หนึ่งตัว สองตัว สามตัว...
นางป้อนตะขาบเข้าไปติดๆ กันห้าตัว อาการของมู่ไท่ฟู่ไม่เพียงไม่กระเตื้องขึ้น ในทางตรงข้ามร่างของเขาบิดงอรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยสีดำคล้ำ ดำจนแทบจะหยดน้ำหมึกออกมาได้ หลังจากดิ้นรนต่อสู้อย่างรุนแรงพักหนึ่ง เขากระอักเืสีดำคล้ำคำใหญ่ออกมาจากปาก
“ท่านปู่!” มู่ชิงเซียวร้องเรียกด้วยความเป็ห่วง
มู่ฮูหยินสิ้นหวังแล้วจริงๆ ร่างของนางเอียงล้มลงบนร่างของมู่ชิงหว่าน นางหมดสติทันที
“ท่านแม่ ท่านแม่” มู่ชิงหว่านใทางหนึ่งกอดมารดาเอาไว้ อีกทางหนึ่งมองไปทางเซวียนหยวนเช่อเพื่อขอความช่วยเหลือ นางกำลังจะเอ่ยปากทว่าพลันคิดถึงคำเตือนของเซวียนหยวนเช่อเมื่อสักครู่ นางจึงรีบหุบปากไม่กล้าล้ำเส้นแม้แต่ก้าวเดียว
เซวียนหยวนเช่อกำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงของกระดูกข้อนิ้ว เส้นเืสีเขียวบนหลังมือของเขาปูดโปนขึ้นมา แววตานิ่งสนิททว่าไม่ได้เอ่ยวาจาอันใด ร่างของเขาแผ่กระจายรังสีสังหารอันเยียบเย็นเพียงพอที่จะทำให้คนรู้สึกขนลุกขนพอง
เฟิ่งเฉี่ยนพลันรู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายพลันต่ำลงหลายองศา หากสายตาของเขาสามารถฆ่าคนได้ ตนเองในตอนนี้ต้องกลายเป็ศพไปเป็ร้อยรอบแล้ว!
แม้เขาจะกำลังสิ้นความอดทน แต่เขายังคงไม่ขัดจังหวะนาง หากพูดถึงจุดนี้เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกเลื่อมใสเขา
เขาบอกว่าเขาเชื่อนาง ก็ต้องเชื่อให้ถึงที่สุด!
นางซาบซึ้งใจเล็กน้อย
“พี่ใหญ่มู่ จับแน่นๆ เล่า!”
มู่ชิงเซียวพยักหน้าขบฟันแน่น อย่างไรผลที่เลวร้ายที่สุดก็เป็เช่นนี้ จะเลวร้ายไปถึงไหนกัน เขากอดร่างที่กำลังดิ้นรนต่อสู้ของท่านปู่เอาไว้แน่น แต่นาทีถัดมาเมื่อได้ยินคำพูดประโยคถัดมาของนางแล้ว เขาเกือบจะะโลงมาจากเตียง
“ป้อนอีกสิบตัว ก็น่าจะพอแล้ว” มุมปากเฟิ่งเฉี่ยนยกขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในสายตาของผู้อื่นแล้ว นางเป็คนสติฟั่นเฟือนโดยสิ้นเชิง เป็คนเสียสติที่ไม่อาจเข้าใจได้
ครั้งที่หนึ่ง กลืนตะขาบเป็ๆ ลงไปห้าตัว ไท่ฟู่มีอาการชัก
ครั้งที่สอง กลืนตะขาบเป็ๆ ลงไปอีกห้าตัว ไท่ฟู่กระอักเื
ครั้งที่สาม จำนวนของตะขาบไม่ได้น้อยลงมีแต่จะเพิ่มขึ้น เสียสติเกินไปแล้ว!
์เท่านั้นที่รู้ว่าไท่ฟู่ถูกนางทรมานจนกลายสภาพเป็อย่างไรบ้าง
หนึ่งตัว สองตัว สามตัว...
หมอหลวงทั้งหลายได้แต่ปากอ้าตาค้าง นี่ไม่ใช่การใช้พิษฆ่าคน แต่เป็การวางยาพิษให้คนที่ตายไปแล้ว!
ถูกต้อง ในสายตาของพวกเขา แม้มู่ไท่ฟู่จะยังมีลมหายใจ ทว่าแตกต่างอะไรจากคนตายไปแล้วเล่า!
