"เด็กคนนี้เป็อะไรของเขานะ?"
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก
เขามาหาใครบางคน แต่พอเห็นเธอกลับวิ่งหนี สงสัยคนที่มาหาจะไม่ใช่เธอ
แต่เขาไม่เคยพบเหลียนเซวียนมาก่อน ไม่น่าจะมาพบเขา
เช่นนั้นก็คงมาหาอูหลันฮวาไม่ก็ซีมู่เซียง
อาเหลยปีนข้ามรั้ววิ่งไปหาเด็กชายคนนั้น แล้ววิ่งวนรอบตัวเขา เด็กชายลูบหัวของมัน ทั้งสองดูสนิทสนมกันมาก
เซวียเสี่ยวหรั่นพลันรู้สึกฉุนเล็กน้อย อาเหลยรู้จักผู้อื่นนานแค่ไหนกันเชียว ถึงสนิทสนมกันขนาดนั้น
แต่เธอก็สามารถเข้าใจได้ อาเหลยไปเล่นที่หลังเขาทั้งวัน เด็กชายคนนี้น่าจะอยู่แถวนั้นเลยมาเล่นกับมันเป็ประจำ ดังนั้นอาเหลยถึงสนิทสนมกับเขา
"ต้าเหนียงจื่อมีอะไรหรือเ้าคะ" อูหลันฮวาได้ยินเสียงข้างนอก ก็เดินออกมาจากห้องโถง
เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปที่เด็กชายตัวผอมซึ่งยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
"เ้ารู้จักเขาไหม"
"สือโถว" อูหลันฮวาเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอู้อี้
"เขาชื่อสือโถวเองหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินก็ตระหนักได้ "เขามาเดินวนเวียนอยู่แถวนี้สักพักแล้ว ดูเหมือนจะมาหาใครสักคน เ้าเข้าไปถามทีสิ ว่าเขา้าอะไร"
"เ้าค่ะ" อูหลันฮวาตอบรับก่อนผลักประตูออกไป
แม้เด็กชายคนนั้นจะยังคงหวาดระแวง แต่กลับไม่เดินหนี
ดูท่าคงจะมาหาอูหลันฮวา เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นว่าไม่ใช่ธุระของตนเองจึงหันหลังกลับไปลับมีดต่อ
แต่ไม่ช้า อูหลันฮวาก็วิ่งกลับมาสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตายังเผยแววหวาดวิตกหลายส่วน
"ต้าเหนียงจื่อ เกิดเื่ใหญ่แล้วเ้าค่ะ"
พอนางกล่าวจบ เหลียนเซวียนก็ถือไม้เท้าออกมาจากห้อง
"เกิดอะไรขึ้น"
น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นะเืราวกับน้ำแข็ง ทำให้อูหลันฮวาตื่นตระหนกในชั่วพริบตา
"สือโถวบอกว่ามีคนร้ายจะมาปล้นเงินของพวกเราคืนนี้เ้าค่ะ"
พอหลันฮวารู้สึกตื่นเต้นก็จะยิ่งพูดไม่ชัด
"คนร้าย? ปล้นเงิน? ใครหรือ?" เซวียเสี่ยวหรั่นกลับได้ยินแจ่มชัด เธอถือมีดที่ลับจนวาววับลุกขึ้นทันควัน
"ข้า... ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาบอกแต่ว่ามีคนร้าย" อูหลันฮวาได้ยินข่าวก็รีบวิ่งมารายงาน ไม่ได้ซักถามรายละเอียด
"เ้าพาเด็กคนนั้นเข้ามา" เหลียนเซวียนออกคำสั่ง
"สือโถวใจเสาะ ไม่กล้าเข้าใกล้คนแปลกหน้าหรอกเ้าค่ะ" อูหลันฮวาลำบากใจอยู่บ้าง
"ข้าจะไปตามเขามาเอง" ซีมู่เซียงยืนหน้าซีดอยู่ที่ประตูห้องโถง เห็นชัดว่าใกับสิ่งที่ได้ยิน แต่นางก็ยังเดินเข้าไปหาเด็กผู้ชายคนนั้น
