เพราะเื่วันครบรอบของหวังเจี้ยนบวกกับเื่ของหวังหลง อารมณ์ของหวังเฉิงนั้นจึงไม่ได้ดีอะไรเท่าไหร่ แต่โชคดีที่หร่านซวี่จืออยู่เคียงข้างเขาตลอด
ตอนที่กลับไป หร่านซวี่จือเอ่ยกับหวังเฉิง “พี่หวัง พี่รู้เื่เกี่ยวกับบริษัทของคุณหวังไหม? ”
หวังเฉิงพินิจอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยด้วยเสียงนิ่งขรึม “ฉันมีเอกสารส่วนตัวของพ่อ ได้กลับมาจากเมืองเอ ตอนสามปีที่แล้ว”
“ให้ผมดูได้หรือเปล่า? ” หร่านซวี่จือขยับแว่นตา
หวังเฉิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “นายจะดูไปทำไมกัน? ”
“ไม่ได้ก็ไม่เป็ไร” หร่านซวี่จือยิ้ม รอยช้ำบนใบหน้ายังคงไม่หายไปไหน หวังเฉิงมองดูใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือแล้วก็รู้สึกเอ็นดูอยู่ในใจ
“พรุ่งนี้เช้าฉันเอาไปให้นายก็แล้วกัน” หวังเฉิงขยี้ผมของหร่านซวี่จือ “นายอย่าทำหายก็แล้วกัน”
หร่านซวี่จือพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“เด็กน้อยยังอยากเป็นักสืบอยู่อีกหรือ? ” หวังเฉิงพูดจบ ก่อนที่จะจากไปก็จูบมุมปากของหร่านซวี่จือหนึ่งครั้งและมันก็ทำให้เขาเจ็บจนต้องซี้ดปาก
หร่านซวี่จือเดินจากนอกห้องเข้ามาในห้อง บังเอิญเห็นไป๋หลิงฮัวนอนงีบอยู่บนเก้าอี้โยก ตำแหน่งของเธออยู่ใกล้หน้าต่างจึงไม่รู้ว่าเมื่อครู่มองเห็นหรือไม่
เดิมทีหร่านซวี่จืออยากแกล้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ขณะที่เดินอ้อมเธอไป ไป๋หลิงฮัวกลับพูดขึ้น
“เสี่ยวหลิง แกคิดว่าพี่หวังเป็คนอย่างไร? ”
ฝีเท้าของหร่านซวี่จือชะงักแล้วหันหลังมา เขาจ้องมองพื้นพร้อมกับตอบ “เป็คนดีครับ ดูแลผมอย่างดี”
“อืม” ไป๋หลิงฮัวหาว เดิมทีท่วงท่าที่น่าจะดูห่ามๆ แต่กลับดูสง่าและดูดี
“วันนี้พี่หวังตบแกหรือ? ”
ใบหน้าของหร่านซวี่จือนั้นมีรอยจริงๆ แต่นั่นก็เป็เื่หลายชั่วโมงก่อน และก็ได้ทายาที่สถานีอนามัยแล้ว ตอนนี้หากไม่สังเกตดีๆ อาจจะไม่ชัดเจนมากขนาดนั้น
ไป๋หลิงฮัวเพียงแค่ปรายตามอง เธอก็รู้ว่ามีรอยนิ้วมือแล้วยังบอกว่าหวังเฉิงเป็คนทำร้าย ทำให้หร่านซวี่จือรู้สึกว่าเหลือเชื่อ
ทำไมไป๋หลิงฮัวถึงคิดว่าเป็หวังเฉิงั้แ่แวบแรก? นี่มันบังเอิญหรือมีเหตุอย่างอื่น?
