เขาเป็คนฉลาดปานใด เมื่อสักครู่อยู่ในสถานการณ์คับขันจึงไม่ทันได้คิดอะไรถี่ถ้วน ตอนนี้ทุกอย่างสงบลงแล้ว ในใจกลับเต็มไปด้วยข้อสงสัยที่ผุดขึ้นมา
“เ้ารู้จักเซวียนหยวนเช่อหรือ” เขาถามกดดัน “เ้าเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร”
เขาพลันจับข้อมือของนางไว้ ดวงตาเหยี่ยวคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร “เป็เขาที่ส่งให้เ้าเข้ามาใกล้ชิดกับข้าหรือ”
ข้อมือของเฟิ่งเฉี่ยนถูกบีบจนรู้สึกเจ็บ นางจึงออกแรงต่อสู้ “ปล่อยข้า! บุญคุณความแค้นระหว่างท่านกับเขา พวกท่านไปหาวิธีคลี่คลายกันเอง สร้างความลำบากใจให้กับสตรีคนหนึ่งนึกว่ามีความสามารถนักหรือไร ยังมีอีก ข้าจะพูดกับท่านอีกครั้งหนึ่ง! ข้าไม่ได้รู้สึกสนใจท่านแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครบังคับข้าให้ทำสิ่งที่ข้าไม่อยากทำได้! เซวียนหยวนเช่อทำไม่ได้ ท่านเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน!”
มู่หรงจิ่งเทียนจ้องนางเขม็ง ราวกับ้ามองนางให้ทะลุปรุโปร่ง หลังจากเนิ่นนาน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย หัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดี “พูดเช่นนี้แล้ว แสดงว่าเ้าเต็มใจหรือ”
“หา?” เฟิ่งเฉี่ยนไม่ทันตั้งตัวชั่วขณะ บุรุษผู้นี้เปลี่ยนสีหน้าเร็วยิ่งกว่าการพลิกเปิดตำราเสียอีก!
ริมฝีปากบางเฉียบของมู่หรงจิ่งเทียนยกขึ้นเป็รอยยิ้มโปรยเสน่ห์เต็มที่และพูดกับตัวเองว่า “เปิ่นไท่จื่อน่าจะนึกออกตั้งนานแล้วว่า เซวียนหยวนเช่อไม่ใช่คนชอบใช้ประโยชน์จากสตรีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน หาไม่แล้วครั้งนั้นขอเพียงเขายอมแต่งน้องสาวของข้า ไม่ว่าจะเป็อำนาจ ตำแหน่งล้วนตกมาอยู่ในมือ แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนี้ ดังนั้น ไม่มีทางที่เขาจะส่งเ้าเข้ามาใกล้ชิด คำอธิบายเพียงอย่างเดียว...”
เขาพลันออกแรงสะบัดแขนทำให้นางตกอยู่ในอ้อมกอดของตน “คำอธิบายเพียงอย่างเดียวก็คือ เ้ายินดีที่จะเข้ามาใกล้ชิดเปิ่นไท่จื่อเอง”
นิ้วมือเรียวยาวนั้นเชยคางของเฟิ่งเฉี่ยนขึ้นมา สายตาที่มองนางของเขาทำให้นางรู้สึกขนลุกขนพอง “บอกมา เ้าคิดนอกลู่นอกทางกับเปิ่นไท่จื่อนานแล้วใช่หรือไม่”
ข้า?เฟิ่งเฉี่ยนพบว่าเขาเป็ดาวหายนะของนางจริงๆ!
พบคนเช่นเขา นางที่นับได้ว่าเป็คนมีฝีปากก็ยังต้องจนด้วยคำพูด
นางอ้าปาก แต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี นางไม่เคยพบไม่เคยเห็นบุรุษที่เข้าข้างตัวเองและหลงตัวเองอย่างร้ายกาจถึงขีดสุดเช่นเขามาก่อน!
มีเสียงเ็าดังขึ้นในโสตประสาทของนางในตอนนี้เอง “มานี่!”
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นพบว่าเซวียนหยวนเช่อยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขามองนางด้วยสายตาเยียบเย็น ดูเหมือนจะสงบนิ่งทว่ากลับแฝงนัยเย้ยหยันและดุดัน นี่เป็ท่าทีก่อนที่เขาจะเกรี้ยวกราด
นางรู้ว่าเขาโมโหแล้ว!
เขาจะไม่โมโหได้หรือ ตอนนี้ฮองเฮาของเขาถูกบุรุษอีกคนหนึ่งโอบไว้ในอ้อมกอด ซ้ำยังถูกคนผู้นั้นเชยคางอีกด้วย ขอเพียงเป็บุรุษล้วนต้องโมโหทั้งสิ้น!