เห็นนางก้มศีรษะกระซิบสองสามประโยคกับเด็กชาย เขาลังเลใจอยู่นาน ถึงยอมให้ซีมู่เซียงจูงเข้ามา
เขาไม่สวมรองเท้าเหมือนเดิม เท้าเปลือยเปล่าทั้งสกปรกและเต็มไปด้วยาแ มือที่ซีมู่เซียงจูงอยู่ก็ทั้งดำและหยาบกร้าน มีาแทั้งเก่าและใหม่มากมาย
ใบหน้าซูบผอมขับเสริมให้ดวงตายิ่งกลมโตอย่างน่าประหลาด
"สือโถว เล่าสิ่งที่เ้าได้ยินให้ต้าเหนียงจื่อกับหลางจวินฟังอีกรอบ" ซีมู่เซียงตบๆ แผ่นหลังที่ขดงอเล็กน้อยของเด็กชาย "ไม่ต้องกลัวนะ ต้าเหนียงจื่อกับหลางจวินเป็คนดี"
เด็กชายที่มีนามว่าสือโถวมองชายร่างใหญ่แววตาเคร่งขรึมน่ายำเกรงด้วยสีหน้าหวาดระแวง แต่เขาก็ค่อยๆ เอ่ยปาก
"่เที่ยงวัน ข้าไปเด็ดลูกหม่อนบนเขาในเขตเต้าจื่อหลิ่ง ได้ยินคนกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนากันอยู่"
เซวียเสี่ยวหรั่นยังจำเหตุการณ์ที่เขาปีนหน้าผาเพื่อไปเก็บลูกหม่อนได้ดี เด็กคนนี้เที่ยวหาของกินไปทั่วเลยหรือ?
เสียงของเขาแหบแห้ง ไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำนัก ดูเหมือนจะไม่คุ้นเคยกับการคบหาสมาคมกับผู้อื่น
สวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ไม่พอดีตัว เสื้อผ้าเก่าซอมซ่อขาดเป็รูโบ๋หลายแห่ง จนมองเห็นเรือนร่างที่มีหนังหุ้มกระดูก
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็รู้สึกแสบปลายจมูกอย่างไม่อาจสะกดกลั้น นึกถึงตอนแรกพบเหลียนเซวียน เขาก็ผอมจนเห็นกระดูกชัดเจนแบบนี้ไม่มีผิด
สือโถวเล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากเต้าจื่อหลิ่งให้พวกเขาฟังด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
มีบุรุษเจ็ดแปดคนจับกลุ่มปรึกษาหารือกันว่าจะก่อการใหญ่ มีคนบอกพวกเขาว่าขู่หลิ่งถุนมีคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวท่าทางร่ำรวยมาอยู่ใหม่ ขายสัตว์ป่าได้ไม่น้อย มีเงินในมือขั้นต่ำนับร้อยตำลึง
พวกเขากำลังพักฟื้นรักษาอาการาเ็ที่ท้ายหมู่บ้าน ที่นั่นอยู่ไกลจากหมู่บ้าน และค่อนข้างเปลี่ยว หากเกิดอะไรขึ้นน้ำไหลย่อมไม่อาจดับไฟใกล้
บุรุษผู้เป็หัวหน้าครอบครัวทั้งตาบอดและขาหัก แต่มีกำลังภายในอยู่บ้าง อาศัยฝีมือปามีดบินอันแม่นยำในการล่าสัตว์
มีผู้หนึ่งในคนกลุ่มนั้นหยิบควันยาสลบออกมา บอกว่าถึงเวลาจะเป่าของสิ่งนี้เข้าไปในเรือน รับรองได้ว่าคนข้างในต้องหมดสติอย่างแน่นอน
คำบอกเล่าของสือโถวทำให้ทุกคนหน้าถอดสี
"สือโถว พวกเขาไม่เห็นเ้าหรือ" พอนึกถึงสถานการณ์ที่เด็กคนนี้เผชิญมา เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกเหงื่อตกแทน
สือโถวหันมามองพลางส่ายหน้า
