บนเพดานภายในถ้ำแห่งนี้มีอักขระมากมายสลักไว้ ที่ใจกลางของถ้ำมีแผนภาพเลือนลางอยู่หนึงภาพ ถังเหล่ยมองไม่ออกว่าแผนภาพนี้คืออะไร
พื้นที่ตรงกลางถ้ำมีโครงกระดูกอยู่ในท่านั่งโครงหนึ่งสวมเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยเพราะไม่อาจทนต่อกาลเวลาได้ รอบๆ โครงกระดูกมีก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นสามก้อน
“ศิลาเพลิงิญญา!”
ถังเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก เขาพบกับศิลาเพลิงิญญาจริงๆ แล้ว อีกทั้งเมื่อดูจากขนาดของศิลาเพลิงิญญาแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าศิลาเพลิงิญญาเ่าั้จะต้องมีระดับที่ไม่ธรรมดา
แต่ถังเหล่ยไม่ได้พุ่งเข้าไปเก็บศิลาเพลิงิญญาทั้งสามก้อนในทันที เขาััได้ว่าพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้เกิดจากศิลาเพลิงิญญาสามก้อนนี้
เกรงว่าโครงกระดูกนี้คงจะเป็ของจ้าวยุทธ์ผู้ที่สร้างถ้ำแห่งนี้ขึ้นอย่างแน่นอน
นี่คือสุสานที่เขาสร้างให้กับตนเอง!
หาก้าจะเก็บศิลาเพลิงิญญาทั้งสามก้อนนี้คงไม่ใช่เื่ง่ายอย่างแน่นอน แม้ว่าจ้าวยุทธ์ผู้นี้จะสิ้นลมหายใจไปนานกว่าพันปีแล้วก็ตาม แต่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวยังแผ่ซ่านออกมา ถังเหล่ยคาดว่าพลังงานที่แฝงอยู่ภายในโครงกระดูกนี้สามารถสังหารเขาได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ถังเหล่ยเป็เพียงผู้ฝึกตนระดับผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นห้าเท่านั้น หากเป็ถังเหล่ยในชาติก่อนเขาคงบุกเข้าไปชิงเอาศิลาเพลิงิญญานานแล้ว
ในขณะนี้ถังเหล่ยสังเกตเห็นว่าภายในถ้ำแห่งนี้มีทางออกหลายทาง ในเวลาเดียวกันกิ้งก่าเพลิงก็หยุดไล่ล่าเขาแล้ว พวกมันรู้ดีว่าหากบุกเข้ามาภายในถ้ำแห่งนี้ พวกมันก็ต้องกลายเป็ศพอย่างเช่นตัวอื่นๆ
“เหตุใดเขาจึงสร้างถ้ำแห่งนี้ขึ้น? เหตุผลในการสร้างถ้ำแห่งนี้คงไม่ใช่เพราะได้รับาเ็ แต่น่าจะเป็เพราะเขารู้ดีว่าอายุขัยของเขาไม่สามารถเอาชนะกาลเวลาได้ จึงสร้างถ้ำแห่งนี้เป็สุสานให้กับตัวเอง ไม่ได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อให้คนรุ่นหลังออกมาตามล่าหาสมบัติอย่างแน่นอน”
ถังเหล่ยเดินวนอยู่ภายในถ้ำ เขาตระหนักได้ว่าถ้ำแห่งนี้มีเพียงเขาและโครงกระดูกกับศิลาเพลิงิญญาสามก้อนเท่านั้น
หรือว่าเราจะลองดู?
ทุกครั้งที่หันมามองศิลาเพลิงิญญาสามก้อนนั้น หัวใจของถังเหล่ยก็สั่นสะท้านทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ไม่สามารถระงับความ้าได้ เขาหยิบยาเสริมพลังออกมาจากแหวนมิติเม็ดหนึ่งและรวบรวมพลังปราณในร่างกายทันที
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปที่ใจกลางของถ้ำด้วยความระมัดระวัง เขาตั้งใจเอาไว้ว่าหากเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมาจะล่าถอยออกไปทันที
ถังเหล่ยไม่จำเป็ต้องรีบร้อน ขอเพียงได้ศิลาเพลิงิญญาสามก้อนนี้มาถือว่าคุ้มแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขาครุ่นคิดอยู่ภายในใจก็คือสมบัติที่ถูกทิ้งไว้โดยจ้าวยุทธ์จะต้องเป็สมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน เพียงแค่เหตุผลนี้ก็ทำให้เขาพึงพอใจแล้ว
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว... ถังเหล่ยก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวและระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
“ข้าคิดมากเกินไปหรือความจริงแล้วจ้าวยุทธ์ผู้นี้จงใจทิ้งสมบัติไว้ให้คนรุ่นหลัง?”
แม้ว่าถังเหล่ยจะมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา แต่เขาก็ยังคงระมัดระวังตัวเช่นเดิม และไม่มีท่าทีว่าจะลดความระวังลงด้วยซ้ำ
ถังเหล่ยก้าวเดินอย่างช้าๆ จนในที่สุดเขาก็เข้าประชิดโครงกระดูกได้ เมื่อมาถึงเขาก็ยื่นมือออกไปัักับอีกฝ่ายทันที เขาพบว่ายอดฝีมือระดับจ้าวยุทธ์ผู้นี้น่าจะรู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังจะสิ้นลมหายใจจึงเลือกที่จะตายในท่านั่งเช่นนี้
เสื้อผ้าบนโครงกระดูกเกือบจะสลายไปหมดแล้ว ด้านข้างมีเศษเสื้อผ้าบางส่วนร่วงอยู่ที่พื้น แต่ความจริงก็ทำให้ถังเหล่ยต้องตกตะลึง โครงกระดูกโครงนี้มีอายุมากกว่าพันปีแล้วแต่ยังคงขาวราวกับหยก จู่ๆ เขาก็มีความคิดตลกๆ ขึ้นมาว่าหากนำร่างนี้ไปขายจะต้องมีมูลค่าสูงอย่างแน่นอน
ถังเหล่ยเผยแววตาแห่งความโลภออกมาทันทีเมื่อจ้องมองร่างที่อยู่เบื้องหน้า หากยอดฝีมือระดับจ้าวยุทธ์ผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ เขาคงลงมือสังหารถังเหล่ยไปั้แ่เขาคิดที่จะนำกระดูกของตนไปเป็สมบัติแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ภายในกระดูกส่วนทรวงอกของก็มีแสงแวววาวออกมา ภาพนี้ทำให้ถังเหล่ยแทบจะไม่สามารถควบคุมสติเอาไว้ได้
แหวนมิติของยอดฝีมือระดับจ้าวยุทธ์!