เดี๋ยวนะ เมื่อสักครู่เขาพูดว่า “มานี่” มิใช่ “ปล่อยนาง” นี่ทำให้เฟิ่งเฉี่ยนโกรธมากเช่นกัน
หรือเขามองไม่ออกเลยหรือว่านางถูกบีบบังคับ หรือเขาคิดว่านางเป็ฝ่ายเต็มใจโผเข้าสู่อ้อมกอดผู้อื่นหรือ
นางปัดมือของมู่หรงจิ่งเทียนที่เชยคางนางออกแล้วดิ้นรนต่อสู้และกล่าวว่า “ข้าขอเตือนท่านให้รีบปล่อยข้าซะ! หาไม่แล้วสามีของข้าจะบันดาลโทสะแล้วนะ!”
มู่หรงจิ่งเทียนเลิกคิ้ว “สามีเ้า? เ้าออกเรือนแล้วหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะตวัดสายตามองเซวียนหยวนเช่อ “ถูกต้อง ข้าออกเรือนแต่งให้ผู้อื่นไปแล้ว ดังนั้นข้าไม่เคยคิดนอกลู่นอกทางกับท่านเลย!”
ั์ตาของมู่หรงจิ่งเทียนหดแคบลงเล็กน้อย “บอกข้ามา สามีของเ้าเป็ใคร เปิ่นไท่จื่อจะสังหารเขาด้วยมือของข้าเอง!”
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดสายตามองเซวียนหยวนเช่ออีกครั้ง แววตาเ้าเล่ห์พาดผ่านดวงตาของนาง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “นั่นก็ต้องดูว่าท่านจะมีความสามารถนี้หรือไม่”
“น่าขัน! ใต้หล้านี้ไม่มีใครที่ข้ามู่หรงจิ่งเทียนสังหารไม่ได้!” มู่หรงจิ่งเทียนเลิกคิ้วท่าทีผยอง “พูดมา สามีของเ้าเป็ใครกันแน่”
เฟิ่งเฉี่ยนคลี่ยิ้ม นิ้วเรียวขาวราวกับต้นหอมชี้ไปข้างหน้าขณะยิ้มบางๆ “คือเขา เซวียนหยวนเช่อ!”
มู่หรงจื่ออวิ๋นเพิ่งจะตามมาทันจากด้านหลัง นางเพิ่งจะเดินเข้ามาใกล้ก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง ร่างทั้งร่างของนางราวถูกสายฟ้าฟาดลงมาอย่างกะทันหัน นางไม่อยากเชื่อ
“อาเช่อ ที่นางพูดเป็ความจริงหรือไม่ พวกท่าน...”
เซวียนหยวนเช่อไม่ได้แยแสนาง เขาถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยนแล้วยื่นมือขวาออกมาขณะพูดด้วยเสียงเยียบเย็น “มานี่!”
เฟิ่งเฉี่ยนเหนื่อยหน่าย เขายังคงเข้าใจว่านางเป็ฝ่ายโผใส่อ้อมกอดผู้อื่นใช่หรือไม่
“เซวียนหยวนเช่อ ท่านมีตาหรือไม่ ท่าน...” พูดได้เพียงครึ่งประโยค ข้างหน้าพลันเกิดลมพายุหมุนลูกหนึ่ง เซวียนหยวนเช่อเหินกายเข้ามารวดเร็วราวกับพญาอินทรีย์ ดูเหมือนเขาใช้เวลาเพียงแค่สายฟ้าแลบก็กุมหัวไหล่ของนางเอาไว้ ผลักหนึ่งครั้ง ดึงหนึ่งครั้ง ยกตัวขึ้นแล้วหมุนตัว ฟ้าดินหมุนกลับสลับสับเปลี่ยน ยังไม่ทันรอให้นางตั้งตัวติด ร่างของนางทั้งร่างก็ถูกย้ายจากอ้อมกอดของคนๆ หนึ่งไปสู่อ้อมกอดของคนอีกคนหนึ่ง!
นางเงยหน้าขึ้นมองเขาขณะอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา กระพริบตาปริบๆ และกระพริบตาปริบๆ อีกครั้ง นาทีนี้นางรู้สึกว่าเซวียนหยวนเช่อเท่ะเิไปเลย!
เซวียนหยวนเช่อไม่แม้แต่จะเหลือบแลมองนาง เขาพูดเสียงเนิบๆ มองมู่หรงจิ่งเทียน “คืนสิ่งของของจิ่งเทียนไท่จื่อกลับไปเสีย แม้แคว้นเป่ยเยียนของเราจะเป็แคว้นเล็กๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกสักตัวไม่ได้”
เฟิ่งเฉี่ยนฉุกคิดได้ นางรีบปลดเสื้อคลุมจิ้งจอกออกแล้วยื่นให้กับมู่หรงจิ่งเทียน “ขอบพระทัยฝ่าาที่ทรงเมตตา สมบัติคืนสู่เ้าของ!”