ต่อให้เป็ใครก็ตามต้องมากลืนตะขาบเป็ๆ สิบกว่าตัวก็ไม่อาจรอดชีวิตมาได้ทั้งสิ้น เป็เื่ของเวลาเท่านั้นเอง
มู่ฮูหยินได้สติฟื้นขึ้นมาอย่างไม่ง่ายดายนัก เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นเฟิ่งเฉี่ยนยังคงป้อนตะขาบให้บิดาของสามีกินอย่างไม่ลดละ หัวใจของนางรู้สึกเสียดไปหมด นางหายใจไม่ได้ ดวงตาทั้งคู่เหลือกเห็นตาขาวและหมดสติไปอีกครั้ง
ลำคอของมู่ชิงหว่านปูดโปน สุดท้ายทนไม่ไหว นางอาเจียนอีกครั้ง มองเห็นสิ่งของที่ตนเองอาเจียนออกมานางยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียน เมื่ออ้าปากร้อง อ๊อก เกือบจะอาเจียนน้ำย่อยสีเขียวก็ออกมาด้วย
ต่อมาประสาทััทั้งห้าของเฟิ่งเฉี่ยนราวกับถูกปิดตายเอาไว้ นางไม่ได้ยินเสียงจากรอบข้างอีกเลย นางตั้งใจป้อนตะขาบตัวที่สี่ ตัวที่ห้า ตัวที่หก...นางไม่หยุดป้อนตะขาบเข้าปากไท่ฟู่!
ในสายตาของผู้อื่นแล้วการกระทำของนางอาจดูเหมือนบ้าคลั่งอยู่บ้าง ส่งผลให้คนไม่อาจเข้าใจ ทว่าในใจนางกลับกระจ่างแจ้งว่าทุกๆ ปฏิกิริยาของไท่ฟู่แสดงให้เห็นว่าวิธีการถอนพิษของนางได้ผล หากหลังจากไท่ฟู่กินตะขาบมีพิษร้ายแรงลงไปแล้ว ร่างกายยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ โต้ตอบจริงๆ เช่นนั้นเขาก็หมดทางเยียวยา แต่สถานการณ์เป็ไปในทางตรงกันข้าม ร่างกายของไท่ฟู่ไม่เพียงแต่มีปฏิกิริยา แต่เป็ปฏิกิริยาอย่างรุนแรง นางจึงดีใจมาก
ครั้งแรกที่ช่วยถอนพิษให้คนถึงกับเป็พิษที่มีความยากเช่นนี้ ในใจนางย่อมต้องตื่นเต้นกว่าใคร ทว่าเมื่อนางเห็นวิธีการถอนพิษของตนได้ผลนางย่อมต้องตื้นตันกว่าคนอื่นๆ น่าเสียดายที่นางไม่อาจแบ่งปันกับผู้ใดได้และไม่มีใครเข้าใจนางเช่นกัน
นางทอดถอนใจเมื่อป้อนตะขาบทั้งสิบตัวเข้าไปในปากของไท่ฟู่ จากนั้นเก็บขวดโหล นั่งสังเกตอาการเงียบๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่ไท่ฟู่มีน้ำลายสีขาวออกจากปาก
เฟิ่งเฉี่ยนลุกขึ้นปรบมืออย่างดีใจ “ดี ดีเหลือเกิน!”
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ไท่ฟู่มีเืไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด
เฟิ่งเฉี่ยนดีดนิ้วเสียงดัง “เรามาถูกทางแล้ว! มันได้ผล!”
ไม่นานนักร่างของไท่ฟู่เหยียดตรง ไม่มีลมหายใจ
เฟิ่งเฉี่ยนะโขึ้นมา “สำเร็จแล้ว! ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
เมื่อเงยหน้าขึ้นพบว่าสายตาของคนทั้งหมดมองนางราวกับเป็คนเสียสติ ในสายตาของพวกเขา นางเสียสติไปแล้ว
เพราะไม่ได้ช่วยให้คนรอดตาย นางยากจะหนีจากโทษตาย ดังนั้นนางจึงใจนเสียสติ
คนในเรือนทั้งหมดรู้สึกเศร้าเสียใจ
มู่ชิงเซียวกอดร่างไร้ิญญาอันแข็งทื่อของมู่ไท่ฟู่ เขาเป็ทุกข์และสิ้นหวัง “ท่านปู่ ท่านปู่...”
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดสายตามองเขาปราดหนึ่งแล้วตบไหล่เขา “พี่ใหญ่มู่ ท่านร้องไห้ทำไมกัน มู่ไท่ฟู่ไม่ได้ตายสักหน่อย!”