หร่านซวี่จือเงยหน้าและสบตากับไป๋หลิงฮัว
เวลาที่ไป๋หลิงฮัวมองคนนั้นจะต่างจากคนอื่น แววตาของเธอนั้นมองออกไปแบบกระจายออกเป็วงกว้าง เมื่อคนอื่นมองไป ก็จะรู้สึกว่าไป๋หลิงฮัวกำลังเหม่อ หรือบางทีก็มองไปไกล
แต่หร่านซวี่จือมองออกว่าสายตาของไป๋หลิงฮัวนั้นมีจุดศูนย์รวม และจุดศูนย์รวมตอนนี้คือตัวเขาเอง
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ” หร่านซวี่จือตอบ
ไป๋หลิงฮัวตอบรับ “อืม” แล้วไม่ได้พูดอะไร
ขณะที่หร่านซวี่จือเพิ่งกลับมาจากนอกเมือง ่เวลาที่ได้อยู่กับไป๋หลิงฮัวนั้นก็นานที่สุด ั้แ่หลังจากที่เขาคบหากับหวังเฉิง หร่านซวี่จือก็ดึงระยะห่างออกจากไป๋หลิงฮัวอย่างไม่ตั้งใจ
พูดตามความเป็จริง แม้ไป๋หลิงฮัวจะแต่งกายแต่งหน้าเหมือนผู้ใหญ่ แต่บางเวลาจิตใจก็เหมือนเด็ก ในเื่ของความสามารถในการจัดการชีวิตก็เป็เพียงสาวบ้านนอก แต่กลับเหมือนคุณหนูลูกเศรษฐีจึงมักจะดูต่างจากผู้อื่นอยู่หนึ่งระดับ
่ค่ำขณะที่บ้านแซ่ไป๋กำลังกินข้าวกัน ไป๋ซวงกับไป๋เหมยนั่งสนทนากันกลางโต๊ะอาหารและกำลังพูดถึงเื่หัวข้อชีวิตคู่ของไป๋ซวง
“ตอนนั้นน้องเล็กเคยปรามแก บอกว่าเ้าเฉิงจวิ้นนั่นไม่มีอะไรดีหรอก บอกให้แกอย่าไปหาเขา แกดูสิ! ตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง! ”
เื่ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นกะทันหัน วันแรกทะเลาะกัน พอวันต่อมาก็เสียชีวิตไป ไป๋เหมยอยู่นอกบ้านตลอดเวลา ขณะที่กลับมาจึงยังไม่กระจ่างในหลายเื่ ตอนนี้จึงเริ่มต่อว่าไป๋ซวง
ไป๋ซวงดึงผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของเธอและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก “ใครจะไปรู้ว่าเขาคือคนเลว พวกน้าต่างก็บอกว่าเฉิงจวิ้นนั้นซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา! จู่ๆ หลิงฮัวบอกว่าห้ามเราอยู่ด้วยกันโดยไม่มีเหตุผล จะให้ฉันเชื่อได้อย่างไรล่ะ? ”
“เฮ้อ” ไป๋เหมยถอนหายใจ “คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ”
หร่านซวี่จือไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ก็แอบเหลือบมองไป๋หลิงฮัว เห็นเธอมีท่าทางธรรมชาติและมีท่าทีปกติ เหมือนกับไม่ได้ยิน
ตอนที่ไป๋ซวงกับเฉิงจวิ้นคบหากัน ไป๋หลิงฮัวเคยเตือนไป๋ซวงอย่างนั้นหรือ?
ไป๋หลิงฮัวรู้ว่าเฉิงจวิ้นเป็ตัวปัญหางั้นหรือ?
ห้องของไป๋หลิงฮัวกับหร่านซวี่จืออยู่ข้างกัน เฉิงจวิ้นสามารถมาแอบดูหร่านซวี่จือที่ขอบหน้าต่าง ก็เพราะว่ากำแพงบ้านของพวกเขานั้นมีรูเป็ช่อง
ตอนเช้าหร่านซวี่จือชวนหวังเฉิงไปส่องที่รูนั้นด้วยกัน
บ้านของเฉิงจวิ้นอยู่ข้างกัน รูนั้นมีขนาดไม่กี่สิบเิเ หากผู้ใหญ่้ามุดเข้ามาก็สามารถทำได้
หร่านซวี่จือมองดูรูบนกำแพงบ้านแล้วนั่งย่อลงเพื่อดูละแวกใกล้เคียงกับรู พื้นตรงนี้เหมือนมีร่องรอยเสียดสีเป็เวลายาวนาน เห็นทีนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉิงจวิ้นมุดรูนี้เข้ามา
นานมาแล้วไป๋เหมยอยากหาคนมาช่วยถมรูนี้ แต่เนื่องจากมีธุระค่อนข้างเยอะ และรูนี้ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรแก่ชีวิต นานวันเข้าจึงลืมไป
หวังเฉิงถมน้ำลายลงบนพื้นแล้วขมวดคิ้วแน่น “เ้าสุนัขนี่ น่ารังเกียจจริง มันหล่นลงมาตายยังถือว่าน้อยไป”
หร่านซวี่จือกลับไม่ได้พูดอะไร
หลายคืนก่อนหน้านั้นหน้าต่างมักจะถูกเปิดไว้ตลอดเวลา ไม่มีครั้งไหนที่เห็นเงาคน แต่นับจากเหตุการณ์ที่ได้อยู่กับเฉิงจวิ้นเพียงลำพัง คืนนั้นก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
ดูจากร่องรอยนี้ หากว่าเฉิงจวิ้นมุดเข้ามาเป็ประจำ ถ้าอย่างนั้นหลายครั้งก่อนหน้านั้นเขาเข้ามาเพื่อทำอะไร?
