เมื่อวานเยี่ยสุยสืบทราบแล้วว่า สตรีนามซ่งอวี้คนนี้อยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวโดยไร้ที่พึ่งพิง เขาได้ยินมาว่านางทั้งยากจนทั้งยังเป็คนอ่อนแอ มักจะถูกรังแก แต่ยามนี้ที่ได้พูดคุยกับนาง นางวางตัวสุภาพเรียบร้อย คำพูดของนางแฝงไปด้วยความมั่นใจ ทั้งยังดูเหมือนจะมองการณ์ไกล แตกต่างจากสิ่งที่ได้ยินมาเล็กน้อย ช่างมีความหมายเหลือเกิน
วันที่สอง ซ่งอวี้ตื่นแต่เช้า พบว่าหลี่เฉิงกลับมามีไข้ต่ำๆ อีกครั้ง นางจึงตัดสินใจว่าจะกลับเรือน
ข้าวของเครื่องใช้ในกระท่อมบนหุบเขานั้นเรียบง่าย ไม่มีแม้แต่เกลือในการทำอาหาร นางจึงคิดว่าจะไปเอาข้าวของเครื่องใช้ที่บ้าน มาใช้บนหุบเขาบางส่วน ตั้งใจจะอยู่บนหุบเขาสองสามวัน จะได้สะดวกในการดูแลหลี่เฉิง ทั้งยังสะดวกในการเก็บสมุนไพรด้วย
หลังจากทำอาหารเช้าให้หลี่เฉิงเสร็จ นางกำชับข้อควรระวังไม่กี่ข้อให้เขา จากนั้นก็ลงเขาไป ขณะที่นางกลับมาถึงเรือนและกำลังเก็บข้าวของอยู่นั้น เฉินต้าฮวาก็บุกเข้ามาด้วยความขุ่นเคือง เมื่อเดินเข้ามาถึงก็ด่าทอทันที “ซ่งอวี้ นางคนสารเลว บอกข้ามาตามตรง เ้าได้ใส่อะไรลงไปในข้าวสารใช่หรือไม่!”
ซ่งอวี้วางของในมือลง มองไปที่นางด้วยแววตาเยือกเย็น “เฉินต้าฮวา เ้าเป็สุนัขบ้าหรือ เช้าขนาดนี้ก็วิ่งมาบ้านข้าไล่กัดคนไปมั่วซั่ว!”
“ต้องเป็กลอุบายของเ้าอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นข้าคงไม่อ่อนแรงไปทั้งตัวหลังจากกินข้าวของเ้า!” เฉินต้าฮวากัดฟันพูด
ซ่งอวี้หัวเราะ “ช่างน่าขันยิ่งนัก เคยได้ยินแต่กินข้าวแล้วมีเรี่ยวแรง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ากินข้าวแล้วไร้เรี่ยวแรง สามีของเ้ากินข้าวของข้าแล้วไม่มีแรงเช่นนั้นหรือ? ลูกๆ ของจ้ากินข้าวของข้าก็ไร้เรี่ยวแรงเช่นเดียวกันกับเ้าอย่างนั้นหรือ?”
เฉินต้าฮวาชะงัก ไม่ได้ตอบคำถาม
ซ่งอวี้รู้ดี สามีและลูกของเฉินต้าฮวาไม่เป็อะไรอย่างแน่นอน นางจึงพูดเสียงดังขึ้น “หากเ้ายืนกรานจะบอกว่าข้าวของข้ามีปัญหาก็ไม่ใช่เื่ยาก พวกเราเอาข้าวสารไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ให้เขานำข้าวสารไปตรวจ หากตรวจแล้วมีปัญหา เช่นนั้นข้ายอมให้เ้าลงโทษตาม้า แต่หากไม่มีปัญหา เช่นนั้นเ้าต้องคืนข้าวสารกระสอบนี้ให้ข้า เ้าว่าดีหรือไม่?”
“คืนให้เ้าหรือ ฝันไปเถอะ!” เฉินต้าฮวาปฏิเสธทันที
“ในเมื่อเสียดาย เช่นนั้นเหตุใดต้องมาหาเื่ข้ากัน? เห็นชัดว่าเ้าเป็บ้าเอง แต่กลับมาหาเื่ข้า ข้าจะให้ผู้ใหญ่บ้านมาตัดสินความยุติธรรม!”
เมื่อได้ยินซ่งอวี้พูดคำว่าผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยเหตุผล เฉินต้าฮวาก็รู้สึกหวาดกลัว นางแสร้งทำตัวน่าเกรงขามเหมือนเสือกระดาษ [1] “ซ่งอวี้ ข้าว่าเ้าทำตัวดีๆ หากข้าจับพิรุธของเ้าได้ เ้าเจ็บหนักแน่!”
พูดจบนางก็หันหลังแล้ววิ่งกลับไป ซ่งอวี้ที่รู้สึกยินดีกับความทุกข์ของคนอื่น ร้องะโไล่หลังเฉินต้าฮวา “พี่เฉินวิ่งช้าๆ ประเดี๋ยวจะสะดุดล้มเข้า!”
