คำบ่นครวญของหร่านซูอวี้ทำให้หวังก่วงผิงรู้สึกหงุดหงิดมาก
เดิมทีตำแหน่งของหวังก่วงผิงและโจวกั๋วปินนั้นใกล้เคียงกัน ทว่าตอนนี้ก้าวหน้ากว่าเขาไปมากแล้ว มีเพียงเขาที่ต้องทนทุกข์อยู่ที่ไร่ในฮาร์บินตั้งหลายปี ปัจจุบันกลับมารับราชการอีกครั้งยังต้องเข้าทำงานในกระทรวงศึกษาธิการอีก
พอตอนนี้หร่านซูอวี้นำโจวกั๋วปินมาเปรียบเทียบ หวังก่วงผิงไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ยินดี
เขากลับเมืองได้หนึ่งเดือนแล้ว เื่ที่ควรสืบค้นก็ถามไถ่จนเกือบครบถ้วน
ตำแหน่งเดิมของเขาถูกแทนที่โดยโจวเหวินปังพี่ชายของโจวกั๋วปิน แม้รู้ว่ารัฐไม่อาจจัดเขาไว้ในตำแหน่งเดิมได้ หวังก่วงผิงก็ยังคงรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี โจวเหวินปังมีความสามารถอะไร คนแบบนี้ก็สามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งเดิมของเขาได้? ในขณะที่เขากลับเข้าเมืองมา กลับต้องถูกเบียดไปยังกระทรวงศึกษาธิการ!
นอกจากนี้ โจวกั๋วปินที่เมื่อก่อนมีตำแหน่งเทียบเท่ากับเขา หลายปีมานี้กลับ... หร่านซูอวี้เลือกใครไม่เลือก ดันเลือกบ้านโจวเสียได้ หวังก่วงผิงเกิดปมในใจ น้ำเสียงจึงฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
“พ่อเฒ่าตระกูลโจวยังอยู่นี่นะ ย่อมคุ้มกะลาหัวให้บ้านโจวได้ คุณจะเปรียบเทียบกับครอบครัวเขาให้ได้อะไรขึ้นมา”
ตระกูลโจวแค่โชคดี บ้านมีผู้เฒ่าประหนึ่งมีทรัพย์ [1]
มีพ่อเฒ่าโจวอยู่ ก็ดุจดั่งเสาค้ำทะเลบูรพา [2] แม้เกษียณอายุราชการแล้ว ก็ยังคงสามารถเป็ ‘เครื่องรางคุ้มภัย’ ให้โจวเหวินปังและโจวกั๋วปินได้เหมือนเดิม หวังก่วงผิงอิจฉาริษยาไปก็ช่วยไม่ได้ เขาคิดเสมอว่าตอนนั้นที่ตนเองถูกส่งไปยังชนบท ก็เพราะว่าไม่มีคนช่วยเขาได้ในยามคับขันนั่นเอง
หร่านซูอวี้รับรู้ว่าหวังก่วงผิงไม่สบอารมณ์ ก็ไม่กล้าพูดถึงตระกูลโจวต่อ
“นี่ฉันแค่เสียดายแทนเจี้ยนหัวก็เท่านั้น คนรักของโจวเฉิงเป็อย่างไร? เจี้ยนหัวดันอยู่ในชนบทจนโดนสาวบ้านนอกคนหนึ่งคล้องคอแน่นเสียได้!”
อย่านึกว่าเธอดูไม่ออก ครั้งก่อนที่เชิญครอบครัวศาสตราจารย์หลิ่วมารับประทานอาหารร่วมกัน การให้เซี่ยจื่ออวี้เข้ามาทำลายแผนการซึ่งถูกวางไว้เป็อย่างดี ก็คือความคิดของหวังเจี้ยนหัว
เพียงแต่เธอทำใจตำหนิลูกชายตนไม่ได้ แน่นอนว่าทุกอย่างจึงตกเป็ความผิดของเซี่ยจื่ออวี้
หวังก่วงผิงชมว่าความคิดตั้งชั้นเรียนกวดวิชาของเซี่ยจื่ออวี้นั้นดี สามารถช่วยหวังเจี้ยนหัวได้ หร่านซูอวี้ถึงได้ฝืนกลั้นความโกรธไว้ และยังบอกว่า้าพบพ่อแม่เซี่ยจื่ออวี้ด้วย ปรากฏว่าทางเซี่ยจื่ออวี้กลับเป็ฝ่ายถอยหลังเสียเอง เป็เพราะจงใจสงวนท่าทีเพื่อเพิ่มค่าตัวหรือไม่มีความมั่นใจกันแน่ ทว่าหร่านซูอวี้ไม่อยากสืบสาวราวเื่ ไม่ต้องคบค้าสมาคมกับพวกบ้านนอก เธอย่อมสุขใจไร้กังวลดี
“คุณจะเข้าใจอะไร เรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังกับหน้าตาสวยคือจุดเด่น แต่การหาคนที่ฉลาดเฉลียว มีความรู้และมีความคิด ช่วยเหลือลูกชายคุณได้น่ะเป็ของจริงมากกว่า!”
