วันนี้ถึงเวรเฝ้าระวังภัยของเย่ชิงหาน หน่วยเฝ้าระวังยังคงเป็ชุดเดิมและสถานที่เดิมค่ายกลเคลื่อนย้ายฝั่งตะวันออก
ตลอดทั้งคืนไม่มีนักรบต่างเผ่าถูกเคลื่อนย้ายมาแม้แต่คนเดียว แต่ทุกคนก็ชินเสียแล้ว ผู้ที่ฝึกยุทธ์ก็ฝึกไป ผู้ที่พักผ่อนก็พักไป ผู้ที่เบื่อก็หาอะไรทำไป ในที่สุดเช้าของวันรุ่งขึ้นเสียงสัญญาณเตือนดังยาวที่ติดตั้งไว้กับค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ดังขึ้น
ทุกคนตื่นตัวขึ้นมาในทันที หลายวันที่ไม่มีเหยื่อให้ล่าไม่ได้ยืดเส้นยืดสายจนตอนนี้ร่างกายแทบจะขึ้นสนิมกันไปหมดอยู่แล้ว ตอนนี้ปรากฏนักรบต่างเผ่าออกมาคนหนึ่งถ้าไม่รุมยำให้ตายคาที่คงไม่สาแก่ใจ
นักฆ่าของตระกูลฮวาหายตัวไปก่อนใคร ส่วนคนอื่นๆ ก็ลูบไม้ลูบมือเตรียมตัวต่อสู้
“กุ๊กๆๆๆ...”
พริบตาเดียวต่อจากนั้นนักฆ่าของตระกูลฮวาส่งสัญญาณระวังภัยมาอีกครั้งทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที นักฆ่าตระกูลฮวาอีกคนรีบเร่งส่งต่อสัญญาณเตือนภัยออกไปในทันทีเช่นกัน!
นี่เป็สัญญาณเตือนภัยระดับหนึ่ง ความหมายก็คือมีนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจหรือราชันย์คนเถื่อนปรากฏตัวขึ้น!
ชั่วพริบตาเดียวข้างสระน้ำพลันเกิดเสียงร้องของฝูงนกดังขึ้น เหมือนกับว่ามีมารอสูรที่ดุร้ายปรากฏตัวทำให้หมู่สิงสาราสัตว์แตกตื่นใฉันนั้น
ฟิ้ว!
เย่สือซานที่อยู่ไม่ห่างออกไปรีบเร่งรุดหน้ามาอย่างรวดเร็ว มาหยุดยืนอยู่ข้างกายเย่ชิงหานพลังปราณรบโอบล้อมหมุนวนทั่วร่าง ดวงตาเย็นะเืเต็มไปด้วยอารมณ์สู้รบที่พุ่งพล่าน...
ฟิ้วๆๆ!
ละแวกใกล้เคียงมีเสียงแหวกอากาศดังลอยมาหลายสาย เห็นได้ชัดว่าการเผชิญหน้าครั้งแรกกับนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจหรือราชันย์คนเถื่อนนั้น นักรบทางฝั่งเผ่ามนุษย์ที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบต่างให้ความสำคัญ ไม่อยากให้เกิดการาเ็ล้มตายที่ไม่จำเป็ใดๆ ขึ้น ดังนั้นจึงได้เคลื่อนพลออกมากันทั้งหมด
“สถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง?”
ฮวาเฉ่าก็มาถึงด้วยความรวดเร็วเช่นเดียวกัน ปรากฏกายยืนอยู่ข้างเย่ชิงหานแล้วเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เย่ชิงหานหันไปมองทางเขาครั้งหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ข้าก็ยังไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน นักฆ่าตระกูลเ้าส่งสัญญาณระวังภัยมา รอให้ทุกคนมารวมตัวพร้อมกันแล้วค่อยตามไปดูพร้อมๆ กันน่าจะดีกว่า”
ฟิ้วๆๆ!