มู่ชิงเซียวยิ่งเป็ทุกข์มากขึ้นไปอีก ท่านปู่ตาย นางเสียสติ เขารับเื่โหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจึงผลักเขา “ท่านวางร่างของไท่ฟู่ให้นอนราบเสียก่อน อีกประเดี๋ยวเขาจะฟื้นขึ้นมาเอง”
เขายังคงไม่มีปฏิกิริยาอยู่นั่นเอง เฟิ่งเฉี่ยนจึงได้แต่ลงมือเองอย่างจนปัญญา
มู่ชิงเซียวปล่อยให้นางดึงร่างของท่านปู่ออกจากอ้อมแขนของตนเองแล้ววางราบกับเตียงนอน เขานั่งทึ่มทื่ออยู่ที่เดิม ดวงตาทั้งคู่แข็งทื่อ เ็ปจนหาตนเองไม่เจอ
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นมู่ไท่ฟู่มีเืออกจากทวารทั้งเจ็ด และไม่มีลมหายใจ นางจึงจับชีพจรที่นิ่งสนิทของเขา แล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างดีใจ “ครั้งแรกที่ช่วยคนถอนพิษก็ทำสำเร็จแล้ว ข้าช่างเป็อัจฉริยะจริงๆ!”
“หุบปาก!” เซวียนหยวนเช่อพลันคว้าข้อมือนางด้วยใบหน้าดำทะมึนน่ากลัว ั์ตาดำขลับนั้นกลายเป็เปลวไฟที่แทบจะกลืนกินร่างของนาง “ร่างไร้ิญญาของไท่ฟู่นอนอยู่ที่นั่น เ้าถึงกับยังพูดจาเช่นนี้ออกมาอีก มนุษยธรรมในใจของเ้าถูกสุนัขกินไปแล้วหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงันเล็กๆ และโมโหขึ้นมาทันที นางถลึงตาใส่เขาและตะคอกใส่เขาว่า “เซวียนหยวนเช่อ ถึงที่สุดแล้วท่านยังคงไม่เชื่อข้าอยู่ดี! ปากบอกว่าเชื่อข้า ที่จริงแล้วแต่ไรมาท่านไม่เคยเชื่อข้าเลย! เสียดายเมื่อสักครู่ข้ายังรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง ที่แท้เป็ข้าเองที่มองท่านผิดไป! มนุษยธรรมในใจของท่านต่างหากเล่าที่ถูกสุนัขกินลงไป!”
“เ้า...” ฝ่ามือถูกเงื้อสูงขึ้น กลิ่นอายสังหารอันเยียบเย็นแผ่กำจายออกมาจากร่างของเซวียนหยวนเช่อ
อากาศแทบจะกลายเป็น้ำแข็ง!
ความเงียบสงัดอันแปลกประหลาด แปลกประหลาดกระทั่งไม่มีคนกล้าทำลายความเงียบนี้
เฟิ่งเฉี่ยนหัวใจสั่นสะท้าน ในใจราวกับมีไฟสุม ดวงตาของนางแทบจะแลบเปลวไฟออกมา นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาแล้วเอะอะโวยวายเสียงดัง “ท่านตีสิ! ท่านตีสิ! อย่างไรท่านก็มองข้าขัดหูขัดตามานานแล้ว ท่านเลือกเอาจะซัดข้าให้ตายในฝ่ามือเดียว หรือไม่ก็ไสหัวไปให้ไกลซะ!”
“เ้าบังอาจ!” เซวียนหยวนเช่อตวาดลั่น มือของเขากำเป็หมัดแน่น
เฟิ่งเฉี่ยนกัดฟันถลึงตาใส่เขา กระทั่งความเ็ปอย่างรุนแรงส่งผ่านมาจากข้อมือ ทำให้ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว “เซวียนหยวนเช่อ ข้าทุ่มเทจิตใจช่วยท่านรักษาไท่ฟู่ แต่ท่านทำเช่นนี้กับข้าหรือ มารดา!ท่านอย่าเสียใจก็แล้วกัน!”
“ลองพูดคำหยาบอีกคำหนึ่ง ลองดูสิ” สายตาของเซวียนหยวนเช่อเยียบเย็นจนทำให้คนใจสั่นสะท้าน เฟิ่งเฉี่ยนกลัวเหลือเกินว่าข้อมือของนางจะถูกเขาบีบจนแหลกละเอียด
คนสองคน ดวงตาสี่ดวงประสานกัน ไม่มีใครยอมถอยให้ใคร!
คนที่อยู่ที่นั่นต่างมองกันจนทึ่มทื่อ คนผู้นี้ขวัญกล้าเทียมฟ้า ถึงกับกล้าโต้เถียงกับฮ่องเต้ เสียสติไปแล้วจริงๆ!
พลันมีเสียงครางอืออามาจากบนเตียงในเวลานี้เอง เสียงนั้นเบายิ่ง แต่ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมดในชั่วพริบตา