อย่างน้อยในตอนนี้เซี่ยจื่ออวี้ก็ยังสามารถช่วยหวังเจี้ยนหัวได้ ทำไมหวังก่วงผิงจะไม่ยอมรับเล่า?
พอมีเจี้ยนหัวร่วมมือ ชั้นเรียนกวดวิชาก็สามารถเปิดจุดกวดวิชาใหม่เพิ่มในสองฝั่งตะวันออกและตะวันตกได้ แค่นักศึกษาของวิทยาลัยฝึกหัดครูเข้ามาร่วมด้วยนั้นยังไม่พอ ถ้าด้านจิงซือต้า... หวังก่วงผิง้าจะสนับสนุนสถาบันกวดวิชาให้ยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ก็กลัวจะถูกคนอื่นล่วงรู้และมาอ้างสิทธิ์ในผลงานนี้ไป
หร่านซูอวี้ไม่มีปากเสียงอีกต่อไป
คนเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังไม่ฉลาดรึ?
สมบูรณ์พร้อมสามคุณสมบัติทั้งเรียนในมหาวิทยาลัยอันโด่งดัง มีรูปเป็ทรัพย์ และมีสมองอันชาญฉลาดปราดเปรื่อง เพิ่มชาติตระกูลดีเข้าไปอีกอย่าง นั่นถึงจะเหมาะสมกับเจี้ยนหัวที่สุด!
----------------------------------------
เมื่อโจวกั๋วปินกลับมาถึงบ้าน ป้าเจิงก็ยกผลไม้มาและบอกไว้ นี่เป็ของฝากที่เซี่ยเสี่ยวหลานนำมาให้
โจวกั๋วปินถึงกับใ หลังฟังถ้อยความที่เซี่ยเสี่ยวหลานพูดกับกวนฮุ่ยเอ๋อแล้ว เขาก็ถอนใจ “เด็กคนนี้ทำอะไรใจกว้างจริงๆ”
ดูจากคำพูดพวกนั้นของเซี่ยเสี่ยวหลาน นั่นคือการแสดงน้ำใจเอื้อเฟื้อ
ปัญหาบนโลกก็ขัดแย้งกันเช่นนี้แล จะขอให้หญิงสาวคนหนึ่งเคารพคนรักหรือสามีทุกประการ หากเป็เช่นนั้นเธอต้องยินยอมพร้อมใจเป็สตรีผู้อ่อนหวานและศรีภรรยา คิดว่าการดูแลครอบครัวให้ดีสำคัญกว่าการออกไปต่อสู้เพื่อหน้าที่การงานของตนเอง ทว่าสตรีที่ทุ่มเททั้งหัวใจให้ครอบครัว มักมีความรู้สึกนึกคิดที่อ่อนไหวมากทีเดียว เนื่องจากผู้คนที่เธอใกล้ชิดในแต่ละวันไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปนัก โลกที่รู้จักก็มีเพียงครอบครัวซึ่งกว้างใหญ่แค่ฝ่ามือ เมื่อเกิดสิ่งใดขึ้นย่อมคิดมาก... หากอยากได้การผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของทั้งสองอย่าง เช่นนั้นไม่ต่างจากฝันสักเท่าไร
แทนที่จะเลือกคนคิดเล็กคิดน้อย เลือกคนที่ใจกว้างเอื้อเฟื้อย่อมดีกว่า โจวกั๋วปินจะไม่รู้เชียวหรือว่าคนประเภทไหนคบหาง่ายดายกว่า?