ไม่นานต่อมา เฟิงจื่อ เยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่ก็ตามมาถึงติดๆ ก่อนหน้านี้ทุกคนได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าหากมีนักรบต่างเผ่าพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจหรือราชันย์คนเถื่อนปรากฏตัวออกมา นอกจากผู้ที่มีหน้าที่จำเป็จะต้องเฝ้าระวังภัยต่อ นอกนั้นทั้งหมดให้มารวมตัวกัน ระดับขอบเขตจ้าวนักรบสองคนทำหน้าที่คุ้มกัน สี่คนทำหน้าที่ล้อมโจมตี อีกหนึ่งคนทำหน้าที่ซุ่มดักรอ เช่นนี้เป้าหมายถึงจะไม่สามารถหลบหนีไปและไม่สามารถเป็อันตรายต่อสมาชิกในกองกำลังที่มีระดับพลังฝีมือต่ำกว่าได้
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของพวกนายน้อยกับคุณหนูหัวแก้วหัวแหวนของทั้งสี่ตระกูลใหญ่ เพราะนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือในระดับนี้สามารถสังหารพวกเขาได้ในพริบตา
“ไปกันเถอะ ตอนนี้พวกเราได้ล้อมมันเอาไว้แล้ว” เย่สือซานและสมาชิกที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบคนอื่นๆ ส่งกระแสเสียงกันอยู่สักพัก มองเห็นสมาชิกระดับขอบเขตจ้าวนักรบของตระกูลเยว่ที่ติดตามมาพร้อมกันกับเยว่ชิงเฉิงมาถึงแล้ว จึงได้เรียกให้ทุกคนออกไปดูพร้อมๆ กัน หาได้ยากที่จะมีนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือระดับสูงขนาดนี้ปรากฏตัวออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจและราชันย์คนเถื่อน พลังฝีมือระดับนี้ล้วนสามารถใช้เคล็ดวิชาต่อสู้และเวทมนตร์หรืออาคมต่างๆ ได้ ตอนนี้ไปศึกษาทำความเข้าใจสักหน่อยถือเป็เื่ที่ดี
ในเมื่อล้อมไว้เรียบร้อยแล้วทุกคนจึงไม่จำเป็จะต้องแอบซ่อนอำพรางกายแต่อย่างใด ะโลงจากต้นไม้ดึกดำบรรพ์แล้วมุ่งหน้าออกไปยังทิศทางนั้นในทันที
นักรบต่างเผ่าที่ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งมาคือนักรบเผ่าปีศาจพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจตัวหนึ่ง รูปร่างของมันไม่สูงมากนักลักษณะผ่ายผอมราวกับลำต้นไม้ไผ่ ทั่วทั้งตัวรวมถึงใบหน้าปกคลุมไปด้วยเกราะเกล็ดสีดำ ศีรษะเล็กแหลม ดวงตาทั้งคู่สีค่อนข้างเหลืองเล็กน้อย ั์ตาทอประกายแสงสีเขียวหดเล็กหรี่ลงในบางครั้ง
ตอนนี้นักรบเผ่าปีศาจระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจตัวนี้ถูกโอบล้อมไว้กลางทุ่งหญ้า โดยนักรบชุดดำสี่คนที่ทั่วร่างห่อหุ้มด้วยวงแหวนแสงที่กระเพื่อมไปมาอยู่ตลอด ดอกไม้ใบหญ้าโดยรอบปรากฏรอยเหยียบย่ำอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่านักรบเผ่าปีศาจตัวนี้พยายามที่จะหลบหนีแต่ทำไม่สำเร็จ
“นักรบเผ่าปีศาจประเภทปีศาจงู!”
เย่ชิงหานแค่มองเห็นนักรบเผ่าปีศาจที่อยู่ตรงหน้าก็รู้ได้ทันทีและร้องอุทานออกมาอย่างแ่เบา เขาเคยอ่านบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าปีศาจ นักรบเผ่าปีศาจตัวผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นักรบปีศาจสายพันธุ์บริสุทธิ์แท้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนประชากรของปีศาจงูในเผ่าปีศาจมีปริมาณมาก เป็สายพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งประเภทหนึ่ง ปีศาจงูรวดเร็วปราดเปรียว ทั่วทั้งร่างมีพิษร้ายแรง เป็ปีศาจที่ค่อนข้างรับมือได้ยากสายพันธุ์หนึ่ง แต่พลังโจมตีค่อนข้างต่ำ
“ในเมื่อล้อมไว้ได้ขนาดนี้แล้ว นักรบเผ่าปีศาจคนนี้ก็คงไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป รอคอยเก็บคะแนนก็พอ!” เมื่อเห็นว่าเป็ปีศาจงูเย่สือซานกลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาในทันที
เห็นทุกคนมองมาที่ตนเองด้วยความสงสัย เขาจึงพูดอธิบายขึ้น “สายพันธุ์งูแม้จะมีระดับความเร็วที่น่าใ ชำนาญการใช้สภาพแวดล้อมโดยรอบในการอำพรางตัวเพื่อลอบจู่โจม หากโดนมันกัดเข้าสักครั้งและไม่มียาถอนพิษจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หากผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบเปิดใช้งานความสามารถสนามพลังแผ่ออกมา ปีศาจงูก็จะไม่สามารถเข้าประชิดตัวได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็จะต้องเกรงกลัวพิษที่ร้ายแรงของมันอีก ตอนนี้มีเพียงแค่มันที่จะเป็ฝ่ายถูกกระทำเพียงเท่านั้น แต่พวกเ้าที่พลังฝีมือยังไม่ถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบจะต้องระวังตัวให้มากอย่าให้มันทำให้เกิดาแแม้เพียงถลอกได้เป็อันขาด หากพบเจอให้จัดการกับปีศาจงูก่อนเพราะว่าถ้าได้ถูกพิษของมันแล้วพลังความสามารถต่างๆ ภายในร่างจะค่อยๆ หายไป การเคลื่อนไหวก็จะเชื่องช้าลง หากเป็เช่นนั้นในขณะที่ทำการต่อสู้อยู่บนสนามรบ ชีวิตของพวกเ้าก็ไม่ต่างจากปลาที่อยู่บนเขียงรอให้คนมาเชือดเพียงเท่านั้น”
“อืม!”
