“วันนี้ที่เรียกเ้ามา ก็เพื่อจะบอกว่า ข้าจะพามารดาของเ้าไปด้วย ตราบใดที่นางอยู่ข้างกายข้า นางจะไม่ลำบากไปกว่าตอนอยู่ในจวนกู้แน่นอน ตอนนี้เสร็จธุระแล้ว พวกเ้าไปได้แล้ว” เยี่ยนจื่อเซี่ยนออกปากไล่
กู้เจิงมองแม่ทัพเยี่ยนก่อนจะถามออกมา “ท่านมีสิทธิอะไร ทำไมต้องให้ซู่เหนียงของข้าไปกับท่านด้วย? ตัวท่านสำหรับซู่เหนียงแล้วนับเป็อะไร? ท่านกล้ารับรองกับข้าได้ยังไงว่าซู่เหนียงไปกับท่านแล้วจะไม่แย่ไปกว่าตอนอยู่ที่จวนกู้?”
“มีสิทธิอะไรงั้นหรือ?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนแสยะยิ้ม หันไปมองหวังซู่เหนียง “หยวนซิ่วเอ๋อร์ เ้าไม่ได้บอกลูกสาวของเ้าหรือว่าข้ามีสิทธิอะไร?”
เดิมทีหวังซู่เหนียงมองบุตรสาวกับบุตรเขยด้วยความหวัง แต่เมื่อได้ยินเยี่ยนจื่อเซี่ยนพูดเช่นนี้ร่างกายก็แข็งทื่อ
กู้เจิงเห็นสีหน้าหวาดหวั่นของซู่เหนียง ในใจก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น ระหว่างซู่เหนียงกับแม่ทัพเยี่ยนยังมีเื่อื่นอีกหรือ?
“ซู่เหนียง นี่มันเื่อะไรกันแน่เ้าคะ?”
“ข้า ข้า...” หวังซู่เหนียงอึกอักไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
“มีสิทธิที่ว่าเราได้กราบไหว้ฟ้าดินด้วยกันแล้ว” เยี่ยนจื่อเซี่ยนพูดออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“อะไรนะ?” กู้เจิงเบิกตากว้างมองซู่เหนียง
หวังซู่เหนียงโบกมือด้วยความลนลาน “นะ นั่นไม่นับ”
“ทำไมจะไม่นับ?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนมองสตรีที่เขาตามหามาสิบกว่าปีจนถึงตอนนี้ก็ยังปฏิเสธเขาอยู่ ในใจทั้งโกรธที่ตัวเองลืมไม่ลง ทั้งเกลียดความไร้ใจที่นางมีต่อเขา “กราบไหว้ฟ้าดินสามครั้ง มอบสุราและเืเป็คำสาบาน เ้ายังตัดผมมอบให้ข้าอีก เ้าลองพูดว่าไม่นับดูอีกสิ?”
หวังซู่เหนียงริมฝีปากสั่นเครือ นางอยากจะร้องไห้แล้วจริงๆ คืนนั้นเมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาลากนางไปกราบฟ้าดินโดยไม่แถลงไขใดๆ ทั้งยังดึงมือนางมาแล้วใช้กระบี่กรีดนิ้วนางและบังคับให้นางดื่มสุราที่หยดเืของพวกเขาทั้งสองคน นางยังไม่ทันได้สติเขาก็ดึงปิ่นปักผมของนางออก กวัดแกว่งกระบี่ตัดเส้นผมของนางไป เขาบอกว่าจะพกติดตัวไปด้วย ทุกอย่างล้วนเป็เขาที่ทำอยู่คนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับนางเลย
“ซู่เหนียง?” กู้เจิงมองหวังซู่เหนียงอย่างหมดแรง นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าซู่เหนียงจะเป็หญิงเลวคนหนึ่ง
"ข้า ข้า..." หวังซู่เหนียงอยากจะโต้แย้ง แต่กลับพูดไม่ออกเมื่อเห็นสายตาผิดหวังของกู้เจิง
กู้เจิงรู้สึกปวดหัว นางฝืนพูดกับเยี่ยนจื่อเซี่ยนว่า “ไม่ได้ ซู่เหนียงกลัวท่าน” อีกทั้งนางยังเกลียดพวกแม่ทัพนายทหารมาก
หวังซู่เหนียงก็พยักหน้ายืนยัน นางไม่ชอบพวกแม่ทัพนายทหารจริงๆ นางชอบแบบบัณฑิตน้อยหน้าใสเสียมากกว่า
เยี่ยนจื่อเซี่ยนทอดสายตามองหยวนซิ่วเอ๋อร์ที่ไม่กล้ามองหน้าเขาแม้แต่น้อย “หากมารดาเ้าตามข้าไป กองทัพตระกูลเยี่ยนของข้าจะเป็กำลังเสริมของเสิ่นเยี่ยน ด้วยความช่วยเหลือของกองทัพตระกูลเยี่ยน หนทางข้างหน้าของเขาจะยิ่งง่ายดาย”