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานแสดงจุดยืนแล้ว บ้านโจวจะทำอะไรได้ ทำได้เพียงคอยดูว่าสามารถปฏิบัติเหมือนที่ลั่นวาจาไว้ได้หรือไม่
กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกหม่นหมอง และเล่าเื่ที่พบหร่านซูอวี้ในวันนี้ให้สามีเธอฟัง
“แวบแรกที่เจอ ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคือเธอ เมื่อก่อนเป็คนพิถีพิถันตั้งขนาดนั้น ตอนนี้กลับใส่เสื้อผ้าพื้นๆ เห็นแล้วน่าสงสารมาก”
สำหรับเื่ส่วนตัวของเซี่ยเสี่ยวหลาน โจวเฉิงไม่เคยบอกครอบครัวอย่างแน่นอน
รวมถึงโจวกั๋วปินเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่โจวกั๋วปินรู้เื่ที่โจวเฉิงสืบข่าวเกี่ยวกับหวังก่วงผิงกลับมารับราชการเมื่อคราวก่อน โจวกั๋วปินเองก็ระวังหวังก่วงผิงไว้สามส่วนอยู่แล้ว พอได้ยินกวนฮุ่ยเอ๋อเอ่ยว่าสงสารหร่านซูอวี้ เขารีบฉีดวัคซีน [3] ให้กวนฮุ่ยเอ๋อทันที “ตอนนี้หวังก่วงผิงกลับเข้าเมืองมารับราชการอย่างเดิมแล้ว ทำงานอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ กลายเป็เพื่อนร่วมงานกับเจิ้งชิง ทว่าสองคนไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนหวังก่วงผิงคนนี้ออกจะเป็คนคิดเล็กคิดน้อยในการทำงาน ตอนนี้พี่ใหญ่กำลังครองตำแหน่งเดิมของเขา... ช่างอย่างอื่นก่อน อย่างไรก็ตามข้าราชการที่กลับเมืองมาทำงานล้วนได้รับเงินเดือนชดเชยครบถ้วนแล้ว คุณหร่านแต่งตัวเรียบง่ายเพราะมีการตื่นรู้ทางความคิดสูง ไม่ใช่เพราะชีวิตลำบากอย่างที่คุณคิดแน่นอน”
ด้วยระดับของหวังก่วงผิง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจ่ายเงินเดือนชดเชยสักสามถึงสี่หมื่นหยวน
การที่หร่านซูอวี้แต่งกายเรียบง่าย อาจเป็เพราะต้องเผชิญกับความลำบากตอนลงชนบท ทุกวันนี้ระดับความคิดจึงสูงขึ้น แม้สภาวะทางการเงินจะมั่นคงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมัธยัสถ์ได้
หรืออาจมีเจตนาอื่นแอบแฝง ถึงได้ตั้งใจแต่งกายเช่นนี้
โจวกั๋วปินแค่จะตักเตือนกวนฮุ่ยเอ๋อ บอกให้เธออย่าเห็นอกเห็นใจหร่านซูอวี้จากภาพจำแรกเท่านั้น
กวนฮุ่ยเอ๋อพยักหน้า “เดิมทีฉันก็ไม่สนิทกับเธอเท่าไรนัก ระหว่างทางเป็เธอที่ทักทายก่อน ฉันจะเดินผ่านไปโดยไม่แลได้หรือ?”
แม้หร่านซูอวี้จงใจขายความน่าเวทนาจริง ก็ไม่ถึงคราวที่กวนฮุ่ยเอ๋อต้องสงสารหรอก
พอโจวกั๋วปินพูด กวนฮุ่ยเอ๋อก็รู้ทันที ต่อจากนี้ไปคงต้องอยู่ห่างจากคนบ้านนี้หน่อยแล้ว เื่งานทุกคนล้วนปฏิบัติตามการจัดการของรัฐ ตระกูลโจวไม่ได้ติดค้างใคร ทว่าภายในใจของหวังก่วงผิงและภรรยาคิดอย่างไรกันแน่ก็ไม่อาจทราบได้ ใจคนยากแท้หยั่งถึง กวนฮุ่ยเอ๋อเองก็กลัวว่าจะเปิดปัญหาขึ้นเหมือนกัน!