ผงซานชีกระตุ้นเืและช่วยในการห้ามเื เมื่อใส่เข้าไปในน้ำ คนทั่วไปดื่มแล้วไม่เป็อะไร แต่สตรีที่กำลังมีระดูไม่อาจดื่มได้ เพราะมีฤทธิ์กระตุ้นเืทำให้เืไหลไม่หยุด เมื่อเืไหลมาก มือและเท้าย่อมอ่อนแรง
เห็นเฉินต้าฮวาพ่ายแพ้ ซ่งอวี้สะใจยิ่งนัก เก็บข้าวของแล้วเดินขึ้นหุบเขาไป ระหว่างทางนางก็ถือโอกาสเก็บสมุนไพรที่ใช้เป็ประจำไปด้วยเล็กน้อย
เมื่อไปถึงกระท่อม เห็นแสงแดดเจิดจ้า นางจึงพยุงหลี่เฉิงนั่งบนเก้าอี้ แล้วพาเขาออกไปอาบแดด พูดคุยกันเล็กน้อย นึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งเก็บสมุนไพรมา จึงหยิบออกมาตากแดดบนกิ่งไม้
หลี่เฉิงเห็นนางทำด้วยความชำนาญ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “เ้าแยกแยะสมุนไพรเป็ รวมถึงรู้จักการรักษาโรคได้อย่างไร?”
หญิงกำพร้าที่สูญเสียบิดามารดาั้แ่เล็ก ทว่ากลับมีความสามารถในการรักษาโรค เื่นี้ทำให้เขาแปลกใจจริงๆ
ซ่งอวี้ยิ้มบางๆ ตอบ “ท่านพ่อสอนข้าเมื่อครั้งยามที่ท่านยังมีชีวิต ท่านพ่อเป็นักสมุนไพร เก็บสมุนไพรเป็ประจำ ท่านสอนให้ข้าแยกแยะสมุนไพรั้แ่เล็ก หลังจากที่ท่านพ่อสิ้นใจ ข้าพบตำราแพทย์ในเรือน จึงฝึกฝนการรักษาโรคด้วยตนเองเ้าค่ะ”
แม้เป็เื่ที่แต่งขึ้นกะทันหัน แต่ก็ถือว่ามีความสมเหตุสมผล
หลี่เฉิงฟังคำพูดของนางแล้วพบว่าไม่มีช่องโหว่ จึงไม่ได้ถามอะไรอีก
ตอนเย็นซ่งอวี้ทำอาหารอยู่ด้านนอก ส่วนหลี่เฉิงจับเก้าอี้เดินกะเผลกเข้าไปดื่มน้ำในห้อง เขาบังเอิญเห็นห่อผ้าเก็บหน้ากากผีที่อยู่ใต้เตียง
ห่อผ้าเปิดออก เผยให้เห็นหน้ากากด้านใน หัวใจของหลี่เฉิงพลันเต้นแรง หันไปมองนอกประตู เห็นซ่งอวี้ทำอาหารด้วยความตั้งอกตั้งใจ เขาอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
นางน่าจะเห็นห่อผ้านี้แล้ว แต่กลับไม่พูดถึงเื่นี้แม้แต่น้อย ดูท่าจะเป็สตรีที่เฉลียวฉลาด รู้ว่าชาติกำเนิดของเขาและเยี่ยสุยไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ถามอันใดมากมาย เพื่อเลี่ยงไม่ให้หายนะมาสู่ตน
เป็เช่นนี้ ซ่งอวี้อยู่บนหุบเขาสามสี่วัน นอกจากดูแลหลี่เฉิงแล้วก็ไปเก็บสมุนไพร ทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ มีเื่ให้พูดคุยกันมากขึ้น
ซ่งอวี้สนใจเื่ในเมืองหลวงนัก สิ่งที่นางถามหลี่เฉิงมากที่สุดก็คือสถานการณ์ในเมืองหลวง ทั้งยังถามเื่การเมืองในปัจจุบัน จากที่หลี่เฉิงเล่า ทำให้นางรู้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของแคว้นเป่ยเฉินในปัจจุบันยังคงมั่นคง องค์รัชทายาทคือโอรสของสนมคนโปรดของฮ่องเต้ นามว่าเฟิงเจียง โอรสอีกหลายคนก็ถูกแต่งตั้งเป็ท่านอ๋องแล้ว
าแที่เท้าของหลี่เฉิงค่อยๆ ดีขึ้นทุกวัน แต่เขายังมีไข้ต่ำ ไม่หายดี ข้อนี้ทำให้ซ่งอวี้แปลกใจยิ่งนัก วันหนึ่งขณะที่นางกำลังตากสมุนไพรอยู่นั้น จู่ๆ ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว
เชิงอรรถ
[1] เสือกระดาษ หมายถึง สิ่งที่ดูน่าเกรงขามแต่ความเป็จริงไร้อำนาจและไม่อาจทนการต่อต้านได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้