ทันทีที่เห็นถังเหล่ยเผยรอยยิ้มบนใบหน้าออกมา ทรัพยากรที่อยู่ภายในแหวนมิติของยอดฝีมือระดับจ้าวยุทธ์ผู้นี้จะล้ำค่ามากเพียงใดไม่สามารถจินตนาการได้
คิดได้ดังนั้นถังเหล่ยจึงตัดสินใจเก็บแหวนมิติของอีกฝ่ายทันที ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็สมบัติของผู้าุโ หากเขาไม่เก็บแหวนมิติของอีกฝ่ายกลับไปจะถือว่าเป็การเสียมารยาทอย่างมาก
ทันทีที่ถังเหล่ยยื่นมือเข้าไปก็เกิดคลื่นพลังความร้อนมาจาก้า แต่ความร้อนที่แผ่ลงมาจาก้าไม่สามารถขัดขวางความ้าของเขาได้ เขากัดฟันหยิบแหวนมิติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาหยิบแหวนขึ้นมาได้เปลวเพลิงก็ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาแล้ว
ถังเหล่ยพยายามใช้เปลวเพลิงสีทองคลุมร่างกายของตัวเองเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันความร้อนนี้ได้ เสื้อผ้าของเขาถูกเผาจนสิ้นซากและสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเปลวเพลิงที่ร้อนแรงนี้สามารถแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาได้ด้วย เปลวเพลิงไหลเข้าไปในเส้นชีพจรของเขาโดยตรง
“อ๊า!”
ทันทีที่เปลวเพลิงทะลวงเข้าไปในร่างของถังเหล่ย เขาส่งเสียงครวญครางออกมาด้วยความเ็ป เสียงกรีดร้องอันบ้าคลั่งของเขาดังออกไปถึงปากถ้ำ
ทันใดนั้นเหนือศีรษะของถังเหล่ยก็ปรากฏร่างของวิหคกำลังกระพือปีก ร่างของมันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง หลังจากนั้นวิหคั์ก็พ่นไฟอันร้อนแรงปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา สิ่งที่วิหคั์ตัวนี้้าก็คือทำลายจุดเทียนของอีกฝ่าย
แผดเผาิญญายุทธ์ภายในร่าง!
ทันทีที่เปลวเพลิงัักับจุดตันเถียนของถังเหล่ยก็ปรากฏเปลวเพลิงสีทองสายหนึ่งออกมา ไม่กี่ลมหายใจต่อมาด้านหลังของเขาก็ปรากฏภาพธรรมของัคชสารสีทอง
หลังจากการปรากฏตัวของัคชสาร เปลวเพลิงสีทองในจุดตันเถียนของถังเหล่ยก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว และยังสามารถขจัดเปลวเพลิงของอีกฝ่ายออกจากร่างของเขาได้อีกด้วย
ทันใดนั้นวิหคเพลิงที่อยู่เหนือศีรษะของถังเหล่ยก็ััได้ถึงอันตราย มันจึงเพิ่มพลังการโจมตีขึ้นไปอีกขั้น แต่ลมหายใจต่อมาเปลวเพลิงที่ปกคลุมร่างของเขากลับสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อวิหคเพลิงเห็นัคชสารที่ปรากฏอยู่เหนือศีรษะถังเหล่ย มันก็มีท่าทีราวกับหนูเจอแมว ลมหายใจต่อมาวิหคเพลิงก็รีบบินหนีหายไปในเพดานถ้ำ หลังจากนั้นัคชสารสีทองก็กลับเข้าสู่ร่างของเขา
ในเวลานี้สติของถังเหล่ยกลับมาเป็ปกติ เมื่อครู่นี้เขาคิดว่าตัวเองจะต้องกลายเป็ศพอย่างแน่นอน เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เขาจึงถอยกรูจนแผ่นหลังติดกับก้อนหิน
ทั่วร่างกายของถังเหล่ยอาบไปด้วยเหงื่อ พลังปราณภายในร่างของเขาเกือบจะถูกเผาผลาญจนหมดสิ้น และพลังงานมหาศาลที่เก็บเอาไว้ในจุดตันเถียนตอนแรกก็หายไปมากกว่าครึ่ง
ส่วนิัก็มีแผลซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ ยังดีที่ไม่ร้ายแรงมากนัก
“เกือบตายไปแล้ว!”
ถังเหล่ยถอนหายใจยาวออกมา และหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมากินทันที ในเวลานี้เองอีกทางเข้าของถ้ำมีเด็กสาวกับเด็กชายคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา
“เ้าเป็ตัวอะไร!”
เด็กสาวจูงมือเด็กชายเข้ามาภายในถ้ำ หลังจากนั้นก็พบเจอกับสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนมนุษย์ผิวกายสีดำสนิทนางก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
……