หวังซู่เหนียงเลิกคิ้วขึ้น นางลอบมองเยี่ยนจื่อเซี่ยนอย่างเงียบๆ
“ท่านมันไร้ศีลธรรม” กู้เจิงถลึงตาใส่เยี่ยนจื่อเซี่ยนด้วยสีหน้าเดือดดาล
“หนทางข้างหน้าของข้าไม่จำเป็ต้องให้ท่านแม่ทัพเยี่ยนมาใส่ใจ ข้าจะ่ชิงมาด้วยตัวเอง” เสิ่นเยี่ยนไม่ได้กังวลเื่อนาคตของตัวเอง เขามองแม่ทัพใหญ่ผู้แน่วแน่เด็ดขาดคนนี้อย่างสนใจ แม่ทัพเยี่ยนผู้นี้ปฏิเสธรัชทายาท ปฏิเสธตวนอ๋อง กระทั่งปฏิเสธเขา แต่เขากลับยอมโอนอ่อนให้แก่หวังซู่เหนียง บุรุษคนหนึ่งกลบฝังความรักไว้ลึกเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง
“หลังจากองค์ชายสามพ่ายแพ้ องค์ชายที่เหลือก็เคลื่อนไหวอย่างลับๆ พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้ข้าพึ่งพาองค์ชายที่ตั้งใจจะแย่งชิงตำแหน่งกับองค์รัชทายาท ก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อใต้เท้าเสิ่นงั้นหรือ?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนเอ่ยถามอย่างกวนโมโห
เสิ่นเยี่ยนตอบ “หากท่านแม่ทัพเยี่ยนจะเป็ศัตรูกับองค์รัชทายาทจริงๆ ก็คงจะจัดการได้ยาก”
กู้เจิงสบถด่าในใจ “ท่านแม่ทัพเยี่ยน เหตุใดท่านต้องพาซู่เหนียงของข้าไปด้วยเล่า? นางมีประโยชน์อันใดต่อท่านหรือเ้าคะ?”
“หยวนซิ่วเอ๋อร์เป็ฮูหยินเอกของข้า แน่นอนว่าย่อมต้องติดตามข้าไปด้วย”
คำว่าฮูหยินเอก ทำเอากู้เจิงกับหวังซู่เหนียงชะงักงัน แม่ทัพผู้สูงส่งคนหนึ่ง ยังยึดมั่นกับการกราบไหว้ฟ้าดินที่ไม่ได้ทำตามกฎธรรมเนียมเช่นนั้น และยังมองว่าสตรีคนนี้เป็ฮูหยินเอก กระทั่งสตรีคนนี้กลายไปเป็อนุภรรยาของคนอื่นไปนานแล้ว และยังให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่งอีกด้วย
นาทีนี้กู้เจิงเข้าใจได้ในทันที เยี่ยนจื่อเซี่ยนรักซู่เหนียง
บิดาไร้ค่าคนนั้นไม่เคยให้ความสำคัญกับซู่เหนียงเลย ถึงซู่เหนียงจะมีชีวิตที่กินดีอยู่ดี แต่บิดาไร้ค่าคนนั้นกลับไม่เคยให้ความรักและการเอาใจใส่ต่อนางเลย
กู้เจิงมองไปทางซู่เหนียง เห็นนางมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด นางปวดหัวจริงๆ
ขณะนั้นเอง เยี่ยนจื่อเซี่ยนก็ะโออกไปทางนอกประตูว่า “ทหาร”
มีนายทหารคนหนึ่งเดินถือสมุดเล่มบางเข้ามา เขายื่นให้ท่านแม่ทัพ ก่อนจะถอยออกไปอย่างนอบน้อม
“สมุดบัญชีพวกนี้ใช้บันทึกค่าใช้จ่ายและรายได้ของจวนเยี่ยนหวังของข้าไว้ ในทุกปีจวนเยี่ยนหวังมีรายได้มากกว่าห้าแสนตำลึง หยวนซิ่วเอ๋อร์ หลังจากเ้าติดตามข้าไป สิ่งเหล่านี้จะเป็ของเ้า เ้าอยากจะใช้จ่ายอย่างไรก็ใช้ไป จะซื้อสาวใช้กี่คนก็ซื้อได้ หรือต่อให้เ้า้าตกแต่งให้จวนของข้าเป็เหมือนอย่างจวนกู้ ข้าก็จะไม่ว่าอะไร” เยี่ยนจื่อเซี่ยนโยนสมุดบัญชีลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าเ็า
เมื่อเยี่ยนจื่อเซี่ยนพูดถึงเงินดวงตาของหวังซู่เหนียงก็เปล่งประกาย มือที่เดิมทีจับแขนบุตรสาวไว้แน่นค่อยๆ คลายออก ดวงตาใสมองเยี่ยนจื่อเซี่ยนด้วยความหวาดกลัวอยู่บ้าง ทว่ามือกลับหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดู
เสิ่นเยี่ยน “...”
