เจตจำนงสังหารพลันปะทุออกมาจากร่างของเสิ่นเสวียน ทันทีที่เจตจำนงสังหารปะทุออกมา ผู้เฒ่าจี๋เล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ััได้ถึงความเย็นะเือย่างชัดเจน
แม้เจตจำนงสังหารนี้จะไม่รุนแรงมาก แต่กลับส่งผลกระทบต่อจิตใจคน ทั้งยังให้ความรู้สึกถึงการเป็ผู้สูงส่งอีกด้วย
คล้ายกับว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้เป็เพียงผู้ฝึกตนขั้นราชันคนหนึ่ง แต่เหนือกว่านั้นมาก
“หากกลัวคงไม่ให้เ้ามาหรอก”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังขึ้นเคล้าเสียงหัวเราะ ฟังดูล่องลอยแ่เบา
“เช่นนั้นท่านบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของท่านให้ข้ารู้ได้หรือไม่”
เสิ่นเสวียนครุ่นคิดพลางกล่าว เขาสงสัยในตัวตนของเสวียนหลิงเอ่อร์มาก อีกฝ่าย้าให้เขาช่วยเหลือ ในสถานการณ์ที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย เขาไม่มีทางปฏิเสธเด็ดขาด
“ไม่ใช่ว่าเ้าเองก็ไม่ได้บอกข้าเหมือนกันหรอกหรือ เก็บความลับไว้ดีกว่าบอกออกไป เ้าคิดว่าใช่หรือไม่”
“อืม ที่ท่านกล่าวมาก็ถูกต้องแล้ว”
เสิ่นเสวียนหยุดคิดแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา
“คนผู้นั้นที่เข้ามาถึงที่นี่ น่าจะเป็เ้าที่ดึงดูดเข้ามาใช่ไหม”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังขึ้นอีกครั้ง คล้ายจะล้วงความลับของเสิ่นเสวียนให้ถึงที่สุด
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ความจริงแล้วท่านออกมาคุยกันต่อหน้าเลยดีกว่า”
“ตอนนี้ออกไปไม่ได้ ข้าช่วยเ้าดูแลเสี่ยวเม่ยอยู่”
เมื่อเสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวจบ เสิ่นเสวียนจึงสังเกตภายในมิติทันที และได้เห็นสีหน้าของเสิ่นเสี่ยวเม่ยค่อยๆ ดีขึ้น เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยต้องรับมือกับพลังรุนแรงเ่าั้ได้อย่างยากลำบาก แม้จะทำสำเร็จได้แต่ก็อาจต้องทุกข์ทรมาน
เสวียนหลิงเอ่อร์สวมชุดแดงยืนอยู่กลางอากาศด้านหลังของเสิ่นเสี่ยวเม่ย ไอพลังจิติญญาเซียนที่เป็เอกลักษณ์ห่อหุ้มร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ยเอาไว้ ทำให้ไอพลังของเสิ่นเสี่ยวเม่ยมั่นคงขึ้น
ความจริงแล้วเสิ่นเลี่ยนก็เหมือนกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย ได้รับความเ็ปเหมือนๆ กัน ทว่าไม่มีใครช่วยเขาเลย เขาต้องแบกรับความทรมานนั้นด้วยตนเอง
“ข้ารู้เจตนาของเ้าดี แต่ร่างกายของนางบอบบางมาก ความทรมานเช่นนี้ไม่แน่ว่าจะดีสำหรับนาง” เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าว
“ขอบคุณท่านมาก”
เสิ่นเสวียนกล่าวขอบคุณเสวียนหลิงเอ่อร์ด้วยความจริงใจ จิตใจของสตรีละเอียดอ่อนกว่าบุรุษมากจริงๆ เื่ที่เขาคิดไม่ถึง อีกฝ่ายกลับคิดถึง
“หยุดทำเื่ขลาดเขลาได้แล้ว ไปทำสิ่งที่ควรทำ ในเมื่อพวกเราต่างรู้ถึงตัวตนของกันและกันแล้ว ข้าไม่มีทางทำร้ายเ้า คนผู้นั้นที่ตามมา เ้าอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ภายหน้าคงได้ร่วมมืออย่างเป็สุข”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวอย่างไม่จริงจังนัก
อย่าลืมว่าคนผู้นั้นที่ตามมาเป็ถึงจักรพรรดิเซียนแห่งอาณาจักรเซียน!
