เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งลง ยกหม้อจากชั้นวางขึ้นตั้งบนเตาหิน
ไม่มีน้ำตาลทรายแดง แต่น้ำร้อนต้องมี
หลังต้มน้ำเสร็จ เธอก็หาเข็มถักออกมา แล้วเอาใยจากเถาเฮ่อมาฟั่นเป็เส้นด้ายก่อนจะเริ่มถักผ้าผืนยาวขนาดเท่าผ้าอนามัยให้ตัวเอง
ในเมื่อไม่มีความพร้อม เธอก็ต้องลงมือสร้างปัจจัยขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง
ผ้าจากเฮ่อดูดซับน้ำได้ดี ด้ายเส้นละเอียดฟั่นให้หนาหน่อย นำมาถักเป็สามชั้นก็น่าจะอยู่ได้นานหน่อย
ผ้าชิ้นที่ใช้แล้วเอาไปซักตากให้แห้งก็นำมาใช้อีกได้ รอประจำเดือนหมด เอาไปตากให้แห้งแล้วเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไป
เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งบนเสื่อฟางด้วยสีหน้าจริงจัง เข็มในมือพลิกขึ้นพลิกลงไม่หยุด
เหลียนเซวียนเติมฟืนเข้าไปในเตา เขารู้ว่านางกำลังถักสิ่งของบางอย่างอยู่ แต่การนิ่งเงียบไม่พูดจาเช่นนี้ดูไม่คล้ายเป็วิสัยของนางเลย
คนที่รู้สึกไม่ชินหาใช่เพียงแค่เขาคนเดียว อาเหลยกินเกาลัดเสร็จก็เข้ามายืนจ้องเซวียเสี่ยวหรั่นตาไม่กะพริบ เหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เธอถึงได้เงียบนัก
อาเหลยร้องเรียกสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา มันจึงตั้งท่าจะหย่อนก้นลงนั่งบนเสื่อของเธอ
"เฮ้ อาเหลย ห้ามนั่งเสื่อของข้านะ" เซวียเสี่ยวหรั่นห้ามมันไว้ "เ้าขับถ่ายไม่เช็ดก้น จะมานั่งบนเสื่อของข้าไม่ได้"
เหลียนเซวียนถึงกับสำลัก นึกถึงลิงน้อยเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้เขาอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่ามันขึ้นมานั่งบนเสื่อของตนเองหรือไม่
เหลียนเซวียนค่อยๆ ม้วนเสื้อสองด้านอย่างเงียบเชียบ เหลือพื้นที่เฉพาะส่วนที่ตนเองนั่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นลากเสื่อของอาเหลยจากอีกด้านเข้ามาใกล้ ให้มันกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
นั่นคือเสื่อที่เธอสานให้อาเหลยโดยเฉพาะ
อาเหลยเข้าใจความหมายของเธออย่างง่ายดาย มันจึงกลับไปนั่งเสื่อของตนเอง
ข้างเตาหิน มีเกาลัดที่สุกแล้วสองสามลูก เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบส่งให้อาเหลย
ั้แ่เธอพบว่าฟันของลิงแหลมคมมาก สามารถกัดเปลือกของเกาลัดได้โดยไม่เปลืองแรง ก็ไม่ช่วยปอกเปลือกให้มันอีก
อาเหลยชอบความรู้สึกที่ตนเองมีของกินของใช้เหลือเฟือ
"โอ้ ดีจริงๆ ตราบใดที่มีของกิน เ้าก็มีความสุข ไม่ทุกข์ร้อนอะไรแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นมองอาเหลยที่กินอย่างมีความสุขพลางทอดถอนใจ "ไหนเลยจะเหมือนคนอย่างพวกเรา มีเื่วิตกกังวลประดังเข้ามาทุกวี่ทุกวัน"
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปถักผ้าของเธอต่อ แต่หนนี้เธอไม่เงียบอีกต่อไป เริ่มพูดงึมงำไปเรื่อยๆ ตามกิจวัตร
"แต่ว่ากันว่าแดนโลกีย์สลับซับซ้อน ความทุกข์นานัปการเฉกเช่นเส้นผมมากมายบนศีรษะของมนุษย์ ตัดไม่ขาด วางไม่ลง เห็นไม่แจ้ง ลืมไม่ได้ ส่วนใหญ่ทุกข์เพราะหาเื่ใส่ตัวทั้งนั้น แต่ถ้าไร้ความทุกข์กังวลเหล่านี้ ทุกคนมิปลงผมออกบวชตามพระพุทธองค์ไปกันหมดแล้วหรือ"
