ต่างคาดหวังในสิ่งที่ตนเองไม่้า
.............................................................................................
ณ ห้องอาหารในโรงแรมแกรนด์เซนเตอร์พอยต์ย่านสุขุมวิทเป็สถานที่นัดหมายของหญิงสาวและชายหนุ่ม...
“สวัสดีค่ะ...” อัญชนาก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะ ที่พนักงานเสิร์ฟได้เชิญเธอเข้ามา
“สวัสดีครับ... คุณใช่ คนที่คุณป้าผมเชิญมา!!!” น้ำเสียงสะบัดห้วนกล่าวทักทายจากชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้ากับมือถือ เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างไม่เต็มตา
เขาคือทายาทคนหนึ่งของตระกูลพงษ์กุล เป็หลานชายของประพันธ์พ่อสามีของกังสดาลประธานใหญ่ของบริษัทสหพันธ์กรุ๊ป
“อัญชนาค่ะ...” ร่างบอบบางในชุดสูทลำลองสีกรมท่าสวมทับกางเกงสแล็กสีดำ ตอบกลับอย่างเฉยเมย ราวกับว่าเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยในการนัดหมายครั้งนี้
“เราสองคนต้องมาทำความเข้าใจกัน...” ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเข้มผูกเนคไทดำเอ่ยขึ้น โดยยังก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถืออยู่
“เื่นั้น...ฉันทราบจากคุณป้าคุณทั้งหมดแล้ว ไม่ทราบว่าต้องทำความเข้าใจอะไรอีกคะ”
“เราไม่เคยเจอกันมาก่อน มาเจอกันนี่เป็ blind date ไหม” เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเต็มตา แววตาของเขาดูระริกเข้าไปในความรู้สึกของอัญชนา
“ไม่ใช่... นี่มันคือการต่อรองทางธุรกิจมากกว่า” เธอตอกกลับอย่างสุภาพ
“ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้ว่า คุณป้าผมใช้คำไม่ถูกต้อง” ฝีปากของเขาไม่เบาเลย
“ยังไง...ฉันไม่เข้าใจ” เธอทำหน้าสงสัย
“คุณป้าบอกว่า ได้นัดให้ผมมากินข้าวกับลูกสาวของเพื่อนท่าน”
“งั้นเหรอคะ... แต่ฉันรับรู้มาว่า เราสองคนต้องมาต่อรองกัน”
“เื่อะไร...ผมไม่เข้าใจ”
“งั้นคุณว่ามาก่อนล่ะกัน อย่างที่คุณบอกฉันแต่แรกว่า เราต้องมาทำความเข้าใจกัน”
“บริษัทสินทวีทรัพย์ประกันภัย กำลังจะถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ ผมเลยถูกยัดเยียดให้เข้ามาดูแล” คำเสียดสีของเขาบาดเข้ากลางใจของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“โอเค... เราต้องทำอะไรบ้าง จากนี้ไป”
“ไม่มีอะไร ครอบครัวคุณคง้ายกคุณมาแต่งงานเพื่อลดต้นลดดอก”
“นี่มันจะมากไปแล้ว...คุณปากหมา” อัญชนาลุกยืนทันที
“ผม...สุราช ครับ” เขาเอ่ยชื่อขึ้นมาเพื่อตอบโต้
“ฉันไม่้าอยากรู้จักคนปากหมาแบบนี้... ฉันไม่ได้อยากแต่งงานด้วย” เธอโมโหเืขึ้นหน้า
“เราสองคน...ใจตรงกัน ผมไม่ได้อยากแต่งงาน แต่ถูกบังคับ”
“ไปบอกคุณป้าคุณเลย... ฉันขอยกเลิกดีลนี้” เธอหน้าหงิก โมโหจนหน้าแดง
“ผมอยากให้คุณดูตัวเลขว่า บริษัทของคุณขาดทุนขนาดต้องถูกเพิกถอนจากกลต. เรากำลังจะเข้าไปถือหุ้นกู้หน้าให้ไม่ดีกว่าหรือ” เขากำลังจะลุกขึ้นเพื่อจะไปหยิบเอกสารมาให้เธอดู
“ไม่ต้องเลย... ปล่อยมันเจ๊งไป ฉันจะไปหาคนอื่นมา take over แทน”
“อย่าลืมว่า สัญญาใจของคุณป้าผมดีขนาดนี้ ทำไมยังจะไปหาคนอื่น จะดีกว่าของผมหรือ” น้ำเสียงดูเป็ต่อมากมาย
“ผมเสนอคุณป้าไปแล้ว... ผมยอมแต่งงานให้ แต่ผมไม่ขออยู่ด้วย”