สีหน้าของมู่หรงจิ่งเทียนย่ำแย่ถึงขีดสุด สายตาที่จ้องมองเฟิ่งเฉี่ยนนั้นเหมือนจะกินนางลงไป เขารับเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกกลับมา ดวงตายังเต็มไปด้วยไฟโทสะที่เพียงแค่แตะก็ลุกโหมได้ ขณะที่เขากำลังจะบันดาลโทสะ ชิวหลิงรีบเข้ามา “ทูลองค์ไท่จื่อ เกิดเื่แล้วเพคะ!”
มู่หรงจิ่งเทียนตกตะลึง “เ้าเป็ใคร”
มองใบหน้าราวกับหัวสุกรของอีกฝ่ายแล้วเขาถึงกับจำไม่ได้
ชิวหลิงก้มหน้าลงอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี “บ่าว บ่าวคือ ชิวหลิงเพคะ”
มู่หรงจื่ออวิ๋นถึงกับตื่นตะลึง “ชิวหลิง เกิดเื่อันใดขึ้น ไฉนเ้าจึงกลายเป็เช่นนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะออกมาพรืดหนึ่งด้วยกลั้นไม่อยู่จริงๆ
เซวียนหยวนเช่อตวัดสายตามองนาง พร้อมกับเข้าใจอะไรบางอย่างรางๆ
ชิวหลิงได้ยินเสียงหัวเราะ เมื่อช้อนตาขึ้นมองคนผู้นี้มิใช่นางจิ้งจอกแล้วจะเป็ใครได้ นางจึงเกรี้ยวกราดทันที “ทูลไท่จื่อ เป็นางที่ขโมยหมูเทพหนึ่งร้อยตัวไปเพคะ!”
รอบด้านพลันเงียบสงัดในพริบตา
ทุกคนล้วนกำลังใคร่ครวญคำพูดของนาง
ขโมยหมูเทพหนึ่งร้อยตัว นี่มันหมายความอย่างไรกัน
มู่หรงจิ่งเทียนและมู่หรงจื่ออวิ๋นสบตากันปราดหนึ่ง มู่หรงจื่ออวิ๋นกล่าวขึ้นว่า “ชิวหลิง เ้าพูดผิดหรือไม่ หมูเทพหนึ่งร้อยตัว มิใช่มีคนของพวกเราและอาจารย์ผู้ฝึกสัตว์ช่วยกันดูแลพวกมันอยู่หรอกหรือ”
“ถูกขโมยไปแล้วเพคะ! ถูกขโมยไปทั้งหมดแล้ว!” ชิวหลิงชี้นิ้วสั่นระริกไปที่เฟิ่งเฉี่ยนด้วยความโมโห “หม่อมฉันเห็นเงาร่างของคนผู้นั้น นางสวมเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกของฝ่าา หม่อมฉันแน่ใจว่าไม่ได้มองผิดไป คนๆ นั้นก็คือนางเพคะ!”
สายตาของทุกคนล้วนพุ่งมาที่ร่างของเฟิ่งเฉี่ยนโดยพลัน!
เซวียนหยวนเช่อมองมาทางเฟิ่งเฉี่ยนด้วยแววตาแฝงนัยล้ำลึก เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้หลบตาเขา นางพูดโดยไม่ร้อนตัวแม้แต่น้อย “แม่นาง เ้าถูกคนตบตีจนเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่ ข้าเป็สตรีบอบบางคนหนึ่ง ไร้เรี่ยวแรงกระทั่งจะฆ่าไก่ อย่าได้กล่าวถึงหมูเทพหนึ่งร้อยตัวเลย กระทั่งหมูธรรมดาๆ ตัวหนึ่งข้าก็จับเอาไว้ไม่อยู่ หากเ้าคิดจะกุเื่ขึ้นมาใส่ร้ายป้ายสีข้า ก็ปั้นเื่ให้เหมือนจริงสักหน่อย เ้าคิดว่าไท่จื่อของพวกเ้าเป็คนโง่เขลาหรือ”
พูดมาถึงตรงนี้นางพลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงสายตาแฝงนัยคู่หนึ่งที่มองมา สายตานั้นราวกับกำลังพูดว่า เยี่ยงเ้าน่ะหรือที่เรียกว่าสตรีบอบบางไม่มีเรี่ยวแรงกระทั่งจะฆ่าไก่ เช่นนั้นใต้หล้านี้คงไม่มีสตรีบอบบางอีกแล้ว
เฟิ่งเฉี่ยนไอแค่กๆ อย่างร้อนตัว จากนั้นจึงพูดต่อด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ “ยังมีอีก เ้าแอบหลงรักเ้านายของตนเอง เห็นข้าเป็ศัตรูหัวใจ ทันทีที่ฝ่าาออกไปพวกเขาก็บีบบังคับให้ข้าจากไป ทั้งยังส่งคนตามไปสังหารข้าด้วย บัญชีนี้จะสะสางกันอย่างไรดีเล่า”
นางตลบหลังกลับด้วยการเปิดโปงความในใจของชิวหลิง ชิวหลิงลนลานทันที “เ้า เ้าพูดจาเหลวไหลอันใดกัน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้