ทุกคนพยักหน้าแสดงความเข้าใจ เื่ราวเกี่ยวพันถึงชีวิตของตนเองเช่นนี้อย่างไรก็จะต้องจดจำทุกถ้อยคำไว้เป็อย่างดี ส่วนสมาชิกของกองกำลังพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบทั้งสี่คนทำเพียงแค่โอบล้อมไว้ทั้งสี่ทิศเท่านั้นยังไม่ได้ทำการลงมือโจมตีใดๆ สนามพลังหลากสีสันแวววาวที่แตกต่างกันแผ่พุ่งไอพลังออกมาราวกับจตุรเทพทั้งสี่ที่ยืนเฝ้าประตู์
ส่วนปีศาจงูไม่ยินยอมที่จะถูกสังหารพยายามที่จะฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้ แต่ว่าไม่ว่ามันจะฝ่าออกไปยังทิศทางใดล้วนถูกขัดขวางจากนักรบเผ่ามนุษย์ที่ยืนอยู่ในทิศทางนั้นๆ โจมตีมันจนต้องล่าถอยกลับมายังที่เดิม
“นักรบปีศาจงูระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจตัวนี้ไม่เห็นจะเก่งกาจอะไรตรงไหนเลย นอกจากระดับความเร็วที่เร็วมากนิดหน่อยแล้วก็ไม่เห็นจะมีส่วนไหนที่แข็งแกร่งเลยสักนิด?” เฟิงจื่อพูดออกมาอย่างอึดอัด เห็นได้ชัดว่าปีศาจงูไม่ใช่คู่มือของบุคคลทั้งสี่อย่างแน่นอนแม้จะทำการต่อสู้กันตัวต่อตัวก็ตาม พลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตเดียวกันแต่ทำไมพลังฝีมือจริงๆ ถึงได้แตกต่างกันมากมายถึงเพียงนี้?
เย่สือซานเห็นทุกคนแสดงความสงสัยจึงได้พูดอธิบายแก่ทุกคนอย่างไม่เบื่อหน่าย “แน่นอนว่าการต่อสู้ปะทะซึ่งๆ หน้านั้น ปีศาจงูตัวนี้ไม่ใช่คู่มือของผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบ แต่ว่าหากเป็ข้าเพียงคนเดียวที่นำพาพวกเ้าทั้งหมดมาเผชิญเข้ากับมันละก็ ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นพวกเ้าคิดว่าจะเป็อย่างไร? นอกจากข้าแล้วพวกเ้าทั้งหมดน่าจะถูกสังหารเรียบ! แต่ถ้าหากนักฆ่าระดับขอบเขตนักรบของตระกูลฮวาอำพรางกายหลบหนีไปก่อนก็อาจจะมีชีวิตเหลือรอดไปได้บ้าง...”
เอ่อออ...