“แล้วคิดว่าฉันจะยอมหรือ ฉันไม่ได้อยากอยู่ร่วมห้องเดียวกับคนแบบนี้เหมือนกัน ไม่ได้ให้เกียรติกัน” เธอเถียงกลับ
ทั้งสองขึ้นเสียงใส่กันค่อนข้างดัง จนโต๊ะรอบๆ ต่างหันมามองคนทั้งสอง สุราชจึงถือ
วิสาสะดึงข้อมือของอัญชนาลากไปที่ลิฟต์ เพื่อดึงเธอขึ้นไปดูเอกสารที่ห้องพักของเขา
“นี่สุภาพหน่อย...ฉันไม่อยากขึ้นห้องกับนายเลยนะ”
“ผมอยากให้คุณมาดูเอกสารทั้งหมด”
“ทำไมไม่เอาลงมาให้ฉันดูล่ะ”
“มันค่อนข้างเยอะ” เขาหาข้ออ้าง
เธอเดินตามแต่โดยดีหลังจากเถียงกันครู่หนึ่ง ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกสุราชโมโหที่ถูกเธอด่าใส่หน้า
“อย่างนายก็แค่ข่มเหงพวกเรา อย่าเอาความรวยมาเบ่งรัศมีแถวนี้ ครอบครัวฉันแม้จะตกต่ำวันนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้”
“นายมันก็แค่หมาตัวหนึ่ง... เดินหมากตามเกมของผู้ใหญ่”
สุราชได้ยินคำนี้เหมือนสบประมาทอย่างแรง เขาโมโหกัดฟันจนกรามนูน หน้าแดงก่ำ กระชากเธอเข้าห้องอย่างไม่ปราณี
“ปากกล้าอวดดี...ด่าแรงขนาดนี้เลยเหรอ” เขาเดินไปดึงกระเป๋าลากใบย่อมมาเปิดออก แล้วยกเอกสารมาวางบนโต๊ะทำงานตัวเล็กหน้าโซฟารับแขก
“มาดู...ตัวเลขทั้งหมดว่ามันขนาดไหน” เขาเข้ามาจับแขนลากเธอไปดู ขณะอัญชนาขัดขืน
“ไม่ต้องกระชาก... ฉันเดินไปเองได้” เธอตะคอกใส่
อัญชนานั่งลงตรงเก้าอี้หน้าชายหนุ่ม เขาเปิดเอกสารแต่ละชิ้นยื่นให้ดู หญิงสาวไม่เคยรู้เลยว่า ทำไมบริษัทของครอบครัวจึงขาดทุนได้ขนาดนี้ หนี้เกือบร้อยล้านมันมากเกินกว่าเธอจะไปหาใครมาช่วย ป้ากังสดาลเพื่อนของคุณแม่เธอได้ยื่นมือเข้ามาแก้ไขเพื่อยกภาระหนี้เหล่านี้ให้กับสหพันธ์กรุ๊ปไปบริหาร
“ผมเพิ่งกลับมาจากอเมริกา ถูกดึงให้มาเอี่ยวโดยไม่รู้เื่รู้ราว”
“ฉันขอบอกเลยว่า ... คุณป้ากังสดาลท่านดีมาก อยากช่วยครอบครัวฉัน แต่ที่ฉันไม่เห็นด้วยคือ ต้องมาอยู่กับคนที่ฉันไม่เคยรู้จักหัวนอนปลายเท้า” เธอเข้าใจเสียดสี
“ผมไม่มีหัวนอน แล้วคุณมีปลายเท้าหรือ” เขาพูดสลับอย่างงุนงง กับคำเสียดสีของเธอ
“เราอย่าเถียงกันเลย...ฉันเริ่มปวดหัวแล้วนะ” เธอไม่อยากเสียเวลาเถียงกับเขา
“ผมปวดหัวยิ่งกว่า ต้องมาบริหารหนี้ช่วยพวกคุณ”
“นี่... กลับไปปรึกษาคุณป้าใหม่เถอะ ฉันปวดหัวมากเลย” อัญชนาเริ่มเครียดเมื่อไหร่ ไมเกรนจะวิ่งขึ้นทันที
สุราชนึกถึงเื่ราวของผู้หญิงคนนี้ ยิ่งทำให้เขาเริ่มคิดไม่ตก ความรักระหว่างเขากับนิชารัตน์คงพังไม่มีชิ้นดี พวกเขาเพิ่งชื่นมื่นกลับกันมาจากปารีส
“เฮ้อ...ผมปวดหัวมากกว่าคุณอีก”
“ทำไมเหรอ... มีคนรักอยู่แล้วล่ะสิ” ดูสีหน้าท่าทางของเขาแล้ว คงไม่ผิดจากคำที่เธอว่ากลับไป
“เฮ้อ... ปวดใจ” เขาถอนหายใจบ่นพึมพำ
“ไม่เป็ไร... บอกคุณป้าว่า เราไม่อยากแต่งงาน และคุณมีผู้หญิงอยู่แล้ว”
“ไม่ง่ายอย่างที่คิด”
“ทำไมล่ะ... จะยากอะไร ฉันเห็นคุณแดกดันว่าฉัน... คุณเป็นักบริหารชั้นยอดอยู่นี่ไง” เธอจ้องหน้าเขาหยั่งเชิง
ชายหนุ่มหงุดหงิดงุ่นง่าน เดินวกไปวนมายิ่งทำให้อัญชนาปวดหัวหนักมาก เธอมีโรคไมเกรนที่ห้ามเครียดคิดเยอะอยู่ด้วย
“ผมต้องทำตามคำสั่ง”
“ขนาดนั้นเลย”
เขาทำหน้างุด ท่าทางทดท้อ...เอ่ยอย่างอ้อมแอ้ม จนอัญชนาไม่ได้ยินตอนท้ายของวลีนี้
“สหพันธ์กรุ๊ปกับครอบครัวผม... !!!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้