เหตุใดมนุษย์ถึงเป็ทุกข์
พุทธองค์ตรัสว่า โลกนี้เดิมทีไม่มีอะไร ทุกข์มาจากความยึดมั่นถือมั่น เรียกร้องเกินไป หัวใจก็ไม่สงบ แต่หากเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง จิตใจย่อมสูงขึ้น
ฟังดูเหมือนเข้าใจปรุโปร่ง แต่ให้ทำขึ้นมาจริงๆ จะมีสักกี่คนที่ทำได้ ปล่อยวางได้
เหลียนเซวียนเหม่อลอยเล็กน้อย
"ปลงผมใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับการสวดมนต์ภาวนาหน้าตะเกียงดำภายในวัดอันเงียบเหงาวังเวงไปชั่วชีวิต กินแต่หัวไชเท้ากับเต้าหู้ทุกวัน การตัดขาดจากภาระผูกพันคือหมดทุกข์แล้วอย่างนั้นหรือ เฮ่อ... เช่นนั้นข้าขอเก็บเส้นผมไว้บนศีรษะของตนเองตามเดิมดีกว่า"
มือของเซวียเสี่ยวหรั่นเคลื่อนไหวไม่หยุด ปากของเธอก็ไม่ว่างเช่นกัน
อาเหลยเหลือบมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนแทะเกาลัดต่อไป สำหรับมันแล้ว การปราศรัยยาวเหยียดของเธอไม่ต่างอะไรกับฟังพระภิกษุท่องพระสูตร
เหลียนเซวียนได้สติ ก็หันด้านข้างมองมาที่นาง แววตาอ่อนโยนไม่น้อย
แท้จริงแล้ว แดนโลกีย์มีความทุกข์ร้อนมากมาย ผู้ที่ยังลุ่มหลงในกิเลสตัณหาเหมือนมัจฉาแหวกว่ายไปตามกระแสนที ยอมที่จะจมดิ่งอยู่ในวังวนความวุ่นวาย ดีกว่าต้องชำระอายตนะทั้งหกให้ใสสะอาด ปล่อยวางความยึดมั่นทั้งปวง และหลบหนีจากไตรภูมิ [1]
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกได้ถึงการจับจ้องของเขา จึงเงยหน้ายิ้มให้เล็กน้อย
"จะว่าไปแล้วตอนนี้พวกเราก็กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่อยู่ไม่ใช่หรือ เหลียนเซวียน ท่านว่าพวกเราควรเริ่มออกเดินทางกันเมื่อไรถึงจะดีที่สุด"
เหลียนเซวียนนึกไม่ถึงว่านางจะถามเื่นี้ขึ้นมากะทันหัน เขาขบคิดก่อนเขียนคำตอบ
"หลังหิมะตก? หา ที่นี่มีหิมะตกด้วยหรือ"
เซวียเสี่ยวหรั่นตกตะลึง ในความรู้สึกของเธอ ่นี้อากาศชื้นและหนาวเย็น ก็น่าจะเป็เขตพื้นที่ทางใต้ แต่ถ้ามีหิมะตก ก็คงจะพูดยากแล้ว
เหลียนเซวียนพยักหน้า พื้นที่ส่วนใหญ่ของเทือกเขาเยว่หลิงซันล้วนปกคลุมไปด้วยหิมะ ดูแค่ว่ามีชั้นหิมะปกคลุมหนาเท่าไร
"หิมะตก ไม่ใช่เื่ตลกเลย" แค่ได้ยิน เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกหนาวจับใจขึ้นมาแล้ว
ตำแหน่งที่หมู่บ้านของเธอตั้งอยู่ ไม่เคยมีหิมะตกมาก่อน ่ที่หนาวสุดบนูเาก็มีเพียงแค่น้ำค้างแข็งเท่านั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่เคยเห็นหิมะของจริงมาก่อน
คำเล่าขานในอินเทอร์เน็ตกล่าวว่า คนทางใต้สามารถต้านทานความหนาวเหน็บของทางเหนือได้ เพราะทางเหนือหนาวแบบแห้งแล้งยังพอมีความอบอุ่นอยู่บ้าง แต่ทางใต้ในห้องยังเย็นะเืยิ่งกว่าด้านนอก
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นคิดว่า ฤดูกาลที่มีหิมะตกถ้าอยู่ข้างนอกนานเกินไป ไม่ว่าจะเป็คนทางใต้หรือคนทางเหนือ ก็หนาวจนเป็น้ำแข็งได้เหมือนกัน
แม้ว่าพวกเขาจะมีถ้ำเป็ที่อยู่อาศัย แต่จะอยู่อย่างสงบสุขได้ใน่เวลาที่หิมะตกหรือเปล่า