----------------------------------------
หลังออกจากบ้านของโจวเฉิงมา เซี่ยเสี่ยวหลานยังรู้สึกว่าเื่ราวมันช่างมหัศจรรย์พันลึกยิ่งนัก
แต่พอครุ่นคิดอีกทีก็เข้าใจได้ กระทั่งโจวเฉิงยังรู้จักหวังเจี้ยนหัว เช่นนั้นกวนฮุ่ยเอ๋อจะรู้จักหร่านซูอวี้ก็เป็สิ่งที่สมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ?
ทว่าก่อนหน้านี้คนบ้านหวังถูกส่งลงชนบท บ้านโจวและบ้านหวังไม่มีโอกาสไปมาหาสู่กัน ตอนนี้หวังก่วงผิงกลับมารับราชการ ย่อมต้องสร้างมิตรภาพเครือข่ายของตนขึ้นมาใหม่อีกครั้งมิใช่รึ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สามารถคัดค้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของกวนฮุ่ยเอ๋อได้ เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ถ้าหร่านซูอวี้จะเข้าออกบ้านโจว เซี่ยเสี่ยวหลานพิจารณาแล้วก็คิดว่าไม่มีอะไรร้ายแรง—นั่นไม่ใช่แค่เื่น่ารำคาญใจระหว่างเธอกับหวังเจี้ยนหัวและเซี่ยจื่ออวี้หรอกหรือ คนที่ควรละอายไม่ใช่เซี่ยเสี่ยวหลาน!
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมหาวิทยาลัย เธอก็ได้เขียนจดหมายให้โจวเฉิงหนึ่งฉบับ จากนั้นก็ไปห้องสมุดเพื่อทบทวนบทเรียน จนกระทั่งยามโพล้เพล้ถึงไปกินข้าวที่โรงอาหาร พอกลับหอพักเธอก็เห็นหนิงเสวี่ยกำลังใช้กุญแจไขประตูห้อง 305
“หนิงเสวี่ย เธอกลับมาแล้ว!”
เธอตามหาตัวหนิงเสวี่ยอยู่ตั้งสองวัน ในที่สุดก็คว้าโอกาสได้
หนิงเสวี่ยไม่อยากยุ่งกับคนอื่น แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังถือกล่องข้าวพร้อมยืนจ้องเธออยู่ข้างๆ หนิงเสวี่ยจะแกล้งทำเป็ไม่เห็นไม่ได้สินะ
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากคุยเื่ ‘ผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารดีเด่น’ ?
หนิงเสวี่ยวางข้าวของลง เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงรออยู่ที่หน้าประตูจริงๆ
“สหายเซี่ย เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า?”
เซี่ยเสี่ยวหลานเมียงมองทางเดิน เวลานี้นักศึกษาที่เรียนด้วยตัวเองและออกไปเที่ยวข้างนอกกลับมาหมดแล้ว เธอไม่อยากให้การสนทนากับหนิงเสวี่ยกลายเป็เื่ซุบซิบที่ทุกคนล้วนพูดถึง
“ฉันขอคุยกับเธอหน่อยได้ไหม? พวกเราไปที่สนามกัน เดินไปคุยไปเป็อย่างไร?”
เชิงอรรถ
[1]家有一老如有一宝 บ้านมีผู้เฒ่าประหนึ่งมีทรัพย์ หมายถึง การมีคนเฒ่าคนแก่ในครอบครัวถือเป็เื่ที่ดีมาก เพราะคนสูงวัยคือศูนย์รวมจิตใจของลูกหลานในครอบครัว และด้วยความที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า ก็สามารถใช้สติปัญญาที่สั่งสมมาช่วยเหลือเกื้อกูลคนในครอบครัวได้
[2]定海神针 เสาค้ำทะเลบูรพา หรือกระบองทองสารพัดนึก (金箍棒) คือ อาวุธประจำกายของซุนหงอคง ตัวละครจากไซอิ๋ว เดิมทีกระบองทองสารพัดนึกเป็สมบัติของาาัแห่งทะเลบูรพา เป็เสาที่ค้ำอยู่ในทะเล และถูกซุนหงอคงยืมมาใช้ คำนี้มีความหมายว่า บุคคลที่มีบทบาทใน่เวลาคับขัน สามารถรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์และแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้
[3]打预防针 ฉีดวัคซีน หมายถึง ตักเตือนล่วงหน้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้