“ร่วมมืออย่างเป็สุข”
เสิ่นเสวียนยิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ดึงจิติญญาออกจากมิติกลับเข้าไปในร่าง
ส่วนเสิ่นเลี่ยนที่ไม่มีใครสนใจยังคงพยายามอดทนต่อความเ็ปอย่างยากลำบาก
นี่คือความแตกต่างของลูกสาวที่ถูกเลี้ยงดูเป็อย่างดี และลูกชายที่ถูกเลี้ยงดูอย่างยากลำบาก
พลังที่พวกเขาดูดซับเข้าไปคือส่วนที่เสิ่นเสวียนแบ่งออกมาจากการผสานก่อกำเนิด แต่เพียงแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการฝึกฝนของพวกเขาแล้ว หรือกระทั่งมีพลังมากพอที่จะเก็บกักไว้ภายในร่างของหุ่นเชิดเ่าั้ด้วย
เสิ่นเสวียนหลับตาลง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนพลังที่พลุ่งออกมาจากร่างกาย
เสี่ยวเหยียนยังคงอยู่ภายในมิติของผังเมืองซานเหอ ตอนนี้เสิ่นเสวียนไม่ได้รบกวนเสี่ยวเหยียน การเลื่อนขั้นครั้งนี้ทำให้มันหมดพลังไปไม่น้อย มันกำลังใช้ไอพลังหลิงชี่ภายในผังเมืองซานเหอฟื้นฟูพลังที่หมดไป
เมื่อเห็นเสิ่นเสวียนลืมตาขึ้น ผู้เฒ่าจี๋เล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นอย่างระแวดระวัง
“เรียบร้อยแล้วหรือ”
เขาในตอนนี้เหมือนเด็กคนหนึ่งที่กำลังหวาดหวั่น
เสิ่นเสวียนและเสวียนหลิงเอ่อร์เรียกได้ว่าอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งเขามีอายุน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เดิมทีคิดว่าจะได้รับศิษย์สักคนหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอบรรพบุรุษเช่นนี้
“เรียบร้อยแล้ว”
เสิ่นเสวียนจัดระเบียบร่างกายแล้วส่งยิ้มให้ผู้เฒ่าจี๋เล่อ
“ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว”
“ประมาณครึ่งปีกระมัง”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“ครึ่งปี?”
เสิ่นเสวียนรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่ได้ประหลาดใจที่ใช้เวลานาน แต่ประหลาดใจที่ใช้เวลาไปเพียงครึ่งปี
เขายังจำได้จนถึงทุกวันนี้ ตอนที่เขาหลอมรวมหยวนก่อกำเนิดสามธาตุในชาติก่อน เขาใช้เวลาถึงเก้าสิบเก้าวัน ทำลายสถิติในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรไปแล้ว แต่นั่นเป็เพียงหยวนก่อกำเนิดสามธาตุ เขายังใช้เวลาถึงสามเดือนกว่า
จากการคิดคำนวณของเขา ครั้งนี้เขาน่าจะใช้เวลาฝึกฝนราวแปดเดือน คิดไม่ถึงว่าการหลอมรวมหยวนก่อกำเนิดหกธาตุจะสำเร็จได้ใน่เวลาครึ่งปีเท่านั้น
คิดได้ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ ที่สภาพแวดล้อมในการฝึกฝนของที่นี่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรมาก
น่าเสียดายที่สภาพแวดล้อมในการฝึกฝนเช่นนี้ ผู้ฝึกตนกลับหมกมุ่นอยู่กับการดูดซับพลังเพื่อชำระล้างร่างกายเท่านั้น ไม่ได้ฝึกตนล้ำลึกลงไป ไม่อย่างนั้นการฝึกฝนในโลกนี้คงรุ่งเรืองยิ่งกว่าโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่รู้กี่เท่า
ตอนนี้เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนกำลังฝึกฝนอยู่ภายในมิติ เสี่ยวเหยียนก็กำลังฟื้นฟูพลังอยู่ภายในผังเมืองซานเหอ หากเป็่เวลาปกติ เสิ่นเสวียนคงใช้พลังทั้งหมดเพื่อเปิดผังเมืองซานเหอออกแล้ว ทว่าเขายังไม่ค่อยเชื่อใจผู้เฒ่าจี๋เล่อที่อยู่ตรงหน้าสักเท่าไร