ดวงตาของทุกคนปรากฏแววของความหวาดกลัวขึ้น หันไปมองดูปีศาจงูที่ดวงตาทอประกายแสงสีเขียวและทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกราะเกล็ดสีดำ ภายในดวงตาของพวกเขาไม่ได้มีแววดูถูกเหมือนเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา แต่เปลี่ยนเป็รู้สึกราวกับว่าได้มองเห็นสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาแทน
เย่สือซานหยุดไปสักพักเพื่อให้ทุกคนได้ใช้เวลาครุ่นคิด จากนั้นจึงพูดอธิบายขึ้นต่อ “ระดับความเร็วของมันรวดเร็วกว่าผู้ที่มีพลังฝีมือในระดับเดียวกัน และพวกมันมีความอดทนเป็เลิศ ผู้ที่ระดับความเร็วช้ากว่ามันมีเพียงทางเลือกเดียวคือถูกมันฆ่าตายเท่านั้น ถึงแม้พลังการโจมตีของมันจะต่ำ แต่แค่เพียงถูกมันทำให้เกิดาแถลอกหรือขีดข่วนพิษของมันก็จะซึมเข้าไปภายในร่างกาย ทำให้การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง ความสามารถต่างๆ สูญสิ้น สุดท้ายจบชีวิตภายใต้กรงเขี้ยวเล็บของมัน
นักรบเผ่าปีศาจที่น่ากลัวมากที่สุดในงานประลองาระหว่างเขตปกครองก็คือปีศาจงู เป็ฝันร้ายของผู้ที่มีพลังฝีมือต่ำกว่าระดับขอบเขตจ้าวนักรบ งานประลองทุกครั้งจะมีคนตายไปเป็จำนวนมากด้วยฝีมือของพวกปีศาจงู...พวกเ้าว่ามันอ่อนแอ? พวกเ้าใช้โอกาสนี้สังเกตดูดีๆ ที่พวกเขาทั้งสี่ยังไม่ทันลงมือเพราะอยากจะให้โอกาสพวกเ้าได้ทำการศึกษาเรียนรู้ เพื่อต่อไปเผชิญหน้ากับปีศาจงูจะต้องรับมืออย่างไร”
สิ่งที่เย่สือซานพูดออกมาล้วนเป็ความรู้ที่ควรแก่การจดจำ พวกเขาไม่ได้คิดว่าเป็เื่ตลก ใบหน้าของทุกคนเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที สายตาต่างจ้องมองคอยจับสังเกตการเคลื่อนไหวของปีศาจงูอยู่ทุกขณะ ภายในหัวนึกคิดจินตนาการว่าหากเป็ตนเองที่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจงูดังเช่นในตอนนี้ควรจะรับมืออย่างไร
เย่ชิงหานขจัดความดูถูกภายในใจออกไป มองดูและครุ่นคิดเนิ่นนานจนในที่สุดจึงหาข้อสรุปออกมาได้ว่า ท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ของตนเองหากยังไม่สามารถฝึกฝนให้บรรลุถึงทักษะขั้นสูงของระดับชั้นหนึ่งย่อมไม่มีประโยชน์อันใดเมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจงู หากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจงูที่มีพลังฝีมือในระดับเดียวกันจริงๆ มีเพียงทางเดียวคือต้องใช้วิชาต่อสู้ร่างอสูรสังหารมันในพริบตาเพียงเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดศึกใหญ่สู้กันนัวเนียปีศาจงูเป็เป้าหมายแรกที่ต้องกำจัดให้ได้ก่อน เขาไม่รู้ว่าพลังสีขาวที่อยู่ในสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์แหวนทองเหลืองของเขาจะมีความสามารถในการแก้พิษได้หรือไม่ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะทดลองและไม่คิดที่จะลองด้วย...
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่ได้รับการส่งกระแสเสียงจากเย่สือซานทั้งสี่คนที่โอบล้อมอยู่เริ่มทำการโจมตีขึ้น หากชักช้ากว่านี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายอื่นๆ ปรากฏนักรบต่างเผ่าระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจหรือราชันย์คนเถื่อนขึ้นมาอีกสถานการณ์อาจจะยากที่จะควบคุมไปกว่านี้ เมื่อให้เวลาแก่ทุกคนในการสังเกตเรียนรู้ไปครึ่งชั่วโมงทั้งสี่จึงเริ่มลงมือ พวกเขาขยายสนามพลังของตนเองให้ใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว จากนั้นค่อยๆ เดินเข้าไปหาปีศาจงูที่อยู่ตรงกลาง สนามพลังของผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบเป็การปลดปล่อยพลังปราณรบออกมาแล้วพัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนี่ง สนามพลังไม่เพียงสามารถเป็เกราะป้องกัน แต่ยังสามารถจำกัดและควบคุมการเคลื่อนไหวของศัตรูได้เมื่อศัตรูเหยียบย่างเข้ามาอยู่ภายในอาณาเขตสนามพลังของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบยังสามารถใช้สนามพลังเพื่อทำการบิดเบือนการโจมตีของศัตรูที่โจมตีเข้ามาได้ด้วยเช่นกัน
สุดท้ายปีศาจงูไม่มีทางให้หลบหนีถูกสนามพลังของนักรบทั้งสี่แผ่ปกคลุมทำให้การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงไปกว่าครึ่ง จากนั้นถูกผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบของตระกูลเฟิงบังคับกระบี่บินเข้าสังหารจบชีวิตลง
“นายน้อยหานมาเก็บคะแนน!”
เย่สือชีหัวเราะแหะๆ หันมากะพริบตาให้เย่ชิงหาน เย่ชิงหานรีบะโออกไปในทันที นักรบเผ่าปีศาจที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจมีค่าหัวเท่ากับหนึ่งร้อยคะแนน ที่ผ่านมาหนึ่งเดือนเพิ่งสะสมคะแนนได้แค่ไม่กี่ร้อย แต่ตอนนี้แค่ครั้งเดียวกับสามารถเก็บได้ถึงร้อยคะแนน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาตื่นเต้นอย่างลิงโลดใจได้อย่างไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้