เซวียเสี่ยวหรั่นมองไปที่ประตูซึ่งมีลมผ่านเข้ามาได้ด้วยสีหน้าวิตกกังวล "ต้องรีบอุดช่องว่างของประตูบานนี้โดยเร็วที่สุด"
เหลียนเซวียนนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเขียนอักษรบนพื้น
"หืม? ท่าน้ามีด? เอาไปสิ จะไปล่าสัตว์หรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งมีดให้เขา พร้อมกับเอ่ยถามหนึ่งประโยค
เหลียนเซวียนส่ายหน้า ไม่พูดอะไรอีก ขณะลุกขึ้นก็ไม่ลืมที่จะม้วนเสื้อเก็บ
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นท่าทางตอนหลังสุดของเขาแล้ว ก็อดขำพรืดออกมาไม่ได้
นี่เขากำลังป้องกันอาเหลยไปนั่งบนเสื่อของตนเองหรือ ฮ่าๆ
เงาหลังของเหลียนเซวียนแข็งค้างเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ เดินออกไปจากถ้ำอย่างสุขุม
"เหลียนเซวียน ถ้า้าความช่วยเหลือ ก็เคาะก้อนหินให้สัญญาณมานะ" เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับ
แม้ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ดวงตาของเขามองเห็นไม่ชัด อย่างไรเสียก็ต้องเอาใจใส่มากหน่อย
เหลียนเซวียนไม่หันกลับไป แต่โบกมือไปด้านหลัง
เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งเงียบๆ อยู่ข้างกองไฟ ถักแถบผ้าใช้เฉพาะทางของตนเองไป
หลังจากน้ำในหม้อเดือดแล้ว เธอก็ดื่มน้ำร้อนถ้วยหนึ่ง สีหน้านับว่าดีขึ้นมาบ้าง
เธอวิ่งออกไปฟังเสียงข้างนอกอยู่เป็ระยะ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเคาะสักครั้ง
จนกระทั่งผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ถักแถบผ้าชิ้นที่สองใกล้เสร็จแล้ว แต่ยังคงไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวอะไรเลย เธอเริ่มจะนั่งไม่ติด
เหลียนเซวียนออกไปนานแล้ว
ขณะเดินออกไปจากปากถ้ำ คิดจะไปตามหาละแวกใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงลากของครืดๆ
พอหันไปมอง เหลียนเซวียนกำลังลากของบางอย่างมาแต่ไกล กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างช้าๆ
"ท่านไปตัดหญ้ามาหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งเข้าไปหา เห็นด้านหลังของเขามีหญ้าป่ายาวๆ มัดหนึ่ง เธออึ้งไปเล็กน้อย
เป็เพราะเธอบ่นเมื่อครู่ ดังนั้นเขาจึงยอมเสียเวลามากมายออกไปตัดหญ้ากลับมาเสริมประตู
เซวียเสี่ยวหรั่นมองแผ่นหลังเหยียดตรงของเหลียนเซวียน รู้สึกซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร
เขาเป็จอมยุทธ์ตามตัวมีแต่าแ สถานการณ์ตอนนี้ทั้งตาบอดและเป็ใบ้ ในร่างกายยังมีพิษบ้าบอแฝงอยู่ แค่เดินยังต้องออกแรงมาก แต่ด้วยถ้อยคำพร่ำบ่นเพียงประโยคเดียวของเธอ เขาถึงกับฝ่าลมหนาวหนึ่งชั่วโมงตัดหญ้ากลับมา
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกอบอุ่นใจขณะเดียวกันก็รู้สึกแสบปลายจมูก
"เหลียนเซวียน เมื่อก่อนท่านคงเป็จอมยุทธ์ผู้ผดุงคุณธรรม ช่วยเหลือคนอ่อนแอและผู้ตกทุกข์ได้ยากเป็แน่"
เหลียนเซวียนสำลัก หมวกที่แม่นางผู้นี้สวมให้เขานับวันก็ยิ่งเลื่อนเปื้อนมากขึ้นทุกที
...
[1] ไตรภูมิ หรือสามโลก เป็คติเกี่ยวกับโลกสัณฐานตามความเชื่อในศาสนาพุทธ ประกอบด้วยกามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้