สุสานแห่งนี้อยู่ในการควบคุมของอีกฝ่าย หากฝ่ายนั้นมีเจตนาร้ายขึ้นมาจริงๆ ตนจะเป็อย่างไรก็มิอาจรู้ได้
ขอเพียงได้ออกไปจากสุสาน หาสถานที่ปลอดภัยสักแห่งแล้วค่อยเปิดผังเมืองซานเหอ
ในเมื่อตอนนี้ยังไม่เกิดอะไรขึ้น ก็ควรจะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว
“ผู้าุโจี๋เล่อ ข้าคงต้องไปแล้ว ขอบคุณมากที่ดูแลข้า่ที่ผ่านมา”
เสิ่นเสวียนพลันก้มหัวคารวะผู้เฒ่าจี๋เล่อ แม้ตนเองจะมีอายุมากกว่าอีกฝ่าย แต่ในโลกนี้อีกฝ่ายคือผู้าุโ
เขาให้ความสำคัญกับลำดับาุโเป็อย่างมาก ครึ่งปีที่ผ่านมานี้อีกฝ่ายต้องลำบากมากแค่ไหนเขารู้ดี
“เ้าจะไปแล้วหรือ”
ผู้าุโจี๋เล่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียน จึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจ
“หากท่านไม่คิดอะไร จะออกไปกับข้าด้วยก็ได้”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับผู้เฒ่าจี๋เล่อ ขอเพียงออกไปจากสุสานแห่งนี้ได้ เขาก็จะหลุดพ้นจากการควบคุมของอีกฝ่าย แม้จะพาไปด้วยก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้อยู่ดี
“ช่างเถอะ ข้าไม่ออกไปหรอก หวังว่าเ้าจะไม่ลืมนัดหมายของพวกเรา”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อส่ายหัว ปฏิเสธคำเชิญชวนของเสิ่นเสวียน
“ใช่แล้ว พี่หญิงข้าจะตามออกไปด้วยใช่ไหม”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อนึกถึงเสวียนหลิงเอ่อร์ จึงถามขึ้น
“เด็กน้อย เ้าอยู่ที่นี่ให้ดีๆ รอให้เ้าฝ่าด่านเคราะห์พันปีไปได้แล้ว ข้าจะติดต่อเ้ากลับมาเอง ข้าจะออกไปกับเขาก่อน”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังออกมาจากในมิติ
“ขอรับ”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อพยักหน้าทันที แววตาของเขาเหลือเพียงความคาดหวัง
อันที่จริงเขาซ่อนตัวอยู่ในสุสานเพื่อฝ่าด่านเคราะห์พันปี และที่เมื่อครู่เสวียนหลิงเอ่อร์บอกว่า หากเขาฝ่าด่านเคราะห์พันปีไปได้นางจะติดต่อเขาเอง แสดงว่าเขาต้องฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จได้อย่างแน่นอน หากว่าสำเร็จแล้ว ตนเองจะไม่ได้เป็เพียงร่างจิติญญาอีกต่อไป
“ใช่แล้ว สุสานนี้เปิดอยู่ตลอด คนที่เข้ามาก่อนหน้านี้ออกไปกันหมดหรือยัง”
เสิ่นเสวียนนึกขึ้นได้จึงถามออกไป
“คนเ่าั้าเ็ล้มตายกันไปมากมาย่ครึ่งปีที่ผ่านมา ยังเหลืออีกหนึ่งร้อยคนกระมัง”
“หนึ่งร้อยคน... ก็ไม่น้อย”
เสิ่นเสวียนได้ยินคำของผู้เฒ่าจี๋เล่อก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ ครึ่งปีแล้วยังไม่ออกไปจากที่นี่ เจอของล้ำค่าก็คงเกิดการต่อสู้ขึ้น จิตใจละโมบเป็เหตุ แม้ตายก็ไม่เสียดาย
“ใช่แล้ว อาณาเขตที่สามของท่านอยู่ที่ไหน”
เสิ่นเสวียนนึกไปถึงคำไหว้วานของาามารตะวันตก จึงถามผู้เฒ่าจี๋เล่อออกไป
“อาณาเขตที่สาม เหอๆ ข้าไม่ได้แบ่งเขตละเอียดขนาดนั้น คนเ่าั้ช่างคิดเสียจริง ตามข้ามา”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็เหาะขึ้นไป้า เสิ่นเสวียนจึงเหาะตามไปติดๆ
ที่้า เมื่อเปิดฝาหินออก จะเหาะออกไปที่แท่นหินภายในถ้ำได้พอดี
จากนั้นเสิ่นเสวียนก็ตามร่างจิติญญาของผู้เฒ่าจี๋เล่อผ่านเส้นทางเล็กๆ สายหนึ่งออกไป เพียงไม่นานก็มาถึงป่าท้อแห่งหนึ่ง