มุมปากของกู้เจิงกระตุก แม่ทัพเยี่ยนผู้นี้รู้จักซู่เหนียงดีเหลือเกิน
“ถ้าข้าติดตามท่านแม่ทัพไปจริงๆ สิ่งเหล่านี้ก็จะตกเป็ของข้าหรือเ้าคะ?” พอหวังซู่เหนียงเห็นตัวเลขจริงในสมุดบัญชี ก็ยิ้มหน้าบาน
“ข้าพูดคำไหนคำนั้นมาแต่ไหนแต่ไร จะมากลับคำภายหลังได้อย่างไร?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนมองสตรีตรงหน้าที่สูงถึงแค่ไหลเขาอย่างเยือกเย็น
กู้เจิงคลึงขมับ
“เ้าต้องร่างหนังสือสัญญา ให้ลูกสาวและลูกเขยของข้าเป็คนจัดการดูแล” หวังซู่เหนียงยิ้มจนแก้มแทบปริ
“ได้” เยี่ยนจื่อเซี่ยนรับคำ
“ซู่เหนียง นี่ท่านยอมขายตัวเองอย่างนั้นหรือ?” กู้เจิงพูดอย่างไม่อยากเชื่อ คนที่เมื่อครู่ยังทำหน้าไม่ยินดีอยู่คือใครกัน?
หวังซู่เหนียงยื่นหน้าสุดท้ายของสมุดบัญชีไปตรงหน้าบุตรสาว “เ้าดูสิ เยอะมากเลย ต่อให้เ้าเอาแม่ไปขาย ก็ไม่อาจขายได้เงินมากขนาดนี้”
กู้เจิงแทบจะกระอักเืออกมา “ซู่เหนียง ไม่ใช่ว่าท่านกลัวแม่ทัพเยี่ยนหรอกหรือ? ท่านเกลียดพวกแม่ทัพนายพลมากที่สุดนี่นา”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังซู่เหนียงแข็งค้าง มองสมุดบัญชีในมือแล้วแอบอาลัยอาวรณ์ ก่อนกัดฟันกล่าวว่า “ถ้าข้าเห็นมากๆ เข้า ก็อาจจะไม่กลัวแล้ว?”
“ท่านแม่ทัพเยี่ยน หากต่อไปข้าติดตามท่านแล้ว ท่านจะคอยช่วยลูกสาวกับลูกเขยของข้าแน่ใช่ไหมเ้าคะ?” หวังซู่เหนียงถาม
“ย่อมเป็เช่นนั้น” เยี่ยนจื่อเซี่ยนตอบอย่างมั่นใจ
หวังซู่เหนียงดึงบุตรสาวมากระซิบว่า “คุ้มค่าเหลือเกิน ใช่ไหม?”
ความตื่นเต้นบนใบหน้าของซู่เหนียงทำเอากู้เจิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี นางทั้งฉุนและขัน
อันที่จริงการปฏิบัติตัวของแม่ทัพเยี่ยน กู้เจิงนั้นวางใจ ทว่าซู่เหนียงของนางกลับไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง แต่การที่ซู่เหนียงยอมตามแม่ทัพเยี่ยนไป นางย่อมจะมีอิสระมากกว่าการอยู่ในจวนกู้ และสบายกว่ามากกระมัง
“ลูกเอ๋ย แม่ไม่อยากห่างจากเ้าเลย” จู่ๆ ซู่เหนียงก็กอดกู้เจิงแล้วร้องไห้ “แม่ต้องตามไปเิเป่ยแล้ว ต่อไปถ้าเ้าไม่สบาย แม่คงไม่ได้อยู่ดูแลเ้าแล้ว”
“ซู่เหนียง คำอำลาเช่นนี้ ท่านไม่คิดว่าพูดเร็วเกินไปหน่อยหรือเ้าคะ?” กู้เจิงยังไม่ได้เตรียมใจเลย
“ไม่เร็วหรอก มนุษย์ย่อมต้องเลือกทางเดินชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ใช่ไหมเล่า?” หวังซู่เหนียงเอ่ยปลอบ
กู้เจิง “...” นางหมดทางจะโต้แย้งโดยสิ้นเชิง