“จะว่าไปแล้ว” จู่ๆ หวังเฉิงก็เอ่ย “ก่อนหน้านี้ฉันมาที่ห้องของนาย ตอนที่เดินผ่านห้องพี่สาวนายห้องนั้นก็ได้ยินเสียงจากข้างใน”
หร่านซวี่จือลุกขึ้นจากพื้น เมื่อได้ยินคำนี้ถึงกับอึ้งไป
“น่าจะเป็คืนที่จ้าวผิงตายคืนนั้น ตอนนั้นเวลาก็ดึกมากแล้ว” หวังเฉิงเอ่ย “ฉันได้ยินเสียงดังมาจากห้องพี่สาวนาย เสียงนั้นจะว่าเบาก็ไม่เบา แต่พอไปยืนฟังหน้าประตูสักพักก็ไม่ได้ยินแล้ว ตอนนั้นฉันคิดว่าหูของฉันมีปัญหา จึงไม่ได้สนใจ”
หร่านซวี่จือ “ความหมายของพี่คือ ก่อนหน้านี้เฉิงจวิ้นเคยเข้าห้องพี่สาวฉัน? ”
หวังเฉิงพยักหน้า “เป็ไปได้”
พูดจบก็อดไม่ได้ที่จะด่าตนเอง “นี่มันเดนคนจริงๆ! ทำไมตอนนั้นพ่อถึงช่วยเหลือคนแบบนี้? ”
“พ่อพี่ตอนนั้น? ” จู่ๆ หวังเฉิงก็พูดสิ่งที่หร่านซวี่จือคาดไม่ถึง “ตอนนั้นพ่อพี่เคยช่วยเฉิงจวิ้นไว้อย่างไรหรือ? ”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกกับนายไม่ใช่หรือว่าพ่อเคยให้ทุนการศึกษานักเรียนหลายคน? ” หวังเฉิงหงุดหงิดพร้อมกับเกาศีรษะ
“ในหมู่บ้านเรามีเฉิงจวิ้น เสี่ยวจาง แล้วก็อีกหลายคน ตอนนั้นล้วนพึ่งพาเงินจากพ่อของฉันถึงสามารถร่ำเรียนได้ ตอนนั้นบริษัทของพ่อยังเป็เพียงธุรกิจขนาดเล็กแต่ก็ทำเื่บริจาคเรื่อยมา” หวังเฉิงเอ่ย
คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวจางกับเฉิงจวิ้นจะได้รับทุนการศึกษาจากหวังเจี้ยนมาก่อน
“ช่างเถอะ วันนี้่บ่ายพี่จะมาช่วยถมรูนี้ให้นะ” หวังเฉิงใช้เท้าถีบดินโคลนบนรู “เห็นแล้วก็อัปมงคล”
หวังเฉิงไปล้างดินโคลนด้านนอก ส่วนหร่านซวี่จือนั้นก็นั่งรออยู่ในบ้าน แล้วหาคุกกี้บนโต๊ะมาแกะห่อแล้วเคี้ยวกิน
“เสี่ยวหลิง ว่างหรือเปล่า? ” ไป๋หลิงฮัวเรียกหร่านซวี่จือจากในห้อง
หร่านซวี่จือตอบรับในขณะที่ยัดคุกกี้ไม่กี่แผ่นสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นก็เดินไปห้องของไป๋หลิงฮัว
ไป๋หลิงฮัวลองเสื้ออีกแล้ว ตอนนี้ไป๋เหมยกับไป๋ซวงทำงานอยู่ข้างนอก ในบ้านจึงมีเพียงหร่านซวี่จือเท่านั้น ฉะนั้น ทุกครั้งที่ไป๋หลิงฮัว้าความช่วยเหลือจึงได้แต่เรียกเขา