พอคนเ่าั้ลงไปถึงตีนเขา ตนเองก็พรางตัวบนต้นไม้ไม่กล้าขยับเขยื้อน เขารู้จักสองสามคนในกลุ่มคนเ่าั้ ส่วนใหญ่เป็อันธพาลกับพวกบัดซบไม่เป็โล้เป็พายในขู่หลิ่งถุน ยังมีพวกที่ลักเล็กขโมยน้อยเป็อาชีพอีกสองสามคน
ล้วนแต่เป็คนสามานย์โเี้จิตวิปริตกันทั้งนั้น
"ขอบใจเ้ามาก ที่มาช่วยแจ้งข่าวให้พวกเรา" แม้เซวียเสี่ยวหรั่นจะหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่กลับไม่วิตกเพราะมีเหลียนเซวียนอยู่
ถึงอย่างไรเด็กผอมที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ก็เสี่ยงอันตรายมาแจ้งข่าวพวกเขา ทำให้เธอซาบซึ้งใจยิ่งนัก
หากถูกคนเ่าั้พบเข้า ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็คงไม่เหลือ
สือโถวเหลือบมองเธอปราดหนึ่ง หลังจากนั้นก็ก้มลงมองลิงน้อยข้างกาย
"ท่านเป็เ้านายของลิงน้อยหรือ มันมิอาจไม่มีนาย"
เสียงแหบแห้งของเขาแฝงความอ่อนโยน
เขาชอบอาเหลยขนาดนี้เชียวหรือ เซวียเสี่ยวหรั่นหัวใจสะดุดเล็กน้อย
"ต้าเหนียงจื่อสือโถวไม่โกหกแน่ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี หรือไม่คืนนี้ข้าจะอยู่เฝ้าเวรยาม ถ้าพวกเขากล้ามา ข้าจะตีกลองร้องป่าวเรียกคนทั้งหมู่บ้านมาเหมือนกัน" อูหลันฮวาเดินก้าวออกมา สีหน้าฉายแววเด็ดเดี่ยว
เซวียเสี่ยวหรั่นอมยิ้ม แต่ความคิดของอูหลันฮวาไม่เลว "นี่เป็ความคิดที่ดี ตีข่าวให้ทั้งหมู่บ้านล่วงรู้ โจรชั่วเ่าั้คงไม่หาญกล้าเกินไปนัก
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเหลียนเซวียน
เหลียนเซวียนแววตาเ็า ทั่วร่างกำจายรังสีเยียบเย็น
"แม่นางซี รบกวนเ้าไปเชิญผู้าุโซีมาที่นี่"
ซีมู่เซียงกัดฟันพยักหน้า บิดานางเป็คนพาแขกมา ถูกพวกอันธพาลจากเต้าจื่อหลิ่งหมายตา ก็ควรต้องมาปรึกษาหารือกันสักหน่อย
นางรีบวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน
"ต้าเหนียงจื่อ ข้าจะไปหาท่อนไม้ขนาดเหมาะมือ คืนนี้ใครกล้าเข้าใกล้เรือนของพวกเรา ข้าจะตีพวกเขาให้ฟันร่วงหมดปากไปเลย" อูหลันฮวามีอุปนิสัยตื่นตระหนกได้ง่าย
เซวียเสี่ยวหรั่นดึงนางไว้ "หลันฮวา อย่าใจร้อน รอพวกท่านลุงซีมาก่อนค่อยปรึกษาหารือวางแผนกัน"
อูหลันฮวาจึงต้องหยุดพูดและการกระทำเพียงแค่นั้น
"สือโถว เ้ากินมื้อเที่ยงแล้วหรือยัง ในหม้อยังมีโจ๊กร้อนๆ อยู่ ยกมาให้เ้าสักชามดีหรือไม่"
เื่คืนนี้ปล่อยให้เป็หน้าที่ของเหลียนเซวียน เธอหันมาสนใจเด็กชายผอมแห้งเหลือแต่กระดูกตรงหน้าแทน
สือโถวได้ยินคำว่าโจ๊กร้อนๆ ก็กลืนน้ำลายอย่างไม่อาจสะกดกลั้น แต่เขาก็ไม่พยักหน้า
"เอาล่ะ สือโถว ข้าจะไปตักโจ๊กมาให้ เ้าคงไม่ได้กินข้าวมานานแล้วสิ คอยก่อนนะ" อูหลันฮวามีปฏิกิริยาตอบสนอง รีบเดินเข้าไปในครัว
สือโถวค่อนข้างสนิทชิดเชื้อกับอูหลันฮวา เซวียเสี่ยวหรั่นมองดวงหน้าน้อยซูบซีดอย่างใช้ความคิด
