมากกว่าครึ่งโลกแต่นั้นก็เป็แค่จำนวนเท่านั้นไม่ใช่ความแข็งแกร่ง
แต่แล้ว... าก็เริ่มต้นเร็วกว่าที่คิด เมื่อ 1 อาทิตย์ก่อน นายน้อยแห่งตระกูลอู๋ดูเหมือนจะได้รับข่าวบางอย่าง ความลับของพวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะอาจเริ่มรั่วไหลออกไป ทำให้นายน้อยอู๋ตัดสินใจลงมือก่อน เขาประกาศศึกกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเปิดเผย และพยายามดึงกองกำลังอื่นๆ เข้าร่วม โดยอ้างเหตุผลไร้สาระ ว่า้าให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะยอมมอบตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ให้ไปเป็สาวรับใช้
เหตุผลดูงี่เง่าและปัญญาอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อ แต่นั่นเป็เพียงฉากหน้า เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือการกดดัน และทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะให้สิ้นซาก
แต่สิ่งที่ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะมั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้ก็คือการทำนายอนาคตของเ้าแห่งยอดเขา์ลี้ลับ หยุนเจินอิง ในครั้งนี้ต่างหาก